ไม่ว่าจะเพราะเผลอติดซีรี่ส์จนเลยเวลานอน หรือละเลยการใช้อายทรีตเมนต์ที่ช่วยถนอมผิวรอบดวงตา ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้รอยคล้ำใต้ตาปรากฏชัดขึ้นจนทำให้ใบหน้าดูโทรม ดูเหนื่อยล้า นอกจากไลฟ์สไตล์อย่างการนอนดึกหรือดื่มน้ำไม่เพียงพอแล้ว สาเหตุของรอยคล้ำที่เกิดขึ้นรอบดวงตายังเกี่ยวถึงกรรมพันธุ์และอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย แอลบิวตี้ขออาสาพาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับรอยคล้ำรอบดวงตา พร้อมแนะนำทิปส์ที่ช่วยดูแลผิวรอบดวงตาแบบ 360 องศา
จะโทษซีรี่ส์เรื่องโปรดที่ทำให้ต้องดูให้จบรวดเดียวภายในหนึ่งคืนก็ไม่ได้ เพราะนอกจากนอนไม่เพียงพอแล้วรอยคล้ำบริเวณใต้ตาสามารถเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ การกิน อายุที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงกรรมพันธุ์ โดยบางครั้งถึงแม้ว่าจะนอนหลับเพียงพอแต่เมื่อตื่นนอนรอยคล้ำยังคงเห็นชัด หรือแม้ใช้คอนซีลเลอร์กลบก็ยังทำให้ใบหน้าดูโทรมดูเหนื่อยอยู่ดี
Not Getting Enough Sleep
สาเหตุคลาสสิกที่หลายๆ คนมองข้ามที่ทำให้รอยคล้ำใต้ตานั้นไม่ยอมจางลงง่ายๆ แม้ลงทุนกับอายครีมไปมากมาย คือการนอนไม่พอ เพราะเมื่ออดนอนหรือหลับอย่างไม่มีคุณภาพจะทำให้เส้นเลือดที่อยู่รอบๆ ดวงตามีการขยายตัวขึ้น ส่งผลให้ดวงตาดูอิดโรยและสีของรอยคล้ำเด่นชัดขึ้น
Aging
ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดขึ้นได้ง่าย เนื่องจากคอลลาเจนในร่างกายผลิตได้น้อยลงตามวัยที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อยและบางลงจนเส้นเลือดใต้ผิวหรือสีของรอยคล้ำอย่างม่วงหรือดำปรากฏได้ชัดขึ้น
Genetic
รอยคล้ำใต้ตาอาจเกิดได้จากพันธุกรรมด้วย โดยธรรมชาติผิวรอบดวงตาเป็นส่วนที่มีความบอบบางมากกว่าผิวส่วนอื่น ซึ่งเมื่อคนในครอบครัวเป็นคนที่มีผิวโทนสว่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับเป็นคนที่มีผิวบอบบาง จะทำให้เส้นเลือดที่อยู่บริเวณรอบดวงตาปรากฏชัด
Skip SPF
มองข้ามการทาครีมกันแดดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ เพราะแสงแดดและรังสียูวีไม่เพียงแต่ทำร้ายผิวหน้าให้เกิดความหมองคล้ำ แต่ยังรวมไปถึงทำร้ายผิวบริเวณใต้ตาไปแบบไม่รู้ตัว
ยังไม่สายที่จะหันกลับมาจริงจังกับการฟื้นบำรุงผิวรอบดวงตาให้กลับมาสดใสและแลดูอ่อนเยาว์ ลองเอาใจใส่ผิวรอบดวงตามากขึ้นด้วย 5 ทิปส์ต่อไปนี้ เพื่อป้องไม่ให้ปัญหาผิวรอบดวงตาอื่นๆ มากวนใจในอนาคต
Invest in Eye Cream or Serum
ลงทุนกับอายครีมหรืออายทรีตเมนต์เป็นวีธีการฟื้นบำรุงผิวรอบดวงตาให้กลับมามีชีวิตชีวาที่ทำได้ง่าย โดยหนึ่งในสเต็ปของสกินแคร์รูทีนที่ควรทำเป็นประจำทุกวัน ซึ่งสำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ แนะนำให้อิงจากสภาพผิวของตนเองเป็นหลัก สำหรับคนที่ผิวแห้งมาก แนะนำให้เลือกเป็นเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นอย่างบาล์มหรือทรีตเมนต์เข้มข้น ส่วนคนที่ผิวมันง่าย แนะนำให้มองหาเนื้อสัมผัมเจลที่ซึมง่ายแต่มอบความรู้สึกชุ่มชื่น หากมีความกังวลเรื่องรอยคล้ำใต้ตาเป็นพิเศษแนะนำให้มองหาส่วนผสมที่ช่วยปลุกความกระจ่างใส เช่น คาเฟอีน หรือวิตามินซี
When in Doubts, Just Put a Mask On.
หากวันไหนผิวรอบดวงตาดูอิดโรยหรือดูหมองคล้ำ ลองเพิ่มขั้นการใช้อายชีตมาสก์เข้าไปในรูทีน โดยการมาสก์ใต้ตานอกจากจะช่วยบูสต์ความชุ่มชื่นแล้ว ในยุคปัจจุบันแผ่นชีตมาสก์สำหรับรอบดวงตายังถูกคิดค้นมาด้วยนวัตกรรมที่ช่วยส่งส่วนผสมสำคัญตรงเข้าไปบำรุงผิวใต้ตาได้อย่างล้ำลึกอีกด้วย ถ้าอยากให้ฟินและผ่อนคลายยิ่งขึ้น ทีมแอลบิวตี้ขอแนะนำให้นำไปแช่ในตู้เย็นก่อนใช้
Grab a Tool
อุปกรณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะชื่นชอบการนวดเองด้วยมือกับหินกัวซา หรือชอบความรู้สึกของเครื่องนวดที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต การมีไอเท็มเหล่านี้เสริมทัพกับการใช้อายครีมหรือทรีตเมนต์จะช่วยให้ส่วนผสมสกินแคร์นั้นซึมเข้าบำรุงผิวรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Cold Remedy
จริงๆ แล้วสูตร OG ของการดูแลผิวรอบดวงตาไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด และไอเท็มที่ต้องใช้ทุกคนมีอยู่ในห้องครัวเรียบร้อย นั่นคือชามขนาดใหญ่และน้ำแข็งนั่นเอง หากตื่นนอนมาแล้วใต้ตาดูบวมและหมองคล้ำ แนะนำให้ลองแช่ใบหน้าในน้ำแข็ง วิธีนี้นอกจากความเย็นจะช่วยลดอาการบวมแล้ว ยังปลุกความสดชื่นให้ผิวอีกด้วย
In-Office Treatment
หาก At-Home ทิปส์ที่เกริ่นมาข้างต้นยังไม่ช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาและดูจางลง การพบผู้เชี่ยวชาญและรับบริการอย่างเลเซอร์เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยม เพราะนอกจากช่วยลดเลือนรอยคล้ำแล้ว ยังช่วยเรียกความกระชับของผิวรอบดวงตากลับมาด้วยในขั้นตอนเดียว ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับบริการเพื่อเลือกทรีตเมนต์ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของตนเอง