สัปดาห์ที่ผ่านมาบนหน้าฟีดโซเชียลมีเดียของเหล่าสายแฟก็คงจะเต็มไปด้วยคอนเทนต์ต่างๆ ที่โหมกระหน่ำส่งตรงจากมิลานแฟชั่นวีกประจำฤดูกาล Spring/Summer 2025 ที่เหล่าแบรนด์ชั้นนำขนคอลเล็กชั่นผู้ชายล่าสุดมาโชว์กันมากมาย รวมไปถึงเหล่าเซเลบริตี้จากทั่วโลกที่ปักหมุดหมายลัดฟ้าไปร่วมชมโชว์กันแบบคับคั่ง ELLE5Things ในวันนี้จะพาทุกคนมารีแคป 5 โชว์ที่น่าสนใจประจำซีซั่นนี้กันแบบม้วนเดียวจบ
Gucci
นับเป็นโชว์ไฮไลต์ของมิลานที่หลายๆ คนตั้งตาคอยเช่นเคยกับผลงานออกแบบคอลเล็กชั่นผู้ชายครั้งที่สองของ Sabato De Sarno ที่ครั้งนี้ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของซัมเมอร์พร้อมตอกย้ำยุคใหม่ ไดเร็กชั่นใหม่ของ Gucci ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Sabato ที่พลิกภาพลักษณ์ของหนุ่มกุชชี่สู่ความมินิมัลชิก ผ่านซิลลูเอ็ตคลีนๆ แต่คมกริบ พาเลตต์สีสุดป๊อป ลวดลายพิมพ์อันสดใส กางเกงขาสั้น รองเท้าสลิปออน ที่ล้วนให้ความรู้ถึงฤดูร้อนได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีความประณีต การเลือกวัสดุที่ดูหรูหรา เพิ่มกิมมิกและความเป็นทางการให้กับหนุ่มๆ ได้แบบลงตัว หากมองภาพรวมของคอลเล็กชั่นนี้ของ Gucci จะรู้สึกได้เลยว่าทุกลุค ไอเท็มทุกชิ้นบนรันเวย์ เราสามารถมองภาพตัวเองในลุคๆ นั้น หรือเรากำลังสวมใส่มันได้ ไม่เพียงแค่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น แต่สาวๆ ก็คงสะดุดตากับหลายๆ ชิ้นที่อยากมีไว้ครอบครองเช่นกัน
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่แฟนๆ ชาวไทยตื่นเต้นและตั้งตาคอยคือการปรากฏตัวของนักแสดง-ศิลปินหนุ่มชาวไทย บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ที่เดินทางไปร่วมชมแฟชั่นโชว์ของ Gucci เป็นครั้งแรกในฐานแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนล่าสุด ซึ่งนอกจากบิวกิ้นแล้วยังมีคนดังอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Paul Mescal, Zhou Yiran หรือ Yamato Inoue
Dolce&Gabbana
‘Italian Beauty’ คือชื่อคอลเล็กชั่นที่ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana สองคู่หูดีไซเนอร์แห่ง Dolce&Gabbana ตั้งใจจะนำเสนอความงดงามที่แท้จริงของชายหนุ่มอิตาเลียน เสื้อผ้าสไตล์อิตาเลียนที่ถูกลดทอนความเฉียบคมสู่ความนุ่มนวลผ่านซิลลูเอ็ตที่เบาสบาย โอเวอร์ไซซ์ และการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะกับช่วงซัมเมอร์ ถ้ามองย้อนกลับไปคอลเล็กชั่นก่อนหน้าหลายๆ ซีซั่น ก็จะเห็นภาพความหวือหวา ความอู้ฟู่ของวัฒนธรรมอิตาเลียน หรือแม้แต่สไตล์สุดมินิมัลจากยุค 90s ที่เป็นลายเซ็นอันชัดเจนของหนุ่ม D&G แต่ซัมเมอร์นี้หนุ่มๆ จะมาพร้อมกับไวบ์ของหน้าร้อน ตั้งแต่ลุคที่เดินชิวๆ ริมชายหาด ตลอดจนลุคกึ่งทางการ และสูทเทเลอร์ที่ยังคงความเนี้ยบ และฝีมือการตัดเย็บสุดประณีตไว้ แต่ดูสบายๆ มากขึ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นที่หนุ่มๆ เองก็คงหยิบโททัลลุคไปแต่งตามได้ไม่ยาก
ถ้าหากไถฟีดโซเชียลมีเดียในค่ำคืนของโชว์นั้น ก็จะเจอกับคอนเทนต์ของ 2 หนุ่มคนดังจากเอเชียที่เข้ายึดพื้นที่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มโดยอง NCT โกลบอลแอมบาสซาเดอร์ของแบรนด์ที่มาในลุคผมบลอนด์สุดเท่ หรือจะเป็นนักแสดงหนุ่มชาวไทย นานิ หิรัญกฤษฏิ์ ที่เดินทางไปร่วมชมโชว์ของ Dolce&Gabbana เป็นครั้งที่สอง เรียกได้ว่าเป็นสีสันแห่งค่ำคืนที่ทำให้โชว์นี้เป็นที่น่าจดจำไม่แพ้คอลเล็กชั่นบนรันเวย์เลย
Prada
