Monday, May 19, 2025

ซัมเมอร์นี้ไม่มีเหงา! เช็คลิสต์ 7 ภาพยนตร์ห้ามพลาดที่จะเปลี่ยนฤดูร้อนของคุณไปตลอดกาล

หากพูดถึงกิจกรรมยอดฮิตประจำฤดูร้อน หลายคนก็คงจะออกไปท่องเที่ยวหรือบ้างก็นั่งรับลมร้อนริมทะเลอาบแสงแดดไปพลางๆ ในขณะเดียวกัน การดูหนัง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีพักใจง่ายๆ เมื่อซัมเมอร์มาเยือนเช่นเดียวกัน ภาพยนตร์ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการเติบโตในฤดูร้อนจึงกลายมาเป็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอในช่วงนี้ จะมีเรื่องไหนโดนใจชาวแอลบ้าง เตรียมจดชื่อไว้แล้วไปดูตามกันได้เลย!

A Brighter Summer Day (1991)

เริ่มกันที่ผลงานชิ้นเอกของผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Edward Yang ที่ได้รับการสมญานามว่าเป็น ‘คลื่นลูกใหม่แห่งวงการหนังไต้หวัน’ บอกเล่าเรื่องราวของรักแรกที่ต้องเผชิญกับอุปสรรค การเติบโตพร้อมระบบอำนาจนิยม สถานะทางการเมืองอันไร้ซึ่งความมั่นคงของไต้หวันภายหลังจากสงครามกลางเมืองในประเทศจีน ไปจนถึงการตีแผ่สังคมปิตาธิปไตยในยุค 60’s ที่ล้วนหล่อหลอมให้วัยรุ่นสูญเสียตัวตนไปอย่างน่าสะเทือนใจ

A Brighter Summer Day ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละคร เสี่ยวซื่อ (รับบทโดย Chang Chen) เด็กหนุ่มจากจีนแผ่นดินใหญ่วัย 14 ปี ที่อพยพมาอยู่ไต้หวันและได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มนักเรียนอันธพาลจนเกิดความอลหม่านมากมายท่ามกลางความผันผวนของสถานภาพทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นความสับสน ความโกรธแค้น และความรู้สึกสิ้นหวัง สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของช่วงวัยที่ควรจะสดใสเสมือนหน้าร้อนแต่ดันนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมอันแสนเจ็บปวดแทน จึงอาจกล่าวได้ว่านี่คงไม่ใช่หนังอุ่นหัวใจตามแบบฉบับหนังซัมเมอร์ส่วนใหญ่ที่หลายคนคุ้นเคย แต่ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่สังคมผ่านประเด็นร่วมสมัยไม่น้อยเลยทีเดียว

Before Sunrise (1995)

อีกหนึ่งภาพยนตร์โรแมนติกสัญชาติอเมริกันที่กำกับโดย Richard Linklater มุ่งถ่ายทอดความอบอุ่นและความลึกซึ้งผ่านบทสนทนาของชายหนุ่มกับหญิงสาวเป็นหลัก เผยให้เห็นถึงความรักที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของวันหยุดพักผ่อน เปรียบเสมือนหน้าร้อนที่ ‘งดงามแต่ไม่จีรัง’ ซึ่งผ่านเข้ามาให้เชยชมแล้วก็ผ่านพ้นไปอย่างน่าเสียดาย

เรื่องราวถูกดำเนินขึ้นเมื่อชายหนุ่มชาวอเมริกันอย่าง เจสซี่ (รับบทโดย Ethan Hawke) ได้พบกับหญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ เซลีน (รับบทโดย Julie Delpy) บนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยทั้งคู่ได้ใช้เวลาในค่ำคืนนั้นไปกับการเดินเล่น พูดคุย และแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ และมุมมองชีวิตของตนเองให้กันและกันฟังด้วยความรู้สึกจริงใจทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องแยกจากกันในวันรุ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของการอยู่กับปัจจุบันที่ใครหลายคนอาจหลงลืมหรือละเลยไป

