CHANEL เผยโฉมคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2025 pre-collection ผ่านแคมเปญล่าสุดที่ได้ Gracie Abrams นักร้องและนักแต่งเพลงสาวชาวอเมริกัน พ่วงตำแหน่งเฮ้าส์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ของ CHANEL ซึ่งก่อนหน้านี้เรามักเห็นเธอสวมใส่ชุดของเฮ้าส์ในโอกาสสำคัญต่างๆ อย่าง Grammy Awards และ Met Gala มาแล้ว โดยแคมเปญนี้ได้ Sofia Coppola มากำกับงานศิลป์ พร้อมด้วยช่างภาพ Craig McDean ผสมผสานระหว่างเรื่องราวของภาพถ่าย ดนตรี และภาพยนตร์ไว้ด้วยกัน และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์แบบผู้หญิงสมัยใหม่ตามแบบฉบับ CHANEL แอลเลยได้โอกาสชวนทั้งสองสาวมากความสามารถอย่าง เกรซี อับรัมส์ และ โซเฟีย คอปโปลา มาพูดคุยถึงการทำงานในแคมเปญนี้

ย้อนกลับไปในสมัยที่เกรซีนั้นติดอยู่ในวังวนของโรงละครโรงเรียน ส่วนที่เธอโปรดปรานที่สุดจากประสบการณ์ทั้งหมดนั้นคือ Tech Week ช่วงเวลาแสนวุ่นวายเพื่อเตรียมแสงไฟและระบบเสียงให้สมบูรณ์แบบที่สุด “ทุกๆ ช่วงเวลาในโรงเรียนที่มีความสำคัญต่อฉันคือ ณ โรงละคร“ เธอกล่าวโดยพูดถึงแง่มุมที่ว่า การทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์กลุ่มงานหนึ่ง มันก็เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงชื่นชอบการทัวร์คอนเสิร์ต เพราะทั้งคู่ก็เป็นการแสดงแบบหมู่คณะเหมือนกัน
ถ้าลองนำเทควีกมาคูณหนึ่งล้าน คุณก็อาจจะเอื้อมไปถึงประสบการณ์การแสดงเปิดในทัวร์คอนเสิร์ตระดับยักษ์อย่าง The Eras Tour ของ Taylor Swift ที่เพิ่งจบลง ในขณะที่เรากำลังพูดอยู่นี้ เกรซีก็กำลังเตรียมจะแสดงคอนเสิร์ตสุดท้ายใน Vancouver และใกล้จะเริ่มทัวร์ของเธอในยุโรปและเอเชีย โดยเธอเล่าว่า “The Eras Tour นั้นเหนือจริงราวเวทมนต์ด้วยหลากล้านเหตุผลเลยค่ะ การได้อยู่ในวงโคจรเดียวกับเทเลอร์และทั้งทีมของเธอ ตั้งแต่แดนเซอร์ วงดนตรี ไปจนถึงทีมงาน มันนับเป็นพริวิเลจจริงๆ ที่ได้มาอยู่ในจุดเดียวกับผู้คนที่เนรมิตอะไรที่แสนวิเศษในโชว์ทุกค่ำคืนและเห็นทุกอย่างนี้เริ่มต้นขึ้น“

และวันนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึงโปรเจ็กต์กลุ่มที่แอมบาสซาเดอร์คนล่าสุดของ CHANEL คนนี้มาเข้าร่วม นั่นก็คือการขึ้นแคมเปญ Spring/Summer 2025 pre-collection ซึ่งกำกับงานศิลป์โดย โซเฟีย คอปโปลา และถ่ายภาพโดย เคร็ก แมคเดน ซึ่งเกรซีจะมาในหลากหลายลุคตั้งแต่ลุคบอยอิชด้วยแจ็กเกตที่จับคู่กับกางเกงขาสั้นเบอร์มิวดา ไปจนถึงลุคสาวหวานในชุดผ้าทวีดและไข่มุก

แม้เกรซีและโซเฟียจะไม่เคยพบกันมาก่อนที่จะถ่ายทำแคมเปญนี้ แต่เกรซีก็ได้ออกตัวว่าเธอเป็น ‘แฟนตัวยง‘ ของผู้กำกับคนนี้เลยทีเดียว “มันเป็นความฝันสุดบ้าบิ่นของฉันเลยที่จะได้ร่วมงานกับเธอในความเป็นไปได้ใดๆ ก็ตาม เหมือนกับความฝันอันไกลโพ้นที่จะได้รู้จักกับโซเฟียในทางใดก็แล้วแต่” นอกจากนี้ ทั้งสองนั้นมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความหลงใหลในคุณค่าของหญิงสาวโซเฟียยังได้เล่าอีกด้วยว่า ตอนที่เธอและลูกสาวไปคอนเสิร์ตของเกรซีที่ Radio City Music Hall มีเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวตามสไตล์สุดเอกลักษณ์ของนักร้องสาวคนนี้แทนทุกหนทุกแห่ง จนเธอยังบอกกับเกรซีว่า ”ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโบว์ของเธอนั้นมีความหมายอะไรพิเศษ แต่พอมองไปรอบๆ แล้วเห็นสาวๆ ติดโบว์กันทั่วทั้งฮอลล์ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นสังคมลับๆ อย่างไรอย่างนั้นเลย“
ได้ยินดังนั้น เกรซีจึงได้ตอบรับว่า “ตลกมากเลยที่มันออกมาเป็นอย่างนี้เรื่อยมา ฉันติดโบว์ขึ้นเวทีก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของฉัน พอเห็นมันกลายมาเป็นสัญลักษณ์แล้วแรกๆ ก็รู้สึกตลกดี แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่ามันน่ารักมากเลยค่ะกับการมีสัญลักษณ์บางอย่างในคอมมูนิตี้“ นอกจากนี้ เกรซียังสวมใส่โบว์ในรูปแคมเปญ แถมยังเป็นแฟนตัวยงของการแต่งตัวจัดเต็มขึ้นแสดงอีกด้วย “ฉันเคยสนุกกับการใช้เวทีเป็นข้ออ้างในการสวมใส่ยีนส์และสเวตเตอร์ ซึ่งเป็นตัวฉันในชีวิตประจำวันมาก และยิ่งฉันรู้จักตัวเองดีขึ้นเท่าไร ยิ่งรู้สึกแข็งแกร่งกับตัวเองมากเท่าไหน ฉันก็ยิ่งอยากลองอะไรใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น”

สำหรับการมากำกับแคมเปญของ CHANEL ในครั้งนี้ โซเฟียเรียกมันว่าเป็น ‘ความฝันในวัยเด็กของเธอ’ อีกทั้งเธอยังได้รับแรงบันดาลใจจากแคมเปญของเฮ้าส์ในยุค 80s ที่เธอจดจำได้จนโต โชคดีของเธอที่ได้ Carole Bouquet นักแสดงชาวฝรั่งเศสและครั้งหนึ่งเคยเป็นเฟสของ CHANEL มาเป็นทั้งเพื่อนของครอบครัว และแรงบันดาลใจส่วนตัว “สำหรับฉัน เธอเป็นคุณป้า เป็นผู้หญิงแห่ง CHANEL No. 5 และชาวปารีเซียงสุดสวยชิก เป็นต้นแบบความเป็นหญิงของฉันเลย” กล่าวโดยโซเฟีย ผู้จดจำการสะสมขวดน้ำหอม CHANEL เอาไว้ในตู้เสื้อผ้าเมื่อวัย 15 ได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ เกรซีผู้มีความทรงจำร่วมกับแบรนด์ไม่ต่างกัน จากการไปเยี่ยมคุณยายสุดแกลมผู้มีลิปสติก CHANEL อยู่ในโต๊ะเครื่องแป้งที่มาเสริมว่า “ฉันคิดว่าตัวเองทั้งโตเป็นสาวแถมยังสวยเลิศอีกต่างหาก มันเหลือเป็นขุมทรัพย์ที่ฉันต้องไปเยี่ยมเยือนเลย”

