มาถึงคราวของ 2 ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี Domenico Dolce เเละ Stefano Gabbana ที่จะได้โชว์ฝีไม้ลายมือในการออกแบบแฟชั่นชั้นสูงสำหรับ Dolce & Gabbana Sardegna: Alta Moda ปี 2024 นี้ ซึ่งในครั้งนี้แบรนด์ได้เลือกซาร์ดิเนีย เกาะทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลี มาเป็นหมุดหมายสำหรับ Grand Tour d’Italia ในปีนี้เพื่อสร้างสรรค์งานศิลป์ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ากับศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นซาร์ดิเนียอย่างอลังการ!
The Set Up




แฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ โดลเช่ แอนด์ กาบบานา ได้เชิญ Phillip K. Smith III ศิลปินชาวอเมริกันผู้ซึ่งโด่งดังเรื่องประติมากรรมและสถาปัตยกรรมที่ใช้แสงและเงาเล่นกับสายตา มาร่วมรังสรรค์เซตอัพกลางแจ้งสำหรับรันเวย์ภายใต้ชื่อ ‘Nora Mirage’ ที่จะเน้นเล่นกับการหักเหของแสงราวกับฝัน ณ แหล่งโบราณคดีเมือง Nora เกาะซาร์ดิเนีย สถานที่ซึ่งร่ำรวยด้วยคุณค่าทางศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ จึงถือได้ว่านี่เป็นโชว์ที่มอบประสบการณ์ Immersive อย่างน่าประทับใจ
The Sardinian Weaving



โดยการเลือกโลเคชั่นนี้ถือเป็นความตั้งใจของโดลเช่ แอนด์ กาบบานา ที่ต้องการนำเสนอผลงานเพื่อสะท้อนความงดงามของมรดกงานฝีมืออันวิจิตรของซาร์ดิเนีย ตั้งแต่ตะกร้าสาน งานไม้แกะสลัก ไปจนถึงเครื่องปั้นดินเผา โดยเฉพาะเทคนิกการทอผ้าและการถักพรมด้วยมือ ที่แบรนด์เลือกนำมาใช้ถ่ายทอดเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ซาร์ดิเนียผ่านเสื้อผ้าอาภารณ์ ส่วนการใช้ชุดสีที่มีความคอนทราสต์นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดประจำถิ่นซาร์ดิเนียที่มีสีสันสว่างสดใส กอปรกับเทคนิคการตัดเย็บขั้นสูงที่ส่งผลให้เสื้อผ้าเกิดเอฟเฟ็กต์ 3 มิติ จึงมองเห็นโมเดลเสมือนเป็นตุ๊กตาสีสดขนาดใหญ่ ล้อกับคอนเซ็ปต์ศิลปะแนว Surreal Impressionism แปลกตา
The Sardinian Carving




บนรันเวย์ยังปรากฏลุคอื่นๆ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมซาร์ดิเนีย อาทิ เสื้อผ้าและผ้าคลุมหัวที่ทำจากผ้าไหมหรือลูกไม้ รวมไปถึงศิลปะการฉลุลาย ซึ่ง Dolce & Gabbana ได้นำมาดัดแปลงให้สอดรับกับตัวตนของแบรนด์ โดยใช้เทคนิกการฉลุลายทั้ง 3 แบบ ได้แก่ การฉลุลายบนผ้ากำมะหยี่ด้วยผ้าทูลล์ที่สร้างเอฟเฟ็กต์โปร่งใสเห็นผิวสลับทึบดึงดูดใจ ต่อมาจะเป็นการฉลุลายบนผ้าไหม Mikado ด้วยผ้าออร์แกนซ่าและเทปถักร่องเป็นลวดลายดอกไม้ให้ความรู้สึกเฟมินีน และสุดท้ายคือการฉลุลายบนผ้าไหม Mikado ด้วยการปักเลื่อมทองทั้งตัวและลวดลาย Filigree ที่วิจิตรงดงาม
The Styles




แม้การเดินทางมายังเกาะซาร์ดิเนียจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคอลเล็กชั่น Alta Moda ในครั้งนี้ Dolce & Gabbana ก็ยังไม่ละทิ้งตัวตนและดีเอ็นเอของแบรนด์ อันได้แก่ ความคลาสสิกแบบโมเดิร์น กลิ่นอายของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และวัฒนธรรมอิตาเลียน โดยดีไซเนอร์ทั้ง 2 ได้หาจุดกึ่งกลางระหว่างสไตล์อันหรูหราโอ่อ่าของโดลเช่ แอนด์ กาบบานา กับศาสตร์และศิลป์ของงานฝีมือแบบซาร์ดิเนียอันเป็นเอกลักษณ์ ในคอลเล็กชั่นนี้ยังคงสะท้อนดีเทลไอคอนิกของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีสันฉูดฉาดสะดุดตา, เนื้อผ้าที่ดูหรูอย่างผ้าไหมหรือซาติน, งานปักสุดประณีต, ลวดลายดอกไม้, งานลูกไม้ดำที่ถ่ายทอดอารมณ์เย้ายวนใจ รวมไปถึงแอ็กเซสเซอรี่ส์ทองต่างๆ ที่ตะโกนความฟู่ฟ่า
The Stars

ภายในโชว์ยังมีการปรากฏตัวของเหล่าดารา เซเลบริตี้ และแขกวีไอพีระดับโลกที่เดินทางข้ามทะเลมาร่วมงานพร้อมใส่ชุดผลงานออกแบบฝีมือ Dolce & Gabbana อาทิ นักร้องดีว่า Christina Aguilera ที่มาเซอไพรส์เปิดงานต้อนรับด้วยโชว์เพลง ‘Lady Marmalade’ ในตำนานของเธอในลุคคอร์เซ็ตซาตินสีชมพูหวานเปรี้ยวกับขนนกและสร้อยคริสตัลแบบตัวแม่ หรือแม้แต่ศิลปินหนุ่มหล่อเกาหลี Choi San จากวง ATEEZ ผู้สร้างปรากฏการณ์กระแสไวรัลในลุคออลแบล็คด้วยไอเท็มจากคอลเล็กชั่น Alta Sartoria 2023 ทั้งยังพร้อมด้วยบรรดาคนดังอีกมากมาย อย่าง Naomi Campbell, Lucien Laviscount รวมถึง Halle Bailey ที่มานั่งชมแฟชั่นโชว์กันเต็มฟร็อนต์โรว์อย่างคับคั่ง




เรียกได้ว่าโชว์ Alta Moda ประจำปีนี้ของโดลเช่ แอนด์ กาบบานา มาอย่างจัดเต็มไม่แพ้ใครเลยเดียว แอลจึงได้รวบรวมลุคอื่นๆ จากคอลเล็กชั่นมาให้สายแฟทุกท่านได้ชื่นชมความเชี่ยวชาญและการถ่ายทอดวัฒนธรรมของชาวอิตาลีให้สมกับการเป็นประเทศที่มั่งคั่งไปด้วยศิลปะและแฟชั่น




















































































TEXT: WASAWAT NATPATCHARAKUL