วันสตรีสากลคือวันเฉลิมฉลองความสำเร็จทุกๆ ด้านของสุภาพสตรีทั่วโลก ไม่ว่าจะด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ในขณะเดียวกันวันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ผู้หญิงต้องเผชิญ ทั้งเรื่องการเหยียดเพศ การกดขี่ทางเพศ การคุกคาม การให้ค่าแรงอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นวันนี้จึงมีขึ้นเพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้สังคมตระหนักถึงสิทธิสตรีด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงอยากจะพาคุณย้อนรอยประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศของผู้หญิงจนถึงปัจจุบันว่า พวกเธอต่อสู้กับอะไรและมีอะไรเปลี่ยนไปแล้วบ้าง
ที่มาของวันสตรีสากล
วันสตรีสากล (International Women’s Day หรือ IWD) ตรงกับวันที่ 8 ของเดือนมีนาคมเป็นประจำทุกปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของแรงงานหญิงในโรงงานทอผ้าในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1857 พวกเธอต่อสู้เพื่อค่าแรงที่เป็นธรรมเท่าเทียมกับเพศชายและเพื่อคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น พวกเธอไม่ต้องการการกดขี่ข่มเหงให้ทำงานที่เกินขีดจำกัด เพราะในยุคนั้นผู้หญิงทำงาน 12-15 ชั่วโมงต่อวัน และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ก็จะถูกไล่ออก แม้ว่าพวกเธอจะหวาดกลัว แต่สุดท้ายพวกเธอก็ตัดสินใจก่อการประท้วงจนมีการล้อมปราบและสูญเสียไปมากมาย
ในช่วงต้นยุค 1900s ยังมีการประท้วงเรื่องสวัสดิการแรงงานอยู่เนืองๆ รวมไปถึงสิทธิในการเลือกตั้งของผู้หญิง ซึ่งผู้หญิงในยุคนั้นสนับสนุนการเรียกร้องนี้จนเกิดเป็นปรากฏการณ์สั่นคลอนระบบการผลิตแบบทุนนิยมทั่วโลกด้วยเช่นเดียวกัน
ต่อมาในช่วงปี 1910 กลุ่มแรงงานหญิงทั่วโลกกว่า 100 คนจาก 17 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุมงานสมัชชาแรงงานหญิงที่กรุงโคเปนเฮเกน ในประเทศเดนมาร์คเพื่อเรียกร้องให้ลดเวลาการทำงานให้เหลือ 8 ชั่วโมง หาความรู้เพิ่มเติมอีก 8 ชั่วโมง เวลาพักผ่อน 8 ชั่วโมง และนายจ้างต้องให้ค่าแรงแก่แรงงานหญิงเท่ากับแรงงานชาย ตลอดจนคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็ก
ในช่วงเวลานี้พวกเขายังเห็นด้วยอย่างมีมติเอกฉันท์กับแนวคิดของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้สนับสนุนสิทธิสตรีชาวเยอรมันอย่าง Clara Zetkin ที่แนะนำให้กำหนดวันสตรีสากลสำหรับทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เดิมทีไม่ได้มีการกำหนดวันอย่างเฉพาะเจาะจง แต่ในช่วงสงครามโลก ผู้หญิงรัสเซียออกมาร่วมชุมนุมในวันสตรีสากลในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ตามปฏิทินจูเลียนที่ตรงกับวันที่ 8 มีนาคมในปฏิทินเกรโกเรียนที่ใช้ในประเทศตะวันตก ซึ่งเหตุการณ์นั้นนำมาสู่การปฏิวัติรัสเซียในปี 1917 ที่ล้มล้างระบบราชาธิปไตยได้ รัฐบาลในขณะนั้นจึงอนุมัติให้ผู้หญิงมีสิทธิออกเสียงในการเลือกตั้ง ภายหลังประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็เฉลิมฉลองตามวันเดียวกันนี้ในที่สุดวันสตรีสากลก็ได้รับการเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 8 มีนาคม เมื่อปี 1975 โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) วันที่ 8 มีนาคมก็ถูกจดจำในฐานะวันสตรีสากลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
การเฉลิมฉลองวันสตรีสากล
วันสตรีสากลถือเป็นวันที่สำคัญและเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก พวกเขาอาจเฉลิมฉลองด้วยการซื้อของขวัญให้กับเหล่าสุภาพสตรี ก่อนหน้านี้ในยุคสงครามโลกที่เศรษฐกิจไม่ดีและหาของขวัญได้ลำบากก็จะให้ถุงน่อง ผ้าขนหนู หรือกาแฟ แต่ในปัจจุบันก็จะให้ของหรือของขวัญทั่วไป อาจจะเป็นเครื่องสำอาง ช็อคโกแลต การ์ดอวยพร หรือดอกไม้ ส่วนดอกไม้ที่พวกเขาเลือกให้นั้นก็จะเป็นดอกทิวลิปเสียส่วนใหญ่ แต่ในอิตาลีจะให้ดอกมิโมซ่า ส่วนประเทศจีนอาจมีการลดเวลาทำงานให้กับลูกจ้างหญิงในบางบริษัท

สีประจำวันสตรีสากล
สมัชชาแรงงานของสตรี Women’s Social and Political Union (WSPU) ในสหราชอาณาจักรเลือกให้สีม่วง เขียว และขาวเป็นสีประจำวันสตรีสากล โดยแต่ละสีจะมีความหมายแตกต่างกันไป สีม่วงหมายถึงความยุติธรรมและศักดิ์ศรี สีเขียวคือความหวัง และสีขาวคือความบริสุทธิ์
ธีมวันสตรีสากลประจำปี 2024
ส่วนธีมและการเฉลิมฉลองวันสตรีสากลประจำปี 2024 จัดขึ้นภายใต้แคมเปญ #InspireInclusion โดยมีโดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันความเท่าเทียมทางเพศ ให้โอกาสและความยุติธรรมต่างๆ สำหรับผู้หญิงโดยที่ไม่กีดกันคนกลุ่มใด ยอมรับทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติ อายุ ความสามารถ ภาพลักษณ์ ฯลฯ โดยมีการร่วมถ่ายภาพทำมือเป็นรูปหัวใจ พร้อมกับโพสต์ลงคู่กับแฮชแท็ก #InspireInclusion เพื่อเป็นการกระจายแคมเปญนี้ให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นบนโลกออนไลน์
ในปัจจุบันสังคมเริ่มตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น แต่เรามิอาจปฏิเสธได้ว่ายังคงมีอีกหลายประเทศที่ผู้หญิงยังต้องต่อสู้กับระบบชายเป็นใหญ่มาอย่างยาวนาน และการเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียมทางเพศยังคงต้องดำเนินต่อไปจนกว่าสังคมจะเข้าใจประเด็นนี้อย่างชัดเจนและร่วมมือกันแก้ไขเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมอย่างแท้จริง
Source: 1
Cover Photo Courtesy: shutterstock