โซเฟียถ่ายโพลารอยด์ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำเอาไว้ (พร้อมสัญญากับเกรซีว่าจะส่งช็อตที่เธอถ่ายกับสุนัขของทีมงาน CHANEL ให้) โดยเกรซีเผยว่า “สำหรับฉัน การได้มาเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ในกองถ่ายนั้น เหนือกว่าสิ่งอื่นใด มันเปรียบได้กับของขวัญเลยทีเดียว ยิ่งฉันได้เติบโตมาด้วยผลงานทั้งหลายของโซเฟีย มันก็ยังถูกนำมาปรับใช้กับอารมณ์ ความรู้สึกและประสบการณ์ต่างๆ แต่พอฉันเติบโตมาเป็นผู้หญิง มันก็ยิ่งขยายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น” และดูเหมือนต่างฝ่ายต่างก็ชื่นชอบกันเลยทีเดียว อย่างที่โซเฟีย บอกว่า “นอกจากเกรซีจะเป็นคนที่สวยแล้ว เธอยังเหมาะกับแคมเปญนี้เป็นอย่างดี เพราะเธอทั้งฉลาด มีความคิด แถมยังเป็นนักเขียนผู้ซื่อตรงและสง่างามอย่างหาได้อยากในทุกวันนี้ สำหรับฉันแล้ว CHANEL แสดงออกถึงความงามสง่าและวัฒนธรรม”

ในขณะที่กำลังคุยอยู่นี้ เกรซีเองก็กำลังเฉลิมฉลองที่ซิงเกิลของเธออย่าง ‘That’s So True’ ที่เล่าถึงการเลิกรากับคนรักเก่าด้วยทำนองสนุกสนาน ซึ่งกำลังเป็นไวรัลอย่างเหลือเชื่อ โดยเธอเรียกมันว่า “เป็นความพิเศษของการทำอะไรบางอย่างที่ทำได้อย่างสนุกสนาน ตลอดขั้นตอนการทำเพลงน้ีก็แค่การหัวเราะหนักๆ และฉันก็คิดว่ามันดีเสมอเลย กับการที่สิ่งที่เชื่อมต่อผู้คนได้นั้นเป็นอะไรที่คุณมีช่วงเวลาดีๆ ในการทำมัน เป็นอะไรที่คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาที่จะได้ทำ การเขียนเพลงนี้ร่วมกับเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมงานอย่าง Audrey Hobart นั้นเป็นการใช้เวลาร่วมกันอย่างดีเลยทีเดียว การที่มันกลายมาเป็นอิมแพ็กมากกว่าเดิมนั้นถือเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้คนอินมันไปกับชีวิตของพวกเขาด้วย” นอกจากนี้ เธอยังได้ข่าวดีเกี่ยวกับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ครั้งล่าสุดนี้ ขณะกำลังระบายสีน้ำบนการ์ดวันเกิดให้กับเพื่อนและคุยเฟซไทม์กับแม่อีกด้วย จนเธอบอกว่า “อ้าปากค้างยินดีอยู่บ่อยครั้งเลย”
เมื่อพูดถึงการร่วมงานกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ในเพลง ‘Us’ จากอัลบั้มที่สองของเกรซี อย่าง The Secret of Us เธอก็ได้พยักหน้าพร้อมเอ่ยว่า “มันช่างบ้ามากกับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงร่วมกับเทย์เลอร์ ผู้ซึ่งฉันเติบโตมากับการยกให้เธอเป็นไอดอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาทั้งหลายของเธอในงานแกรมมี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ฝังแน่นและลุกโชนอยู่ในหัวของฉัน” พร้อมทั้งเผยว่าเธอทั้งคู่ได้พูดคุยโทรศัพทน์กันอย่าง ทั้งสนุกสนานและกระอักกระอ่วนในคราวเดียวกัน”

ตั้งแต่ที่ประวัติของเธอนั้นถูกเปิดเผยไปทั่วในช่วงที่ผ่านมา เกรซีก็ได้เล่าว่าเธอนั้นตั้งมั่นแน่วแน่มากกับการไม่อ่านคอมเมนต์ (ซึ่งโซเฟียก็ได้แทรกมาว่า “ฉลาดมาก”) โดยเธอบอกว่า “นี่คือวิธีการที่ฉันจะปกป้องความสงบสุขของตัวเองได้ค่ะ เพราะปฏิกิริยาที่ฉันมีกับคนแปลกหน้าตามท้องถนนนั้นค่อนข้างน่าพึงพอใจและเคารพในกันและกัน และมันคือการสนทนาจริงๆ ไม่ใช่การมาพ่นพิษใส่กัน ฉันไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการหาแสงโจมตีกันในโลกอินเทอร์เน็ต”

หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Priscilla ในปี 2023 โซเฟียก็ได้อยู่ในช่วงที่เธอเรียกมันว่า ‘ขั้นแรกเริ่ม’ ของไอเดียใหม่ๆ ที่เธอให้นิยายว่าเป็นอะไรที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดี แม้ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอนั้นมักจะนำเดินเรื่องโดยตัวละครหญิงก็ตาม “มีบางคนที่ฉันยังยึดติดอยู่ ฉันชื่นชอบเรื่องราวที่เราจะสามารถรู้สึกเข้าถึงผู้หญิงได้ ฉันรู้สึกว่ามันมีภาพยนตร์อยู่ไม่มากในตอนนี้ที่ฉันรู้สึกอินไปกับตัวละครหญิงได้” นอกจากนี้ เธอยังมองล่วงหน้าไปถึงการครบรอบ 25 ปีของภาพยนตร์ The Virgin Suicides ซึ่งเหล่าเด็กๆ เจนซีและอัลฟ่าต่างนับถือมากข้ึนในทุกวัน พร้อมให้สัญญาว่า “ฉันคิดว่า Kirsten Dunst กับฉันจะวางแผนถ่ายทำหรือทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันสักหน่อย ฉันรู้สึกเชื่องโยงถึงช่วงชีวิตช่วงนั้นอยู่ตลอด มันเป็นอะไรที่ฉันวาดฝันถึง มีหลากหลายงานที่ฉันทำเกี่ยวกับหญิงสาวที่เติบโตขึ้น และการที่มันยังคงเชื่อมกับผู้คนได้อยู่นั้นมันทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก”

จากที่เธอบอกว่าการทำภาพยนตร์นั้นใช้เวลายาวนาน โซเฟียจึงได้มองหาเส้นทางใหม่ๆ ที่ใช้เวลาน้อยลง เธอยังได้รับข้อเสนอในโปรเจ็กต์ออกแบบโรงแรมและกำลังพิจารณามันอยู่ด้วย (ลองจินตนาการภาพว่ากำลังเช็กอินโรงแรมของโซเฟียดูสิ!) นอกจากนี้ เธอยังมีไอเดียสุดอนาล็อกที่อยากเล่นด้วย อย่างเช่น การตีพิมพ์หนังสือทำมือ (เธอเคยทำมาแล้วในช่วงมัธยมต้น ซึ่งเธอบอกว่าใช้เครื่องซีรอกซ์ที่ออฟฟิศของคุณพ่อ)
พอถามเกรซีว่าเธอเคยสนใจจะเบนเข็มไปฝั่งภาพยนตร์ แบบ J.J. Abrams พ่อของเธอและคนในครอบครัวคอปโปลาเกือบทั้งหมดบ้างไหม เธอก็ตอบว่า “มันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันตื่นเต้นมากๆ อยู่เสมอเลย แม้จะไม่ใช่อะไรที่กำลังมองหาอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันก็รู้สึกเปิดกว้างมากๆ แล้ว” พร้อมเน้นย้ำในเรื่องการเขียนบทว่า “ฉันชื่นชอบการเขียนไดอาล็อกสนทนามาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม ฉันทำมันในช่วงที่อยู่เบอร์นาร์ดและเฝ้าจินตนาการว่าบทสนทนาเหล่านั้นดำเนินไปอย่างลับๆ ตลอดหลายปี ตอนนี้ฉันรู้สึกกังวลกับการต้องกลับไปที่สตูดิโอเพราะกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังสนใจในตัวเองเป็นพิเศษ ว่าทุกครั้งที่เข้าสตูดิโอเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ฉันรู้สึกราวกับตัวเองจะไม่สามารถเขียนเพลงได้อีกแล้ว และก็กลับออกมาพร้อมกับอะไรที่ชวนให้เซอร์ไพรส์เสมอ ก็เลยรู้สึกว่า ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ลองวิ่งตามมันดูเถอะ ตราบใดที่มันพาเราไปถึงแก่นของอัลบั้มนี้ นั่นก็คือที่ที่สมองของฉันอยู่นั่นแหละ”

CREDIT: elle.com
TEXT: Véronique Hyland