เพราะบิวตี้รูทีนไม่จำเป็นต้องยุ่งยากด้วยคอนเซ็ปต์เน้นความเรียบง่าย การใช้สกินแคร์แบบไม่ซับซ้อนด้วยส่วนผสมที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานได้ดีบนผิว
แบรนด์สกินแคร์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ INGU แบรนด์ที่เข้ามาเริ่มความเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องใช้หลายขั้นตอนให้ยุ่งยากแต่เน้นไปที่การให้ความสำคัญของส่วนผสมต่างๆ ที่คัดสรรเฉพาะส่วนผสมและปริมาณที่จำเป็นต่อผิว โดยใช้งานวิจัยรองรับจากทั่วโลกและความต้องการพื้นฐานของผิวมากกว่าทำการตลาด INGU จึงเป็นสกินแคร์ที่เข้ามาตอบโจทย์สำหรับใครที่กำลังลังเลสับสนว่าสภาพผิวตัวเองเหมาะกับผลิตภัณฑ์ชิ้นไหนหรือต้องเพิ่มขั้นตอนพิเศษอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจผิวตัวเองก่อนจะได้ผลลัพธ์พื้นฐานผิวแลดูสุขภาพดีด้วยวิธีที่เรียบง่าย

ELLE: จุดเริ่มต้นการสร้างแบรนด์ INGU อะไรคือแรงบันดาลใจและต้องการสร้างแบรนด์ INGU ให้กับลูกค้ากลุ่มไหน
INGU: INGU เกิดจากที่เราเอง (คุณอิ๊ง ชยธร กิติยาดิศัย) เคยเป็นผู้บริโภคที่ต้องใช้สกินแคร์อย่างไม่เข้าใจ เราจึงอยากที่จะให้ผู้บริโภคทุกคนที่กำลังสับสนและกำลังหาทางออกให้แก่ปัญหาผิวได้เข้าใจว่าตนเองกำลังจะซื้อผลิตภัณฑ์อะไร สารเคมี ส่วนผสมที่อยู่ในสกินแคร์ที่จะเลือกซื้อนั้น มันมีผลอะไร หรือเป็นสิ่งที่ผิวเราต้องการจริง ๆ หรือเปล่า เพราะการเลือกสกินแคร์ให้กับตนเอง ไม่ควรเป็นเรื่องที่น่าสับสน ถ้าเราเข้าใจมันและเลือกใช้อย่างเหมาะสม
ทุกคนควรสามารถเลือกสกินแคร์รูทีนที่เรียบง่ายและเข้ากับผิวตนเองได้จริง ๆ และเราต้องการที่จะสร้างแบรนด์ที่จะเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม อยากที่จะสร้างแบรนด์ที่ฟังนักวิทยาศาสตร์มากขึ้น และอยากที่จะทำให้เห็นว่าแบรนด์สกินแคร์สามารถขายของได้ โดยที่ไม่ต้องบิดเบือนงานวิจัยเพียงเพราะเพื่อโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเชื่อและซื้อผลิตภัณฑ์ แต่ต้องทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลพอที่จะตัดสินใจเองว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับผิวของเขา
ELLE: ความโดดเด่นด้านนวัตกรรมและการสร้าง branding ให้เป็นที่จดจำสำหรับผู้บริโภคของแบรนด์ INGU
INGU: จุดเด่นของแบรนด์ INGU คือ เรามองว่าเป็น Core Values ทั้ง 5 เรื่องที่เราใช้ยึดในการดำเนินงานในทุก ๆ ด้าน ซึ่งได้แก่
1. Simplify to Amplify เรามองว่าสกินแคร์ที่ดีควรจะเรียบง่ายกับผู้บริโภค เพราะความจริงแล้วผิวเป็นอวัยวะที่ฉลาดอยู่แล้ว ผิวเราไม่ได้ต้องการอะไรที่รุนแรงเพื่อทำหน้าที่แทนมันเพราะฉะนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะเป็นการพัฒนาเพื่อให้ส่วนผสมทุกตัวเน้นการทำงานร่วมกับผิว ลูกค้าจะได้สกินแคร์จาก INGU ที่มีแต่ส่วนผสมที่จำเป็นต่อผิวเท่านั้น อะไรที่เป็นส่วนผสมตามกระแส ตามกิมมิกที่เกินความจำเป็นต่อผิวเราจึงคัดออก
2. Transparent Science เราพัฒนาสูตรโดยใช้งานวิจัยคุณภาพและวิทยาศาสตร์ที่ดีเป็นตัวตั้งต้นเสมอ โดยผู้บริโภคจะได้รับรู้ว่าส่วนผสมที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นมีอะไรบ้าง และได้รับส่วนผสมในปริมาณที่งานวิจัยรองรับว่าเห็นผลจริง พร้อมกับทราบสัดส่วน % ความเข้มข้นของสารสำคัญทั้งหมด
3. Empower Local Producers เราได้เลือกใช้สารสกัดท้องถิ่นในประเทศไทยเข้ามาเป็นส่วนผสมหนึ่งทุกผลิตภัณฑ์ และได้มีการศึกษางานวิจัยจากสถาบันในไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สารสกัดไทยที่ถูกมองข้าม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้สารสกัดที่ดี พร้อมกับช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรกรไทย รวมทั้งลด Carbon Footprint อีกด้วย
4. Realistically Sustainable เรามองว่าการทำธุรกิจยังไงก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความยั่งยืน เราไม่สามารถเคลมได้ว่าเราจะเป็นเราจะแบรนด์ที่รักษ์โลกแต่เราจะทำทุกอย่างเต็มความสามารถที่จะช่วยลดปัญหาความยั่งยืนได้ โดยทุกบรรจุภัณฑ์ของ INGU จะใช้เป็นวัสดุ PCR (Post Customer Recycle) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกใช้แล้วนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปเพื่อให้เป็นพลาสติกใช้ซ้ำได้อีกครั้ง และเมื่อลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ของ INGU หมดแล้ว ก็สามารถตัดหลอดและนำไปรีไซเคิลต่ออีกครั้งได้เช่นกัน เพื่อเป็นการลดการผลิตขยะใหม่ต่อโลก
5. Facts without Fear เราต้องการให้ผู้บริโภคเข้าใจผิวของตนเองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เพราะเพียงแค่เห็นโฆษณาหรือคำเคลมเกินจริง แต่เราต้องการให้ลูกค้าเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีสารสกัดหรือส่วนผสมอะไร ในสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้และสามารถพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสมที่จะเลือกซื้อด้วยตัวของเขาเองได้

