ในช่วงที่ผ่านมาคงไม่มีรายการไหนเป็นที่พูดถึงไปกว่า Single’s Inferno เรียลลิตี้จับคู่เดตจากเกาหลีที่โด่งดังไปทั่วเอเชียด้วยคอนเซ็ปต์เกาะนรก-เกาะสวรรค์ แต่ถึงแม้รายการนี้จะเดินทางมาถึงซีซั่น 3 มีหนึ่งผู้เข้าร่วมรายการอย่าง ‘ซงจีอา’ บิวตี้บล็อกเกอร์สาวจากซีซั่นแรกที่เหล่าผู้ชมเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่มีใครเป็นที่จดจำได้มากเท่าเธอ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์การใช้ไอเท็มเลียนแบบแบรนด์เนม ชีวิตของเธอกลับพลิกผันไปจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนำมาสู่ช่วงที่เราต้องตั้งคำถามว่า คอมเมนต์โจมตีที่ชาวเน็ตพิมพ์กันผ่านโซเชียลนั้นรุนแรงเกินไป หรือสังคมนี้เพ่งเล็งไปที่ผู้หญิงเป็นพิเศษหรือเปล่า
ซึ่งถ้าใครยังจินตนาการความโด่งดังของเธอไม่ออก หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เธอเป็นที่นิยมมากขึ้นจากทั้งเสน่ห์ รูปร่าง หน้าตา การพูดคุย และลักษณะนิสัยที่ถูกใจผู้ชมส่วนมาก และหลังรายการจบไปแล้ว เธอได้กลายเป็นดาวเด่นไม่แพ้คนในวงการบันเทิงในช่วงนั้น จนช่อง YouTube ของจีอามียอดผู้ติดตามแตะหลัก 1.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าเดิมเกือบ 3 เท่า และสไตล์การแต่งหน้าแต่งตัวของเธอนั้นก็กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่สาวๆ จนเรียกได้ว่าเธอถูกชื่นชมในทุกมิติ
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีค่าอะไรเมื่อมีคนเริ่มขุดคุ้ยเรื่องเธอใช้ของเลียนแบบในเดือนมกราคม 2022 อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า ซึ่งในภายหลังแม้ซงจีอาจะออกมาแถลงยอมรับว่าเธอใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์จริงๆ แต่นั่นเป็นเพราะเธอไม่ทราบมาก่อน หรือบางชิ้นเธอก็ได้เป็นของขวัญมาจากเพื่อน ทว่าเหตุผลเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนเบาคำก่นด่าลง ชื่อของเธอยังคงถูกผูกติดอยู่กับคำว่า fake (ปลอม) ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังถูกด่าทอในเรื่องอื่นๆ เหล่าคนดังบางคนต่างก็ทยอยอันฟอลโลวเธอไป หรือแม้กระทั่งมีคอมเมนต์ที่บอกว่าเธอเป็นคนขายชาติ เพราะจีอาเคยเรียกคำว่ากิมจิเป็นภาษาจีน (แม้เธอจะพูดว่าเธอกำลังเรียนภาษาจีนอยู่)
ซึ่งถ้าเราคิดดูดีๆ แล้วจากที่มีเหตุการณ์คนดังชายเคยขับรถขณะเมาสุรา ใช้สารเสพติด หรือล่วงละเมิดทางเพศ ผู้คนก็มักเลิกติดตามกันไปเฉยๆ โดยที่พวกเขาไม่เคยได้รับบทลงโทษจากสังคมในระดับนี้
ซึ่งหลังจากนั้นเธอได้เริ่มกลับมาทำคอนเทนต์อีกครั้งปลายเดือนมิถุนายน 2022 แต่ชีวิตตามปกติของซงจีอาไม่ได้กลับมาดำเนินบนเส้นทางที่สวยงามตามเดิมแต่อย่างใด ผู้คนยังคงติดภาพจำว่าเธอเป็นคนจอมปลอม จนล่าสุดนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2022) เธอได้ออกมาเล่าในรายการ Escape ว่า แม้ฉันจะมีผู้ติดตามเป็นหลักล้าน แต่ฉันไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวที่เธอจะสามารถบอกเล่าความรู้สึกให้ฟังได้ และคนที่เธอจะไว้ใจน้ันก็คือคุณแม่เพียงคนเดียว
โดยจีอาเล่าว่าแม้แต่พี่สาวคนสนิทยังเคยพูดกับแฟนของเธอว่า “ยังเจอจีอาอยู่อีกหรอ เลิกยุ่งกับเธอเถอะ เดี๋ยวฉันแนะนำผู้หญิงคนอื่นให้” นอกจากนี้ หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมา เธอยังต้องเผชิญภาวะที่ยากลำบากกับการที่ต้องออกไปข้างนอกเพื่อพบเจอเพื่อน หรือการอ่านข้อความจากคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่แม่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอเช่นกัน
จริงอยู่ที่เราไม่สามารถปฏิเสธว่าการใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์นั้นเป็นความผิด ถึงกระนั้น เมื่อเธอปรับเปลี่ยนตัวเองแล้วแต่สังคมรอบข้างยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การที่เธอต้องเผชิญกับสิ่งที่ถาโถมเข้ามาเช่นนี้ก็คงไม่ใช่สิ่งที่เธอสมควรได้รับ
นอกจากนี้ ยังคงมีตัวอย่างของเหล่าไอดอลหญิงมากมายที่ถูกสังคมตัดสินไปเกินกว่าความเป็นจริง อาทิ คิมการัม อดีตสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป LE SSERAFIM วัย 16 ปีที่ถูกกล่าวหาว่าบูลลี่เพื่อนในโรงเรียน และมีความผิดในระดับ 5 ซึ่งแท้จริงแล้วระดับ 5 ที่เธอได้รับนั้นมาจากการใช้ถ้อยคำหยาบคาย หรือ ซูจิน อดีตสมาชิก G(I)-DLE ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรง ที่ถึงในภายหลังจะมีการเปิดเผยออกมาว่าเธอไม่มีความผิด แต่อนาคตของทั้งสองสาวในวงการบันเทิงขณะนั้นกลับต้องดับไปอย่างน่าเสียดาย
กลับไปที่คำถามตั้งต้น คอมเมนต์โจมตีที่ชาวเน็ตพิมพ์กันผ่านโซเชียลนั้นรุนแรงเกินไปไหม? สังคมนี้เพ่งเล็งไปที่ผู้หญิงเป็นพิเศษหรือเปล่า? คงเป็นสิ่งที่เราต้องตอบตัวเองกันให้ได้ เพราะหากพวกเธอไม่ใช่แค่กลายเป็นคนเก็บตัวหรือต้องละทิ้งความฝันไปในวัยที่กำลังวิ่งตามเส้นชัย แต่เกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านั้น เราก็เชื่อว่าไม่ว่าใครต่างก็คงไม่อยากเห็นเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในอนาคต