ท่ามกลางภาพยนตร์สุดฮิตมากมายบน Netflix ในขณะนี้ จะมีหนังไต้หวันเรื่องหนึ่งติดท็อปฮิตอย่างเรื่อง แต่งงานกับผี อยู่ด้วย ฟังดูเหมือนจะเป็นหนังผีสยองขวัญมากกว่าเป็นหนังบันเทิง แต่ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Marry My Dead Body ซึ่งเป็นหนังดราม่าคอเมดี้ที่แฝงประเด็นสังคมและความเควียร์ไว้อย่างลงตัว เพราะนี่คือเรื่องราววุ่นๆ ของตำรวจชายแท้เกลียดเกย์อย่าง ‘อู่หมิงฮั่น’ จับพลัดจับผลูมาแต่งงานกับผีเกย์ดราม่าควีนผู้รักษ์โลกอย่าง ‘เหมาเหมา’ หรือ เหมาปังอวี่ ที่ทำให้เราหัวเราะมากกว่าจะหลอน (แม้จะมีฉากผีน่ากลัวโผล่มาบ้างนิดหน่อย) ครั้งนี้เราจึงอยากจะชวนคุณมาฟังเกร็ดสนุกๆ 5 ข้อ กับเรื่องน่ารู้ของวัฒนธรรมการแต่งงานกับผีในเรื่องนี้กัน เผื่อคุณอ่านจบแล้วจะรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก!
Spoiler Alert: บทความนี้อาจมีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วนจากภาพยนตร์
1.การโคจรมาพบกันของสองนักแสดงตัวพ่อแห่งวงการ
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Greg Hsu (สวี่กวางฮั่น) และ Austin Lin (หลินป๋อหง) ซึ่งทั้งสองคนเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในไต้หวัน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องการแสดงที่คว้ารางวัลมามากมายหรือการเป็นตัวพ่อในวงการแฟชั่นก็ตามที โดยหนุ่มสวี่กวางฮั่นเป็นเจ้าของตำแหน่งแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ Fendi ส่วนหลินป๋อหงเองก็เคยไปร่วมดูแฟชั่นโชว์ของ Louis Vuitton มาแล้วเช่นกัน
จากการแสดงของทั้งสองคนก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเคมีของทั้งสองคนเข้ากันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะฉากชวนเขินจิกหมอน ฉากทะเลาะ ฉากคอเมดี้ หรือฉากดราม่า ส่วนฉากไหนที่ต้องเปลือยก็เล่นได้แบบไม่มีเขิน แถมยังฮาสุดๆ และสิ่งที่น่าเอ็นดูไปมากกว่านั้นก็คือตัวละครเหมาเหมาก็เป็นผีที่น่ารักมากๆ และอู่หมิงฮั่นเองก็เป็นตัวละครชายแท้ที่ทำเราโกรธไม่ลง เพราะนอกจากเขาจะหล่อแล้ว นิสัยของเขาก็ดีขึ้นตามคำสอนของเหมาเหมาซะด้วย!
Do you know?
หมายเลขป้ายทะเบียนรถของหมิงฮั่น GY 9487 มีความหมายแฝงว่า ‘เจ้าโง่’ ในขณะเดียวกัน ‘59487’ หมายเลขประจำตัวตำรวจของหมิงฮั่นเองก็มีความหมายแฝงจากคำพ้องเสียงที่แปลว่า ‘ฉันคือเจ้าทึ่ม’ เช่นเดียวกัน
2.อย่าเก็บซองแดงที่ไต้หวัน
เรื่องวุ่นๆ นี้คงไม่ได้เกิดขึ้นถ้าหากตัวพระเอกตำรวจสุดหล่อของเราไม่ได้ก้มเก็บซองแดงที่พื้น เพราะไต้หวันนั้นมีเดือนที่เรียกว่าเดือนของผีอยู่จริงๆ ในช่วงเดือน 7 ตามปฏิทินจีน ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเดือนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ผีเดินทางมาโลกมนุษย์ หลายๆ บ้านก็จะทำพิธีต่างๆ รวมไปถึงพิธีแต่งงานกับผี เพราะบ้านไหนที่ลูกหลานเสียไปก่อนวัยอันควรแต่ยังไม่ได้แต่งงาน พวกเขาก็จะทำพิธีโดยการเอาซองแดงไปวางไว้ตามพื้น เพื่อให้คนที่เก็บไปมาแต่งงานกับผีลูกหลานของตัวเอง ดังนั้นถ้าหากเก็บขึ้นมาแล้วไม่ยอมแต่งงานตามแบบอู่หมิงฮั่นแล้วล่ะก็.. คุณอาจจะซวยไปตลอดชีพ เพราะฉะนั้นก็อย่าเผลอไปเก็บซองแดงที่พื้นล่ะ!
Do you know?