ELLE: ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นต้องผ่านกระบวนการการทำงานอย่างไรบ้าง
INGU: เริ่มจาก Consumer Pain Point ก่อนเลย เรามองเห็นถึงปัญหาของผู้บริโภคที่บางครั้งใช้สกินแคร์เยอะแยะมากมาย แต่สุดท้ายยังประสบปัญหาเดิมๆอยู่หรือ Beauty Standard ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้บริโภคว่า ผิวของฉันต้องเนียน ไร้รูขุมขน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รูขุมขนคือเรื่องปกติของทุกคน บางครั้งในบางผลิตภัณฑ์ใส่สารมาเยอะแยะ แต่ในความเป็นจริงสารปริมาณมาก อาจไม่ได้ออกฤทธิ์ตามปริมาณ เราจึงริเริ่มที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ คิดค้นหาสูตรต่างๆ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ กว่าจะออกมาเป็น 1 ผลิตภัณฑ์ จะต้องผ่านการทดสอบทั้งห้องแลป และผู้ใช้จริง จนกว่าจะมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์นั้นดีตามมาตรฐานที่เราเซ็ตไว้จริงๆ
ELLE: การเลือกส่วนผสมมีความสำคัญอย่างไรบ้างในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสารต่างๆ ในสกินแคร์
INGU: สำหรับการเลือกสารต่างๆมาอยู่ในผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้นนั้น เราคำนึงถึงคุณสมบัติและปริมาณของสารนั้นๆ ว่าเหมาะสมและตอบโจทย์กับผลิตภัณฑ์ตัวนั้นหรือไม่
ELLE: ในฐานะแบรนด์ INGU ต่อยอดมาจากการเป็นยูทูบเบอร์ทำให้มุมมองตลาดสกินแคร์ของ INGU มีข้อได้เปรียบอะไรบ้าง
INGU: ข้อได้เปรียบหลักๆ ของแบรนด์เราหลังจากการเป็นยูทูบเบอร์ก็คือ เราเคยรีวิวสกินแคร์ต่างๆ เราเคยได้รับ Feedback จากผู้บริโภค เรารู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร ทำให้เราได้เรียนรู้และรู้จักผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้สามารถทำผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าได้ บริษัทใหญ่ ต้องซื้อดาต้าและลงทุนกับการหาข้อมูลมหาศาลแต่เราในฐานะ Youtuber อยู่กับคนดูและได้ดาต้าพวกนี้อยู่ในทุกๆวัน ช่วยให้เรามี สัญชาตญาณและการตัดสินใจที่แม่นยำมากขึ้น