Miuccia Prada และ Raf Simons สองหัวเรือใหญ่แห่งแบรนด์ Prada ยังคงครองตำแหน่งผู้นำเทรนด์แฟชั่นไว้อย่างเหนียวแน่น คอลเล็กชั่นนี้สิ่งที่โดดเด่นและชัดเจนมากที่สุดก็คงจะไม่แพ้การใช้พาเลลต์สีสดอันสะดุดตา, ซิลลูเอ็ตเสื้อสเวตเตอร์แบบพอดีตัว และ กางเกงเทเลอร์เอวต่ำที่แอบมีกิมมิกเข็มขัดแบบ Trompe-l’œil โดยภาพรวมของคอลเล็กชั่นจะเน้นไปที่ความเรียบง่าย แต่ก็เป็นความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยดีเทลที่ผ่านการคิดมาแล้วทั้งสิ้น อาทิเช่น การเจาะรูเสื้อเป็นรูปสามเหลี่ยม สัญลักษณ์ที่ใครเห็นก็จดจำได้ว่าเป็น Prada หรือชุดสูทที่เต็มไปด้วยรอยยับ เชื่อเลยว่าหากได้มองใกล้ๆ หรือสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ละลุค แต่ละไอเท็มจะถูกใจสายแฟอย่างแน่นอน
สำหรับโชว์ของ Prada ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือการรวมตัวของเหล่าคนดังสายเลือดเอเชียที่ไปรวมตัวกันที่โชว์แบบคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มวิน เมธวิน แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ชาวไทยของแบรนด์ พร้อมด้วย แจฮยอน NCT, ซานะ Twice, บยอนอูซอก, Eric Chou และอีกมากมาย จะเรียกว่าเป็นโชว์ที่มีคนดังไปนั่งประจำอยู่ที่ฟร้อนต์โรวมากที่สุดในซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้ เป็นโชว์ที่ได้รับความสนใจครบทุกมิติ ตั้งแต่แขกของงาน ตลอดจนลุคบนรันเวย์
Fendi
Silvia Venturini Fendi เลือกถ่ายทอดความมัสคิวลีนยุคสมัยใหม่และความโมเดิร์นลักชัวรี่ผ่านชุดเครื่องแบบสำหรับทำงานและการพักผ่อนที่ผสมผสานกลิ่นอายแฟชั่นสไตล์ Preppy และพาเลตต์สีพาสเทล เพื่อปูทางสู่การเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเทรนซ์โค้ต, เสื้อโปโลที่ใส่ดีเทล deconstruction บริเวณคอเสื้อถูกปรับให้ยาวจากคอไปจนถึงด้านข้างของลำตัว หรือเทคนิคการเย็บตะเข็บแบบ Selleria ซึ่งเป็นเทคนิคการเย็บที่สืบทอดกันมาในครอบครัว Fendi ตั้งแต่ค.ศ. 1925 ที่ถูกตีความใหม่ด้วยการขยายและย่อขนาดลง เดินทางมาถึงแบรนด์ที่ 4 ของมิลานที่เราหยิบมาพูดกันแล้วก็คงจะรู้สึกได้ว่าซีซั่นนี้แบรนด์ต่างๆ มาในเวย์ของความเรียบง่าย มินิมัล แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่ใส่คาแร็กเตอร์และการตัดเย็บในแบบฉบับของตัวเองเข้าไป ก็น่าจะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าซัมเมอร์หน้ากระแสแฟชั่นหลักน่าจะโอนเอียงไปทางความเรียบแต่โก้แน่นอน
แน่นอนว่าแขกคนสำคัญของโชว์ในครั้งนี้อย่าง Nicholas Galitzine, Ren Meguro หรือ Bang Chan จากวง Stray Kids ก็นับเป็นอีกหนึ่งสีสันและไฮไลต์ของโชว์นี้อย่างปฏิเสธไม่ได้เลย
JW Anderson
ปิดท้ายกันที่โชว์ของ JW Anderson ที่แม้จะไม่ได้มีดาราเบอร์ใหญ่ๆ หรือคนดังแม่เหล็กมาช่วยดึงดูดความสนใจ แต่ด้วยชื่อของ Jonathan Anderson ที่กำลังขึ้นหม้อแบบสุดๆ ในยุคนี้ก็สามารถเรียกผู้คนให้ตั้งตารอชมผลงานสุดสร้างสรรค์ของเขาไม่น้อย ซึ่งคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2025 นี้นับเป็นอีกครั้งที่ Jonathan ได้เปิดการทดลองแฟชั่นของเขาอีกครั้งโดยนำเสนอเสื้อผ้าที่สะดุดตาด้วยวอลลุ่มที่หลากหลาย ซิลลูเอ็ตแปลกตาราวกับเป็นชิ้นงานศิลปะมากกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงดีเทลเสื้อผ้าต่างๆ ที่นำมาปรับเป็นขนาดโอเวอร์ไซซ์ที่ล้วนเป็นลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ของงานออกแบบของเขา โดยคอลเล็กชั่นนี้ใช้ชื่อว่า ‘Real Sleep’ ที่สะท้อนถึงภาพจินตนาการ ภาพความฝันของดีไซเนอร์มากฝีมือสู่เสื้อผ้าที่ cozy และ comfortable ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ตเทคนิคควิลต์ทรงโอเวอร์ไซซ์ที่ดูเหมือนกับเป็นผ้านวมมาห่อหุ้มร่างกาย หรือชุดเดรสที่ถักทอเป็นลวดลายบ้านที่สวมใส่ได้มีทั้งประตูและหน้าต่าง เรียกได้ว่ารันเวย์แห่งนี้เปรียบเหมือนสนามเล่นของ Jonathan ที่เขาสามารถระเบิดความคิดสร้างสรรค์ออกมาเป็นคอลเล็กชั่นได้อย่างน่าประทับใจ