2023 เป็นอีกหนึ่งปีที่เราได้ชมผลงานดีๆ อันบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะแนวดราม่า คอเมดี้ ไฮสคูล พีเรียด ไปจนถึงแฟนตาซี แอลจึงไม่พลาดรีแคปไฮไลต์สำคัญของปรากฏการณ์ความนิยมในหนังและซีรี่ส์เควียร์ของปีนี้ รวมไปถึงการแนะนำหนัง LGBTQ+ ที่คุณต้องไม่พลาดรับชมมาให้คุณได้เลือกดูกันแล้วที่นี่
Marry My Dead Body
เป็นอีกครั้งที่ผลงานเกี่ยวกับ LGBTQ+ จากฝั่งไต้หวันกลายเป็นหนังสร้างปรากฏการณ์ความนิยมบน Netflix ประจำปี 2023 หลังจากที่หนังเรื่อง Your Name Engraved Herein เคยทำไว้เมื่อปี 2020 ซึ่งในปีนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับเรื่องราวของตำรวจชายแท้เกลียดเกย์ที่จำต้องแต่งงานกับผีเกย์นั่นเอง โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เล่าความสัมพันธ์ที่ตัวเอกรักกัน แต่พวกเขาถ่ายทอดชีวิตของกลุ่มเควียร์และความหัวก้าวหน้าของไต้หวันไว้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมรสเท่าเทียม ขบวนไพรด์ กลุ่มผู้สูงอายุที่เริ่มทำความเข้าใจและเปิดใจรับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ เฟมินิสต์ การรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการรับเลี้ยงสัตว์จรจัด
อ่านเพิ่มเติม: 5 เกร็ดสนุกๆ จากเรื่อง ‘MARRY MY DEAD BODY’ เมื่อตำรวจชายแท้จำต้องแต่งงานกับผีเกย์
ซึ่งพวกเขาทำให้ประเด็นต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องหนักให้กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายและแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนังเรื่องนี้จึงทัชใจผู้คนมากมาย จนถึงขั้นว่าไต้หวันเลือกหนังเรื่องนี้เป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์ในปีหน้าเลยทีเดียว
Where to watch: Netflix
Red, White & Royal Blue
ภาพยนตร์ยอดฮิตที่ทำสาวๆ กรี๊ดกันเป็นแถบในปีนี้ต้องมีชื่อของ Red, White & Royal Blue เพราะเรื่องราวความรักระหว่างลูกชายประธานาธิบดีและเจ้าชายอังกฤษชวนเขินจิกหมอนจริงๆ แต่นอกเหนือไปจากความรักของชายรักชายหรือเคมีของนักแสดง ก็ต้องบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่ละทิ้งการเล่าประเด็นของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ คนชายขอบ การคัมเอาต์ของกลุ่มคนไบเซ็กชวล ไปจนถึงเรื่องตัวละครหญิงแกร่งในเรื่องด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะ
อ่านเพิ่มเติม: 5 เรื่องที่คุณคาดไม่ถึงจากภาพยนตร์เรื่อง RED, WHITE & ROYAL BLUE ที่จะทำให้คุณอินมากกว่าเดิม!
Where to watch: Prime Video
Good Omens 2
ถ้าหากคุณเล่น TikTok เราเชื่อว่าคุณน่าจะเห็นคัตซีนสนุกๆ จากซีรี่ส์เรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะนี่คือเรื่องราวของปีศาจและเทวทูตที่แอบพระเจ้าและสวรรค์มาเป็นเพื่อนกันมานับพันปีโดยไม่มีใครรู้ แต่พวกเขาต้องมาร่วมมือกันแก้ปัญหาโลกแตกต่างๆ ซึ่งคงไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็นซีรี่ส์สไตล์แฟนตาซีที่ตีความตำนานของศาสนาคริสต์ออกมาอย่างชาญฉลาด แต่ Good Omens กลับเล่าการตีความตำนานใหม่ๆ ออกมาได้น่าประทับใจ แถมยังเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเดวิลและแองเจิ้ลน่ารักเสียจนคนต้องแชร์กันให้ล้น TikTok เลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังปรับมุมมองใหม่ให้กับสื่อด้วยว่า ‘การเป็นเควียร์คือเรื่องปกติ’ เพราะน้อยมากที่ตัวละครในซีซั่นนี้จะเป็นสเตรท พวกเขาแต่ละคนใช้สรรรพนามแทนตัวเองหลากหลาย ในขณะที่นักแสดงเองก็สนับสนุน LGBTQ+ อย่างเต็มที่ด้วย ด้วยเหตุเหล่านี้จึงทำให้มีกลุ่มคนอนุรักษ์นิยมและคริสเตียนบางกลุ่มต่อต้านเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะตอนนี้ซีรี่ส์ไฟเขียวไปต่อในซีซั่น 3 แล้ว งานนี้ใครยังไม่ได้ชมต้องลองไปหาดูกันแล้ว