ELLE: ส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ของ INGU ที่ผู้บริโภคจดจำได้มีอะไรบ้าง
INGU: ในทุกๆส่วนของผลิตภัณฑ์สำคัญหมด จะเห็นได้ว่าในทุกๆ รายละเอียดจะสะท้อนถึง 5 Core Values ของแบรนด์ตั้งแต่ Simplify To Amplify เราตั้งใจจะให้ผู้บริโภคเลือกใช้แต่สิ่งที่จำเป็นต่อผิวหน้า Transparent Science เราตั้งใจที่จะเอาส่วนผสมและปริมาณ % ของส่วนผสมนั้นๆมาไว้ที่หน้ากล่องหรือหลอด เพราะเราต้องการจะสื่อสารว่า ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของเราได้ใส่ส่วนผสมมาในปริมาณที่พอเหมาะและจำเป็นเท่านั้น Fact without Fear เราต้องการที่จะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา Empower Local Producer ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของเราจะมีหนึ่งส่วนผสมที่เป็นสารสกัดของไทย เพราะเราเชื่อว่าในประเทศไทย มีสารสกัดมากมายที่มีคุณสมบัติดีๆ เยอะ และยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไทยอีกด้วย Realistically Sustainable คือการที่เราเลือกบรรจุภัณฑ์มาใช้นั้น เราเลือกใช้พลาสติก PCR เราเข้าใจว่าการรีไซเคิลในประเทศไทยอาจยังไม่ได้สะดวก เราจึงเลือกใช้ PCR อย่างน้อยๆ เราได้ทำการ Recycle มาให้แล้ว 1 สเต็ป จะเห็นได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ของ INGU จะมีทั้ง Local Ingredients และ Innovative Ingredients


ELLE:ในแง่การตลาดด้านความงามมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในฐานะแบรนด์น้องใหม่ในตลาดมีหลักการการตลาดอย่างไรให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ INGU
INGU: เราเริ่มต้นจากการมีผลิตภัณฑ์ที่ดีและเข้าใจความต้องการหรือ Insight ที่แท้จริงของลูกค้าก่อน และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ผ่าน Core Values ของแบรนด์ ทั้ง 5 ข้อ รวมไปถึงการนำเสนอจุดยืนและคุณค่าของแบรนด์ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างชัดเจน นำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

ELLE: ความงามในมุมมองของ INGU
INGU: แบรนด์เราสร้างมาจาก Pain Point ที่เราประสบมาจริงๆ จากที่เราเคยคิดว่าเราเป็นเองคนเดียว หลังจากที่มาทำช่อง Youtube พลิกหลังกล่อง ทำให้เรารู้ว่า ไม่ใช่เราคนเดียวที่พบปัญหาการใช้สกินแคร์ แต่ยังมีอีกหลายคนประสบปัญหาความงงกับการใช้สกินแคร์ ใช้สกินแคร์ราคาแพง ใช้สกินแคร์หลายขั้นตอน แต่ยังมีปัญหาผิวหน้าอยู่ ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า การที่เราสร้างแบรนด์ INGU ขึ้นมา นอกจากการที่เรามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคแล้ว เรายังต้องการที่จะ educate การใช้สกินแคร์อย่างถูกต้อง อยากให้คนรู้จักกับผิวหน้าของตัวเอง และเลือกใช้สกินแคร์อย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพผิวที่แข็งแรงขึ้น คิดว่านี่คือความจริงใจที่แบรนด์มีความตั้งใจที่จะมอบให้ผู้บริโภคจริงๆ
ELLE: ใครคือกลุ่มลูกค้าของ INGU และอะไรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าของ INGU ได้
INGU: กลุ่มคนที่รักในการดูแลตัวเองและสนใจเกี่ยวกับสกินแคร์ ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สกินแคร์เป็นอย่างมาก เคยเป็นคนที่ต้องสับสนกับข้อมูลและคำโฆษณาจากผลิตภัณฑ์ที่ล้นหลามในตลาด ทำให้ต้องประโคมสกินแคร์โดยไม่เข้าจริงๆ ว่าผิวของตนเองต้องการอะไร ชอบศึกษาและทำความเข้าใจกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้ทำความเข้าใจและสามารถหาสกินแคร์ที่เหมาะสมกับผิวของตนเองได้จริง ๆ พร้อมทั้งต้องการให้เกิดความคุ้มค่ากับราคาที่ตนเองลงทุนจ่ายและเป็นกลุ่มคนที่ชอบอยู่ใน Community เกี่ยวกับการดูแลตนเองหรือเกี่ยวกับสุขภาพ มักจะติดตามหาข้อมูลผลิตภัณฑ์จาก Review ใน Social media ที่น่าเชื่อถือ และพร้อมที่จะแชร์เรื่องราวการดูแลและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นแก่ผู้อื่น