‘You are what you eat กินอย่างไรได้อย่างนั้น’ เป็นวลีคลาสสิกที่จริงแท้แน่นอน แอลบิวตี้ชวนไขความลับผิวสวยสั่งได้ด้วยอาหารเฮลตี้ที่ไม่ต้องพึ่งแพทย์และสกินแคร์ใดๆ กินอร่อยแถมยังผิวเปล่งประกายด้วย!
Fatty Fish
ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาแฮร์ริ่ง เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 นอกจากจะมีโปรตีนและสังกะสีในปริมาณสูงตามธรรมชาติแล้ว กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีประโยชน์ในการลดการอักเสบในเซลล์ผิว และอาจทำให้ผิวของคุณเสียหายน้อยลงเนื่องจากความไวต่อแสงรังสียูวีจากดวงอาทิตย์อีกด้วย
Fruits and Vegetables
สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผักและผลไม้จะช่วยต่อต้านความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในผิวหนัง เช่น วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน และลูทีน สามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวีได้ อย่างผลไม้รสเปรี้ยวเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี, ไลโคปีนพบได้ในมะเขือเทศ, มันเทศมีเบต้าแคโรทีน, ผักใบเขียวเข้มและเหลืองมีลูทีน และผักโขม แอโวคาโดมีวิตามินอี
Nuts and Seeds
เมล็ดทานตะวันมีวิตามินอีและกรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ผิวพรรณดูผ่องใส สารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดทานตะวันยังมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากการโดนแสงยูวีทำร้ายได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กใกล้เคียงกับไข่แดงและตับ ส่วนวอลนัทประกอบด้วยสารที่มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด อย่างวิตามินอี กรดไขมันจำเป็น (ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างได้) เมลาโทนิน และโพลีฟีนอลซึ่งพบสารเหล่านี้ได้มากในเยื่อหุ้มเมล็ด รวมไปถึงแร่ธาตุ เช่น สังกะสีและซีลีเนียม นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีวอลนัทเป็นส่วนผสมหลักอาจช่วยป้องกันอันตรายจากไขมันเลวได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรรับประทานอาหารจำพวกธัญพืชในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากเมล็ดทานตะวันมีแคลอรีสูง จิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ!
Green Tea
ชาเขียวมีสารประกอบที่เรียกว่าโพลีฟีนอล ถ้าดื่มเป็นประจำสามารถปกป้องผิวของคุณจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระของแสงแดดได้ ช่วยลดจำนวนริ้วรอยเล็กๆ และหลอดเลือดตีบตันลงได้ด้วยนะ แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรบริโภคร่วมกับนม เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา และทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหารของชาไปทั้งหมด
Dark Chocolate
หลายคนน้ำลายสอเมื่อพูดถึงช็อกโกแลตหวานๆ แต่ช็อกโกแลตที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อใจต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้น! ซึ่งโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น โพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง และช่วยต่อต้านความเสียหายที่เกิดจากแสงแดด แนะนำให้มองหาช็อกโกแลตที่มีปริมาณของโกโก้อย่างน้อย 70% (เพราะถ้าน้อยกว่านั้นจะมีน้ำตาลสูงนั่นเอง)
Sugar and Skin Aging
มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลมีส่วนทำให้ผิวแก่ก่อนวัย และเกิดการอักเสบในร่างกายด้วยกระบวนการที่เรียกว่า Glycation น้ำตาลจากอาหารที่เรากินจะเข้าไปจับกับโปรตีนซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของโมเลกุลใหม่ที่เป็นอันตราย ก่อให้เกิดสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า AGEs เมื่อสารตัวนี้ผ่านเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายก็จะส่งผลให้เซลล์บริเวณนั้นตายหรือเสื่อมสมรรถภาพในการทํางานลง เมื่อสิ่งเหล่านี้สะสมมากๆ พวกมันจะทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินโดยตรง รวมไปถึงใยโปรตีนในผิวหนังด้วย ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและมีจุดด่างดําตามมา กระบวนการนี้เริ่มต้นในวัย 30 กลางๆ และมีผลเสียต่อผิวหนังหลายประการ ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวลดลง การเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัส ริ้วรอย และความหย่อนคล้อยของผิว กระบวนการที่ AGEs ก่อตัวยังส่งผลให้เกิดการผลิตอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถนำไปสู่ความเสียหายของเซลล์และการอักเสบเพิ่มเติมได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วชาวแอลบิวตี้ต้องถอยห่างน้ำตาลไว้แล้วละ
Do you know?
อาหารที่สมดุลจะประกอบด้วยปลา น้ำมันมะกอก สารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ และผักสด พืชตระกูลถั่ว และเมล็ดพืช ในทางกลับกันก็มีอาหารจำนวนหนึ่งที่ควรเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี เนื่องจากเป็นสาเหตุของสิวและผิวแก่ก่อนวัย!
Text: Kanokporn Cherdchai