Monday, February 10, 2025

สรุปทุกประเด็นสำคัญจากแฟชั่นวีกผู้ชายประจำฤดูกาล Fall/Winter 2025

เริ่มต้นปี 2025 มาไม่นานก็ถึงคราวของแฟชั่นอีเวนต์สำคัญอย่างสัปดาห์แฟชั่นคอลเล็กชั่นผู้ชาย ประจำฤดูกาล Fall/Winter 2025 ที่เริ่มต้นกันที่กรุงมิลานและต่อเนื่องที่ปารีสกันตามธรรมเนียม ซึ่งในฤดูกาลล่าสุดแน่นอนว่าก็มีหลากหลายโมเมนต์ที่ประทับใจเหล่าสาวกแฟชั่นกันไม่น้อย (ถ้าให้ลิสต์โชว์โปรดของคุณพอจะจำกันได้ไหม?) และแม้ว่าหลายๆ ชื่อแบรนด์โปรดของคุณอาจจะหายหน้าหายตาไปจากตารางโชว์ แต่แบรนด์ที่ยังอยู่ก็สร้างความฮือฮากันไปไม่น้อย วันนี้แอลจะพาทุกคนไปรวบตึงความเป็นไปที่แฟชั่นวีกผู้ชายฤดูกาลล่าสุดแบบม้วนเดียวจบ ครบทุกสิ่งที่คุณต้องรู้!

The Misses: Who Skipped the Show

อย่างที่เราได้เกริ่นกันไว้ตั้งแต่ต้นว่า หลายแบรนด์ได้หายไปจากตารางโชว์ในฤดูกาลนี้ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปว่า เขาจะไม่ออกคอลเล็กชั่นใหม่กันนะ เพียงแค่เป็นการควบโชว์ คอลเล็กชั่นผู้ชายไปโชว์รวมกับคอลเล็กชั่นผู้หญิงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่จะถึงนี้แทนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น Fendi ที่เตรียมรวบโชว์เพื่อเฉลิมฉลอง 100 ปีของแบรนด์ เช่นเดียวกับ DSquared2 ที่จะฉลองครบรอบ 30 ปีของแบรนด์ในช่วงแฟชั่นวีกผู้หญิงเช่นกัน รวมไปถึง Gucci, Loewe และ Valentino ก็จะยกโชว์คอลเล็กชั่นผู้ชายไปโทว์พร้อมกันทีเดียวเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่เชื่อเลยว่าโชว์ที่จะเกิดขึ้นของแบรนด์เหล่านี้จะต้องไม่ธรรมดาและพิเศษกว่าครั้งไหนๆ อย่างแน่นอน มารอติดตามกันเร็วๆ นี้เลยว่ามีเซอร์ไพรส์อะไรรอพวกเราอยู่

The Simple Elegance

ทิศทางงานออกแบบของเหล่าแบรนด์ระดับโลกที่เบนไปในทิศทางเดียวกันในฤดูกาลนี้ (รวมถึงหลายๆ ฤดูกาลก่อนหน้า) คงจะไม่พ้นความเรียบหรูที่ซ่อนดีเทล หากย้อนกลับไปหลายปีก่อน กระแส Logo Mania คงถูกอกถูกใจเหล่าหนุ่มๆ สายแฟ แต่ ณ ปัจจุบันความน้อยแต่มาก ความไม่ต้องตะโกนว่าฉันใส่แบรนด์อะไรนี่แหละ คงจะตอบโจทย์ใครหลายคนเสียมากกว่า ดังนั้นในฤดูกาลนี้เราจึงได้เห็นความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยดีเทล ความใส่ใจ ความประณีตที่แฝงเอาไว้ในแต่ละลุค เริ่มจาก Dior ที่หลายคนยกให้เป็นคอลเล็กชั่นที่ดีที่สุดของ Kim Jones ภายใต้แบรนด์แห่งนี้ โดยเขายังคงนำเอาเทคนิคการตัดเย็บแบบโอตกูตูร์มาดัดแปลง พลิกแพลงให้กับหนุ่มๆ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการแต่งกายที่หรูหราฟู่ฟ่าในช่วงศตวรรษที่ 18 นำมาลดทอนให้ดูเรียบง่ายและร่วมสมัยขึ้น อีกทั้งยังหยิบบาร์แจ็กเกต ‘New Look’ สุดไอคอนิกของ Dior มารีดีไซน์ให้กับหนุ่มๆ อย่างน่าประทับใจ หรือทางด้าน Hermès เอง Véronique Nichanian ก็ยังรักษาดีเอ็นเอความลักชัวรี การตัดเย็บสุดประณีตที่ผสมผสานรูปทรงเรขาคณิตและการเลเยอร์เข้ามาสร้างความน่าสนใจให้คอลเล็กชั่นยังคงประทับใจผู้ชม รวมไปถึงแอ็กเซสเซอรี่ส์เครื่องหนัง จุดเด่นของแบรนด์ที่โดดเด่นและน่าจับจองเช่นเคย (โดยเฉพาะกระเป๋า Birkin ทรงโอเวอร์ไซซ์ที่สะดุดตาใครหลายๆ คน รวมถึงเราด้วย)

ในขณะเดียวกันแบรนด์แฟชั่นสายเอะอะอย่าง Dolce&Gabbana ก็เบาเสียงตะโกนลงมาอีกเลเวล (แต่ยังรักษาดีเอ็นเอความจัดจ้านของหนุ่มอิตาเลียนเอาไว้) พร้อมเสิร์ฟลุคเรียบแต่โก้ผ่านทั้งลุคเทเลอร์สุดเนี้ยบ ตลอดจนแฟชั่นสตรีตที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นคอลเล็กชั่นจาก Prada ที่ยังเป็นความลงตัวระหว่างการออกแบบเสื้อผ้าผู้ชายสไตล์มินิมัลของ Raf Simons และวิสัยทัศน์ขี้เล่นสมกับเป็นผู้นำเทรนด์ของ Miuccia Prada สู่ผลลัพธ์เป็นลุคมินิมัลที่เปี่ยมไปด้วยดีเทลอันแยบยล และเทรนด์ที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเลยคงจะไม่พ้นกางเกงทรงกระบอกเล็กที่เตรียมกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

The Collaboration : LV x Nigo

หากจะให้ยกคอลลาบอเรชั่นประจำซีซั่นนี้ที่ทุกคนพูดถึงมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นโชว์ของ Louis Vuitton โดย Pharrell Williams ที่ชวนเพื่อนซี้นักออกแบบอย่าง Nigo ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น ตัวพ่อแห่งวงการสตรีตแวร์ ร่วมมือกันสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นที่สมบูรณ์แบบ ผสมผสานทั้งแฟชั่นและดนตรี รวมถึงดีเอ็นเอของหลุยส์ วิตตองกับสตรีตแวร์ยุคปัจจุบัน ออกมาได้อย่างกลมกล่อม เสื้อผ้าแนวเวิร์กแวร์ ตลอดจนลวดลายศิลปะและเทคนิคการตัดเย็บเครื่องแต่งกายของญี่ปุ่นอย่างการปักผ้าซาชิโกะ และการทอผ้าแบบคาซูริ ถูกนำมาสอดผสานผ่านซิลลูเอ็ตที่ทั้งเท่และโดดเด่นในแบบฉบับของผู้ชายยุคใหม่

The One to Watch

นอกเหนือจากโชว์แม่เหล็กที่เป็นไฮไลต์ของแต่ละหัวเมืองแล้ว ยังมีโชว์ที่น่าติดตาม น่าทำความรู้จักกันอยู่ไม่น้อย เริ่มต้นกันที่ฝั่งมิลานกับโชว์ของ Magliano ที่หลายคนยกให้เป็นม้ามืดแห่งมิลานในฤดูกาลนี้ โดยพาผู้ชมออกเดินทางสู่ชายฝั่งทะเลเอเดรียติกซึ่งเป็นที่ที่ Luca Magliano เติบโตขึ้น แต่เซตติ้งบนรันเวย์ไม่ใช่บรรยากาศท้องฟ้าอันสดใสพร้อมหาดทรายขาวสะอาด แต่กลับเนรมิตชายหาดที่มืดมิดท่ามกลางลมแรงในคืนฤดูหนาว โดยเขาจินตนาการถึงเสื้อผ้าที่กลับเข้าด้านในออกราวกับถูกดึงเข้ามาอย่างเร่งรีบ, กางเกงชั้นในเหยียดอยู่เหนือกระเป๋าถือ กางเกงพับลงมาที่เอว ขนเทียมหลุดออกจากไหล่ เสมือนต้องการจะสื่อถึงความวุ่นวาย ความไม่สมบูรณ์แบบที่งดงามอย่างไรอย่างนั้น