My Summer of Love (2004)

มาต่อกันด้วยหนัง Girl’s Love นอกกระแสประจำฤดูร้อนที่ถ้าหากใครได้ดูต่างก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นี่เป็นความโรแมนติกที่สมจริงที่สุด’ ผลงานจากผู้กำกับสุดอินดี้ Paweł Pawlikowski ที่กะเทาะความเจ็บปวดซึ่งเกิดขึ้นจากความรักในแบบฉบับวัยรุ่นสาวสองคนออกมาได้อย่างลึกซึ้ง

My Summer of Love บอกเล่าเรื่องราวของ โมนา (รับบทโดย Natalie Press) หญิงสาวจากครอบครัวชนชั้นแรงงานในสหราชอาณาจักรที่ได้พบกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง แทมซิน (รับบทโดย Emily Blunt) แม้จะแตกต่างกันสุดขั้วทั้งในด้านสถานะทางสังคมและทัศนคติต่อการมองโลก แต่ทั้งสองก็ได้ใช้เวลาช่วงฤดูร้อนร่วมกันในชนบทจนทำให้มิตรภาพที่เกิดขึ้นของเด็กผู้หญิงทั้งสองคนแปรเปลี่ยนไปสู่ความหลงใหลในที่สุด โดยตัวหนังได้เผยให้เห็นถึงความรักอันแสนเปราะบางของวัยรุ่นที่เกิดขึ้นโดยไม่เลือกสถานที่และเวลาจนเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้ไปตามๆ กัน

Little Miss Sunshine (2006)

นางงามตัวน้อย ร้อยสายใยรัก หนังคอมเมดี้ดราม่าสร้างแรงบันดาลใจที่กำกับโดย Jonathan Dayton และ Valerie Faris นำเสนอเรื่องราวการเดินทางข้ามรัฐในช่วงฤดูร้อนอันแสนวุ่นวายของตระกูล Hoover บนรถตู้ Volkswagen สีเหลืองคันเก่าๆ ซึ่งระหว่างทางก็ทำให้พวกเขาได้ ‘เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ’ อย่างไม่รู้ตัว

โอลีฟ (รับบทโดย Abigail Breslin) เด็กหญิงวัย 7 ปี ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนางงาม ครอบครัวของเธอที่ถึงแม้จะดูไม่เพรียบพร้อมแต่ก็ยังสนับสนุนลูกสาวอย่างเต็มที่จึงได้พากันออกเดินทางเพื่อไปชิงตำแหน่ง Little Miss Sunshine ณ แคลิฟอร์เนีย และแน่นอนว่าการเดินทางท่ามกลางไอแดดที่แผดเผาลงมาในครั้งนี้ย่อมเต็มไปด้วยอุปสรรค ความขัดแย้ง รวมไปถึงความลับของคนในครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันเรื่องราวทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต มันเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ที่จะสร้างการเติบโตอันแข็งแกร่งให้แก่เราในท้ายที่สุด

Moonrise Kingdom (2012)

หากคุณกำลังมองหาหนังรอมคอมเบาสมองที่ร้อยเรียงเรื่องราวออกมาในแบบฉบับ Coming of Age แบบย่อยง่ายๆ นี่อาจจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่พลาดไม่ได้กับผลจากการกำกับจาก Wes Anderson ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยของเด็กๆ ลูกเสือในช่วงหน้าร้อนซึ่งไม่ได้เพียงแค่เรียกเสียงหัวเราะอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกประเด็นสังคมมากมาย อาทิ ‘การเติบโต การกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว’ อีกด้วย

Moonrise Kingdom ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปี 1965 ระหว่างเด็กชายอย่าง แซม (รับบทโดย Jared Gilman) เด็กกำพร้าที่สร้างปัญหาให้พ่อแม่บุญทำไม่เว้นแต่ละวัน และ ซูซี่ (รับบทโดย Kara Hayward) เด็กสาวที่ดื้อด้านไม่แพ้กัน ทั้งสองได้พากันลักลอบหนีไปอยู่ด้วยกันที่ชายหาดบนเกาะเพื่อหลีกเลี่ยงชีวิตที่ถูกตีกรอบจากครอบครัว แต่เมื่อเด็กทั้งสองคนหายตัวไป เหล่าผู้ปกครองและเพื่อนๆ จึงได้พากันออกตามหาก่อนที่จะสายเกินไป