บทสนทนาในฉากแต่งงานที่กล่าวถึงเจ้าบ่าวหมายเลขหนึ่ง-หมายเลขศูนย์ ไม่ได้หมายถึงใครมาก่อนหลัง แต่เลข 0 กับเลข 1 ในภาษาจีนนั้นเป็นคำแสลงใช้เรียกเกย์ฝ่ายรับและเกย์ฝ่ายรุกตามลำดับ
3.องค์ประกอบศิลป์อันชาญฉลาดและลึกซึ้ง
ถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบว่าสีสันในภาพยนตร์เรื่องนี้จะแบ่งออกคร่าวๆ เป็นโทนเย็นและโทนร้อน ซึ่งนั่นก็ถือเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตัวละครทั้งสองให้แตกต่างกัน โดยโลกตัวละครของอู่หมิงฮั่นที่เป็นชายหนุ่มก็จะเน้นใช้สีน้ำเงิน-ฟ้าคราม-เขียวเป็นหลัก ทั้งในห้องนอน ที่ทำงาน โรงงานผลิตยา หรือเสื้อผ้าของเขาก็จะเป็นสีโทนนี้ ในขณะที่โลกของเหมาเหมา ทั้งสีเสื้อผ้า ฉากเกย์บาร์ และซาวน่าก็จะเป็นสีรุ้ง-แดง-ม่วง-ส้ม-เหลือง อันเป็นสีสันแห่งความมีชีวิตชีวาและความร่าเริง
นอกจากนี้ในช่วงต้นและท้ายเรื่อง ผู้กำกับเน้นใช้สีขาวเป็นตัวเปิด เพราะเขาเคยได้ยินมาว่าการเมื่อสีรุ้งทั้ง 7 สีมารวมกันจะกลายเป็นสีขาว ดังนั้นฉากงานศพของเหมาเหมาช่วงต้น และฉากโรงพยาบาลในตอนจบจึงเป็นสีขาวเพื่อสื่อไปถึงจุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่องนั่นเอง
ใครสนใจอยากดูเบื้องหลังเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้:
4. Platonic Love
หลายคนอาจสงสัยว่า Platonic Love คืออะไร? คำนี้หมายถึงความรักบริสุทธิ์ที่ไม่มีเรื่องเซ็กซ์หรือเพศมาเกี่ยวข้อง ความสัมพันธ์นี้อาจมีความใกล้ชิด มีความผูกพัน เป็นห่วงเป็นใย แต่ไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยว ซึ่งนั่นก็คงเป็นคำนิยามที่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอู่หมิงฮั่นและเหมาปังอวี่ได้ดี เพราะในฉากตอนจบหมิงฮั่นก็พูดถึงเหมาเหมาว่าอีกฝ่ายเป็นสามีของตัวเอง ดังนั้นแม้ผู้เขียนบทหรือผู้กำกับจะไม่ได้ใช้คำนี้มาอธิบายความสัมพันธ์พวกเขาแบบตรงๆ แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามีความลึกซึ้งแม้จะไม่มีเรื่องเพศก็ตาม
เราจะเห็นตัวละครค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีขึ้น พวกเขามีวิธีพูดและแสดงออกคล้ายๆ กัน จนหลายๆ คนก็อาจจะคิดตามไปด้วยว่าจริงๆ แล้วคุณตำรวจชายแท้อย่างอู่หมิงฮั่นที่เคยเป็นคนเกลียดคนรักเพศเดียวกันก็กลายเป็นคนที่ดีขึ้นเพราะเหมาเหมา และเขาเองก็น่าจะมีใจให้กับเหมาเหมาแต่มันสายไปแล้วก็ได้ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นผีมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องมิตรภาพดีๆ ระหว่างสองตัวละครแบบ Platonic ที่แฟนๆ แอบเขิน แต่ไม่ได้เป็นหนังหรือซีรี่ส์บอยเลิฟ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะทำภาคสองออกมาให้แฟนๆ ได้ดูกันในอนาคต
5.สังคมไต้หวันกับความเท่าเทียมทางเพศ
ไต้หวันเป็นชาติแรกในเอเชียที่ผ่านกฎหมายเรื่องสมรสเท่าเทียม เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกถ่ายทอดออกมาในภาพยนตร์จนแทบกลายเป็นเส้นเรื่องหลักเลยก็ว่าได้ ในหนังจะมีทั้งการแสดงให้เห็นภาพขบวนไพรด์ บทสนทนาเกี่ยวกับการอยากแต่งงานกับคนที่รักหลังจากมีสมรสเท่าเทียม หรือแม้แต่ภาพของคนเจเนเรชั่นแรกๆ อย่างคุณย่าคุณยายที่อยากให้ลูกหลานได้แต่งงานกับคนรักที่เป็นเพศเดียวกัน และนั่นก็รวมไปถึงตัวละครอู่หมิงฮั่นที่ตัวละครมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดในแบบที่ว่าจากชายแท้ทึ่มๆ เกลียดเกย์ กลายเป็นคนที่ใส่ใจประเด็นสังคมมากขึ้นทั้งในเรื่องความหลากหลายทางเพศ หรือเรื่องสิ่งแวดล้อม
ไม่เพียงเท่านั้น ในหนังก็ยังมีการเล่าเรื่องเฟมินิสต์ผ่านตัวละครตำรวจหญิง ‘หลินซือชิง’ เธอเป็นตำรวจหญิงมีความสามารถแต่กลับถูกสังคมจัดให้เธอเป็นแค่ไม้ประดับ มีหน้าที่แค่เรื่องสวยเป็นหน้าเป็นตาให้สถานีตำรวจกับมอบดอกไม้ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ พร้อมทั้งโดนค่อนแคะจากการได้ลาหยุดเพราะเป็นผู้มีประจำเดือนอีกด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาที่ผู้หญิงต้องเจอนั้นยังไม่เคยหมดไปและสังคมเองก็ต้องตระหนักรู้ให้มากขึ้นเช่นกัน
หวังว่าการเก็บตก 5 ข้อสำคัญจากเรื่อง Marry My Dead Body จะทำให้คุณดูหนังเรื่องนี้สนุกมากยิ่งขึ้น ถ้าหากยังไม่มูฟออนก็ดูอีกสักรอบ หรือตามไปกดติดตามอินสตาแกรมของนักแสดงที่ kuanghanhsu และ austinlin27 กันได้เลย