ทางปารีสเองคงจะไม่พ้นโชว์จากแบรนด์ Lanvin ที่เป็นคอลเล็กชั่นเดบิวต์ของ Peter Copping หัวเรือคนใหม่ของแบรนด์ที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือการตัดเย็บอันเฉียบคมของห้องเสื้อเก่าแก่ระดับตำนานผ่านซิลลูเอ็ตที่ชวนนึกถึงผลงานของ Alber Elbaz ผู้ล่วงลับไม่น้อย ในขณะเดียวกัน IM Men ไลน์น้องใหม่ภายใต้แบรนด์ Issey Miyake ที่เปิดตัวในปี 2021 ก็ได้ฤกษ์จัดโชว์เป็นครั้งแรก โดยยังคงยึดมั่นในแนวคิดผสมผสานแฟชั่นกับนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อทดลองแฟชั่นในรูปแบบใหม่ๆ ที่แปลกใหม่แต่ยังคงความสวยงามของแฟชั่นและการสวมใส่ได้จริงเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครที่เป็นแฟนของแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นแห่งนี้ รับรองว่าจะตกหลุมรักคอลเล็กชั่นของ IM Men ได้อย่างไม่ยากเลยล่ะ

The Power of Thai Celebrities

ปิดท้ายกันด้วยปรากฏการณ์ของเหล่าเซเลบริตี้สายเลือดไทยที่เสิร์ฟโมเมนต์ระดับปรากฏการณ์ที่แฟชั่นวีกครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิน เมธวิน กับลุคหล่อ เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าที่โชว์ Prada, นานิ หิรัญกฤษฏิ์ ที่กลับไปเยือนโชว์ Dolce&Gabbana อีกครั้ง ในขณะเดียวกันที่ฝั่งปารีสก็คึกคักเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น มาย-อาโป ที่โชว์ Dior ในลุคที่ Kim Jones ตัดขึ้นเป็นพิเศษจากคอลเล็กชั่น Winter 2025 เรียกว่าใส่ชุดชนโชว์ไปเลย, แบมแบม กันต์พิมุกต์ ที่โชว์ของ Louis Vuitton, ไบร์ท วชิรวิชญ์ กับการไปโชว์ AMI , ครั้งแรกของสองหนุ่ม เจษ-ไบเบิ้ล กับการไปชมโชว์ที่ปารีสแฟชั่นวีกที่โชว์ AMIRI รวมไปถึงมีน นิชคุณ ที่ไปร่วมชมถึง 3 โชว์ ไม่ว่าจะเป็น Yohji Yamamoto, AMIRI และ Kenzo

เรียกว่าหนุ่มๆ แต่ละคนที่ไปเฉิดฉายที่แฟชั่นวีกในฤดูกาลนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการบันเทิงไทยไม่น้อยเลย อย่างหนุ่มวิน เมธวิน ก็ยังคงสร้างปรากฏการณ์และเสียงกริ๊ดจากแฟนๆ ที่ไปรอเจอเขาที่หน้าโชว์ Prada รวมถึงแฟนๆ ทั่วโลกที่ตั้งตาคอยจนทำให้ฤดูกาลนี้วินก็ยังคงติดท็อป 5 คนดังที่สร้างมูลค่าสื่อมากที่สุดประจำมิลานแฟชั่นวีกผู้ชายไปโดยไร้ข้อครหา รวมถึงหนุ่มๆ ฝั่งปารีสก็พาเอาแฮชแท็กติดท็อปเทรนด์ทวิตเตอร์กันข้ามคืนเลย แม้ว่า ณ​ ตอนนี้ที่ผู้เขียนกำลังเขียนอยู่นั้นยังไม่มีประกาศลิสต์คนดังที่สร้างมูลค่าสื่อของปารีสแฟชั่นวีก แต่เราก็มั่นใจเหลือเกินว่าจะต้องมีชื่อของคนดังจากไทยติดเข้าลิสต์ท็อป 5 อย่างแน่นอน สมกับที่สื่อต่างประเทศหลายคนวิเคราะห์กันว่านักแสดงจากไทยอาจจะกลายเป็นปรากฏการณ์ระรอกใหม่ต่อเนื่องจากฝั่ง K-POP ก็เป็นได้

Latest Posts

Don't Miss