The Way Way Back (2013)

เอาใจสาวก Coming of Age กันต่อด้วยหนังอินดี้สัญชาติอเมริกันนอกกระแสอีกหนึ่งเรื่องจากสองผู้กำกับสุดโด่งดังแห่งวงการฮอลลีวูดอย่าง Nat Faxon และ Jim Rash ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวช่วงวัยเปลี่ยนผ่านของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในวัย 14 ปี ที่จำเป็นต้องไปเที่ยวพักร้อนกับแม่และแฟนใหม่ของแม่ที่ตนไม่ค่อยชอบคอมากนัก พร้อมนำเสนอเรื่องราวของ ‘วัยรุ่นที่กำลังหลงทาง’ จนทำให้คนดูต้องตั้งคำถามตามอยู่บ่อยครั้ง

ดันแคน (รับบทโดย Liam James) วัยรุ่นชายที่ประสบปัญหากับการปรับตัวเข้าหาผู้อื่นโดยเฉพาะกับแฟนใหม่ของแม่ แต่แล้วเขาก็ได้ไปพบกับเพื่อนใหม่คนหนึ่งเมื่อตอนไปพักร้อนกับครอบครัวที่ได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาของเขา จนทำให้ดันแคนมั่นใจในตัวเองและเจอตัวตนที่กำลังวิ่งล่าตามหาในที่สุด โดยตัวหนังสะท้อนความสดใสของช่วงหน้าร้อนผ่านโลเคชั่นหลักอย่างสวนน้ำที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานเฮฮา แต่กลับสร้างความรู้สึกเรียบง่าย ไม่หวือหวา และชวนตกผลึกอีกมากมาย

Summer 1993 (2017)

ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์สัญชาติสเปนที่ตอกย้ำความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลจากเวที Berlin International Film Festival มาแล้วในปี 2017 ผลงานเปิดตัวของผู้กำกับ Carla Simón ที่ ‘ถ่ายทอดความงดงามของฤดูร้อนออกมาได้อย่างพิถีพิถัน’ ผ่านความไร้เดียงสาและความเจ็บปวดที่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วทุกคนก็ต้องเผชิญและต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้

หนังบอกเล่าเรื่องราวของ ฟริดา (รับบทโดย Laia Artigas) เด็กหญิงวัย 6 ปี ที่สูญเสียแม่ไปทำให้เธอต้องย้ายจากเมืองใหญ่ไปอยู่ในเมืองชนบทกับคุณลุง คุณป้า และ อันนา (รับบทโดย Paula Robles) ลูกสาวในวัยเดียวกันกับฟริดา ท่ามกลางฤดูร้อนอันเงียบงันฟริดาต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่และรับมือกับความรู้สึกสูญเสียที่ยากจะทำใจ พร้อมเล่นกับความรู้สึกของคนดูด้วยเส้นเรื่องที่ถูกร้อยเรียงมาอย่างรอบคอบ กล่าวคือ เป็นหนังธรรมชาติที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่งแต่กลับเข้าถึงรสชาติของชีวิตได้อย่างจัดจ้าน

เรียกได้ว่านอกเหนือจากความสนุกสนานแล้วนั้น ภาพยนตร์เหล่านี้ยังได้สอดแทรกความน่าสนใจผ่านเส้นเรื่องสะท้อนสังคมชวนขบคิดไม่น้อยอีกด้วย อย่าลืมชวนเพื่อน ครอบครัว รวมถึงคนที่คุณรักมาคลายร้อนด้วยการนอนตากแอร์เย็นๆ ดูหนังกันตลอดหน้าร้อนนี้ได้เลย!

TEXT: Pimnara Suesatkul

Latest Posts

Don't Miss