Where to watch: Prime Video
หอมกลิ่นความรัก
ท่ามกลางกระแสวายไทยในปีนี้ หนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามไปโดยประการทั้งปวงคือเรื่อง I Feel You Linger in The Air หรือหอมกลิ่นความรัก ซีรี่ส์ดัดแปลงจากนิยายในชื่อเดียวกันซึ่งนำแสดงโดย 2 นักแสดงมากฝีมืออย่าง ‘ไบร์ท รพีพงศ์-นนกุล ชานน’ นั่นเอง ถ้าหากเราได้ชมแล้วก็ต้องกล่าวว่านี่เป็นซีรี่ส์เควียร์พีเรียดเรื่องแรกของไทยที่เล่าทั้งเรื่องชายรักชายและหญิงรักหญิง คนชายขอบ ปิตาธิปไตย ความเท่าเทียมทางเพศ ความแตกต่างระหว่างชนชั้น รวมไปถึงการหยิบยกเรื่องราวของกลุ่มคน LGBTQ+ ที่ไม่ค่อยมีตัวตนในหน้าประวัติศาสตร์ไทยในยุค 1920s มาให้ผู้ชมทำความรู้จักได้อย่างน่าทึ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังถ่ายทอดภาพความรักของตัวละครออกมาอย่างงดงามผ่านการแสดงของของ 2 นักแสดงนำที่แคสติ้งมาเป๊ะจนแฟนๆ บอกว่าราวกับหลุดออกมาจากนิยาย ส่วนตัวบทซีรี่ส์ งานภาพ ดีเทลฉากและเสียงต่างๆ ก็คุณภาพคับแก้วจนอาจทำให้ใครหลายคนอินตาม (และอาจเสียน้ำตาได้ไม่ยาก) ในทางเดียวกัน เพลงประกอบอย่างเพลง ‘ลั่นทม’ ที่มีผู้ฟังกว่า 32 ล้านครั้ง และ ‘จอมขวัญ’ ต่างก็ช่วยส่งเสริมให้ซีรี่ส์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งเราขอการันตีเลยว่านี่คือซีรี่ส์เควียร์เพชรเม็ดงามแห่งวงการที่คุณควรชมสักครั้งและมันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
Where to watch: YOUKU
ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย ถึงปานกลาง
ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็นหนังแซฟฟิก (หญิงรักหญิง) จากประเทศไทย แต่ภาพยนตร์เรื่อง ‘Solids by The Seashore ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย ถึงปานกลาง’ เพิ่งไปคว้ารางวัลมาจากเทศกาลหนังปูซานมาถึง 2 รางวัล โดยพวกเขาเล่าเรื่องหญิงสาวสองคนมีความสัมพันธ์ต่อกันภายใต้กรอบของศาสนาและบรรทัดฐานของสังคม เพราะอีกฝ่ายเป็นสาวมุสลิมที่ไม่อยากแต่งงานตามที่ครอบครัวต้องการ ส่วนอีกฝ่ายเป็นศิลปินหญิงผู้กำลังค้นหาตัวตน ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ ท่ามกลางกระแสคลื่น ท้องทะเล และหาดทรายที่โอบล้อมทั้งสองคนไว้ ในขณะเดียวกันก็ยังสอดแทรกประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ทรุดโทรมของชายฝั่งทะเลในภาคใต้ด้วยเช่นกัน
Where to watch: Doc Club & Pub, House Samyan หรือเช็กรอบฉายได้ที่ Solids by The Seashore
Doi Boy
อีกหนึ่งผลงานที่ไปสร้างชื่อเสียงและสร้างสถิติขายตั๋วเข้าชมหมดภายใน 10 นาทีแรก ณ เทศกาลหนังปูซานกับเรื่อง Doi Boy ภาพยนตร์ไทยที่กล้านำเสนอประเด็นการเมือง เพศ และตีแผ่ประเด็นสังคมผ่านเรื่องราวชีวิตของคนดั้นด้นเข้ามาทำงานในประเทศไทยด้วยการขายบริการในบาร์เกย์ ขนานคู่ไปกับสถานการณ์ทางการเมืองของนักกิจกรรมและผู้ลี้ภัย รวมไปถึงผู้มีอำนาจในประเทศ ซึ่งด้วยเนื้อหาอันความเข้มข้น สะท้อนสังคม และการแสดงที่ตีบทแตกของเหล่านักแสดงนำทั้ง 3 คนก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนังน้ำดีของปีนี้ที่ควรรับชม
Where to watch: Netflix
Saltburn
