Thursday, January 9, 2025

เจาะลึกทุกแง่มุมของฝรั่งเศสในพิธีเปิดปารีส โอลิมปิก 2024 ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าซอฟต์พาวเวอร์ของฝรั่งเศสไม่ได้มีแค่ความงามทางแฟชั่น การปฏิวัติ ศิลปะ ดนตรี รวมถึงประวัติศาสตร์ต่างๆ ยังเป็นอีกสิ่งที่น่าจดจำและมีคุณค่าอย่างมากด้วยเช่นกัน ในพิธีเปิดปารีส โอลิมปิก 2024 เป็นอีกหนึ่งพิธีเปิดที่เชื่อว่าโลกจะต้องจดจำไปอีกนาน ซึ่งวันนี้แอลจะมาพาคุณสำรวจประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสที่ส่งผลมาถึงทุกวันนี้ โดยถูกนำเสนอผ่านการแสดงในงานเปิดมหกรรมกีฬาปีนี้ และเป็นสิ่งที่ทำเอาผู้ชมถึงกับตะลึงในความกล้าเปิดเผย การเสียดสี และความสร้างสรรค์ของโชว์

Marie Antoinette: Provocation of the Revolution

‘เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ’ คำขวัญประเทศฝรั่งเศสที่ถูกตีความออกมาในรูปแบบการแสดง และเป็นไอคอนิกโมเมนต์ที่อาจถูกพูดถึงในทุกๆ โอลิมปิกเลยก็ว่าได้ ครั้งนี้ฝรั่งเศสได้หยิบเอาบุคคลทางประวัติศาสร์ ‘พระนางมารี อ็องตัวแน็ต’ ในสภาพศีรษะขาดจากถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินตอนปีค.ศ. 1793 โดยการเสียชีวิตของพระนางมารีเป็นจุดสิ้นสุดของระบอบกษัตริย์ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ รวมถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสอันส่งผลมาถึงปัจจุบัน

ความพิเศษของโชว์นี้คือการที่พระนางมารีปรากฏตัวขึ้นหลังเพลง ‘Do You Hear The People Sing’ เพลงประกอบภาพยนตร์ Les Misérables และเป็นเพลงที่ถูกใช้ในการปฏิวัติทางการเมืองในหลายประเทศนอกจากฝรั่งเศส เช่น ไทย ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ทั้งยังปรากฏตัวพร้อมเพลง ‘Ça Ira’ ฉบับเมทัล ซึ่งเป็นเพลงที่นิยมมากในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส แสดงถึงความหวังของเหล่านักเคลื่อนไหว ดังคำแปลชื่อเพลงที่ว่า It’ll Be Okay มากไปกว่านั้นพระนางมารียังปรากฏตัวที่ La Conciergerie พระราชวังที่ถูกขังเพื่อรอการประหาร

The Femininity: Voices of Empowerment

อีกหนึ่งรายละเอียดที่ประเทศเจ้าภาพไม่ละทิ้งนั่นคือการเชิดชูเกียรติของพลังหญิงผ่านการถ่ายถอดภาพรูปปั้นทองคำ อาทิ Alice Milliat, Gisèle Halimi, Jeanne Barret, Louise Michel และอื่นๆ อันเป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิวัติฝรั่งเศสที่สตรีหลายคนลุกมาเรียกร้องสิทธิและความเสมอภาค จนบทบาทสตรีค่อยๆ ออกจากกรอบที่ถูกตีไว้ ทำให้ผู้หญิงเริ่มมีบทบาททางสังคมและการเมืองมากขึ้น มากกว่าแค่การอยู่บ้าน เลี้ยงดูบุตรและสามีเท่านั้น

The Missing Mona Lisa

อีกหนึ่งการแสดงล้อเลียนที่เรียกเสียงหัวเราะออกมาอย่างการหายไปของภาพเขียนโมนาลิซ่า ผลงานชิ้นเอกของ Leonardo da Vinci กว่าร้อยปีก่อนเคยมีอุบัติการณ์งานศิลปะชิ้นนี้หายไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งถูกเอามาประยุกต์ใหม่เป็นโชว์พิเศษในพิธีเปิดโอลิมปิก 2024 โดยถูกแสดงพร้อมกองทัพมินเนี่ยนจากการ์ตูน Despicable Me

หากใครสงสัยว่ามินเนี่ยนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวอุบัติการณ์นี้ ต้องบอกเลยว่าเจ้ากองทัพสีเหลืองนี้เป็นเพียงนักแสดงเท่านั้น ทั้งยังเป็นผลงานของ 1 ในแอนิเมเตอร์และผู้กำกับชาวฝรั่งเศสอย่าง Pierre Coffin

The God of Olympus

ด้านเรื่องราวความเชื่อโบราณ ‘เทพเจ้าแห่งโอลิมปัส’ ที่ถูกหยิบมานำเสนอในโชว์พิธีเปิดปารีส โอลิมปิกปีนี้ ซึ่งเป็นการแสดงที่ใช้ผู้คนจากคอมมูนิตี้ LGBTQ+ และเรียกกระแสฮือฮาทั่วโลกออนไลน์เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจำลองสถานการณ์ที่โซเชียลลงความเห็นว่าคล้ายกับภาพจิตรกรรม The Last Supper หรือภาพอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับเหล่าสาวกอีกด้วย

Artistic Legends of France

นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความงามทางแฟชั่นแล้ว ฝรั่งเศสก็ยังโดดเด่นเรื่องงานศิลปะที่ยากจะละสายตา โดยงานวิจิตรศิลป์ที่เห็นในการแสดงพิธีเปิดล้วนเป็นงานคลาสสิกที่ถูกเล่าต่อปากต่อปากมานับร้อยปี ซึ่งจัดเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อีกทั้งเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่าอย่างมาก อาทิ ประติมากรรม Winged Victory of Samothrace และ Venus de Milo หรือจิตรกรรม Mademoiselle Caroline Rivière, Magdalene with the Smoking Flame และ Saint Sebastian Tended by Saint Irene

หลายคนอาจคุ้นๆ ตากับภาพ Magdalene with the Smoking Flame ผลงานของ Georges de La Tour เพราะภาพนี้เคยไปปรากฏในมิวสิกวิดีโอเพลง Part of Your World จากภาพยนตร์ The Little Mermaid นั่นเอง

เรียกได้ว่าการแสดงจากประเทศเจ้าภาพในพิธีเปิดปารีส โอลิมปิก 2024 นี้เป็นไปอย่างอลังการ และเต็มไปด้วยเรื่องราวทรงคุณค่าของฝรั่งเศส ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ชมจากทางบ้านหรือที่หน้างานเองต่างชื่นชมในการจัดงานครั้งนี้ และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าภาพโอลิมปิกคราวถัดไปอย่างลอสแอนเจลิสคงต้องทำการบ้านอย่างมากทีเดียว เพื่อไม่ให้น้อยหน้าไปกว่าเจ้าภาพบ้านไหนๆ

TEXT: YANISA LIKHITAPISIT

Latest Posts

Don't Miss