มาแรงส่งท้ายปี 2023 กับเรื่อง Saltburn ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งอย่าง Jacob Elordi และ Barry Keoghan อันเป็นเหตุการณ์ของเพื่อนชายทั้งสองคนที่ได้มาใช้เวลาด้วยกัน ณ คฤหาสน์ของชนชั้นสูง ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันบางอย่างจนก่อให้เกิดเรื่องราวชวนหลงใหล แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความลึกลับและน่าระทึกใจ
ซึ่งหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายแล้วก็ได้เข้าชิงรางวัลหลายสาขาจากเวทีมากมายในปี 2023 ทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมในแง่ของเคมีนักแสดง การเสียดสีสังคม ฉากอันสวยงาม รวมไปถึงทักษะการแสดงที่หาตัวจับได้ยากของทั้งสองหนุ่มด้วยเช่นกัน
Where to watch: Prime Video
Heartstopper 2
ซีรี่ส์แนว Coming of Age ยังคงฮอตอยู่เสมอ ซึ่งในปีนี้เราก็ได้ชมภาคต่อของความชุบชูใจในซีรี่ส์เรื่อง Heartstopper 2 พวกเขากลับมาพร้อมกับความสัมพันธ์ของ Nick และ Charlie ในสถานะของคนรัก ซึ่งพวกเขาต้องก้าวข้ามผ่านจุด Conflict ทั้งในจิตใจตัวเอง และเมื่อสังคมรอบข้างมองมาในความสัมพันธ์ของพวกเขา ส่วนเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ เองก็ยังถ่ายทอดให้เราเห็นความสัมพันธ์และตัวตนที่หลากหลายในสังคม ไม่ว่าจะเป็นความรักของกลุ่มแซฟฟิก (หญิงรักหญิง), เรื่องครอบครัว, กลุ่มทรานส์เจนเดอร์ รวมไปถึงกลุ่มคน Asexual (คนไม่ฝักใฝ่ทางเพศ) ดังนั้นซีรี่ส์เรื่อง Heartstopper 2 จึงครอบครองใจคนดูเอาไว้ด้วยบางอย่างที่เราอาจจะรู้สึก Relate หรือรู้สึกว่าเราต่างเป็นใครสักคนที่กำลังพยายามค้นหาตัวเองเพื่อจะเติบโต ในทางเดียวกัน เราเองก็ต้องการความสัมพันธ์บางอย่างที่คอยโอบกอดอุ้มชูเราไว้ได้ในวันที่เราเจอปัญหานั่นเอง
Where to watch: Netflix
Bottoms
นี่คือหนังไฮสคูลสูตรสำเร็จที่สร้างปรากฏการณ์ความฮิตในสหรัฐอเมริกาอย่างท่วมท้น เพราะนี่คือเรื่องราวสองสาวเพื่อนซี้ที่จำต้องตั้งชมรม ‘Fight Club’ บังหน้าเพื่อหาโอกาสพยายามจีบสาวสวยของโรงเรียนอย่างแก๊งเชียร์ลีดเดอร์ แต่กลายเป็นว่ามีเด็กสาวมากมายเข้ามาร่วมชมรมนี้จนกลายเป็นชมรมเพื่อนหญิงพลังหญิงที่หัดต่อสู้แทนเสียอย่างนั้น ซึ่งภาพยนตร์เล่าออกมาได้สนุกและสบายสมองสุดๆ แต่ในความขำขันนั้นก็ยังมีความ Coming of Age มีความเฟมินิสต์ ทั้งยังนำเสนอเรื่องเพศของวัยรุ่นอย่างตรงไปตรงมา และยังขายเสน่ห์ความสนุกตามแบบฉบับหนังรอมคอมไฮสคูลได้ดีเลยทีเดียว
และที่ชวนอึ้งไปกว่านั้น ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะได้เห็น Nicholas Galitzine (เจ้าชายจากเรื่อง Red, White & Royal Blue) ในบทบาทที่ฉีกแนวไปจากภาพเจ้าชายผู้สุขุมในเรื่องนั้นแบบสุดๆ ไปเลยล่ะ!
Where to watch: Prime Video
Everything Now
อีกหนึ่งซีรี่ส์เควียร์แนว Coming of Age ที่นำพาผู้ชมเข้าสู่โลกของตัวละคร ‘มีอา’ วัยรุ่นที่เพิ่งรักษาตัวเองจากอาการการกินผิดปกติและเธออยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มกับช่วงเวลาที่เธอเสียไปในขณะรักษาตัว ซึ่งในระยะเวลานี้เธอก็จะพยายามทำ To-Do List และได้พบเจอกับเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับตัวเอง เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวและเพื่อนฝูง การก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ของช่วงชีวิตวัยรุ่น รวมไปถึงการอยู่ในคอมมูนิตี้กลุ่มคนหลากหลายทางเพศด้วย ซึ่งนี่ก็นับเป็นซีรี่ส์เควียร์อีกเรื่องที่คุณควรจะเพิ่มไว้ในลิสต์ที่ต้องดูเช่นเดียวกัน
Where to watch: Netflix