Monday, May 19, 2025

มุมมองด้านความงามของ Dior ที่ถ่ายทอดออกมาในนิทรรศการ ‘Christian Dior: Designer of Dream’ ณ กรุงโซล

เป็นอีกครั้งที่มรดกและเรื่องราวอันน่าหลงใหลของแฟชั่นดีไซน์เนอร์ระดับโลกอย่าง Christian Dior ถูกนำมาบอกเล่าอีกครั้งผ่านนิทรรศการอันชวนฝัน ‘Christian Dior: Designer of Dream’ กับจุดหมายที่ 9 ของโลก ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ Dongdaemun Design Plaza ซึ่งพึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา นอกจากอาภรณ์แฟชั่นที่ Florence Müller ผู้ดูแลและออกแบบนิทรรศการในครั้งนี้ได้เลือกสรรค์มาอย่างดีแล้ว อีกหนึ่งในส่วนไฮไลท์สำคัญก็คือห้องและองค์ประกอบที่สะท้อนเรื่องราวด้านความงามที่อยู่ในจิตวิญญาณของแบรนด์ซึ่งถูกจัดวางเอาไว้อย่างลงตัว วันนี้เราเลยขอพาคุณไปเจาะลึก ถึงเรื่องราวความงามที่ถูกจัดแสดงในครั้งนี้กันให้ใกล้ชิดมากขึ้น จะมีเรื่องราวใดบ้าง ไปดูกัน 

#1 The Legacy of Miss Dior 

เรื่องราวความงามแรกภายใน ‘Christian Dior: Designer of Dream’ ครั้งนี้ ขอประเดิมด้วยน้ำหอมกลิ่นแรกของแบรนด์อย่าง ‘Miss Dior’ จากจุดเริ่มต้นที่คำพูดของมงซิเออร์ดิออร์เคยกล่าวไว้ว่า “Make me a fragrance that smell like love.” และด้วยการรังสรรค์ของสุคนธกรชาวฝรั่งเศส Paul Vacher สู่น้ำหอมโทนกลิ่น floral chypre ที่สวยงามสะท้อนความหลงรักในดอกไม้ของมงซิเออร์ดิออร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งน้ำหอมกลิ่นนี้เปิดตัวตามหลังคอลเลกชั่น New Look ของเขาในเวลาไม่นาน นอกจากนี้แล้ว ชื่อ Miss Dior นั้น ถูกตั้งขึ้นเพื่อสดุดีต่อน้องสาวผู้เป็นที่รักของมงซิเออร์ดิออร์อย่าง Catherine Dior ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความอ่อนโยนและความกล้าหาญ Miss Dior นั้น จึงกลายมาเป็นมากกว่าน้ำหอมสำหรับผู้หญิง แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของความเฟมมินินในรูปแบบใหม่ ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ กล้าหาญ และรู้จักตัวเอง เรียกว่าเป็นนิยามของผู้หญิงในแบบฉบับของดิออร์อย่างชัดเจน

ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยงานผ้าปักของศิลปินมากฝีมืออย่าง ‘Eva Jospin’ ผู้ได้รังสรรค์การตกแต่งในแฟชั่นโชว์ของดิออร์ในยุคสมัยของ Maria Grazia Chiuri หลายซีซั่นและยังฝากผลงานไว้กับ exceptional piece ชิ้นล่าสุดของ Miss Dior เมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อก้าวเข้ามาในห้องของ Miss Dior เราได้พบกับ Miss Dior Dress จากคอลเลกชั่น Spring 2020 ที่สวยงามด้วยลายปักดอกไม้หลากสี เด่นตระหง่านอยู่กลางห้อง ก่อนที่ด้านขวามือ จะเป็นส่วนที่บอกเล่าเรื่องราวของน้ำหอม Miss Dior ตั้งแต่เริ่มต้น แรงบันดาลใจจากสวนดอกไม้ในเมืองกราสส์ของมงซิเออร์ดิออร์, ภาพแคมเปญที่โดดเด่นของ Natalie Portman, การตีความจากน้ำหอมสู่เสื้อผ้าและสไตล์แฟชั่นแบบ Miss Dior และยังมีขวดน้ำหอม Miss Dior รุ่นแรกในสีน้ำเงินน่าหลงใหลจัดแสดงให้เราได้ชมอีกด้วย  

#2 The Debut of J’adore Room

อีกห้องที่สะท้อนมุมมองความงามของดิออร์อย่างโดดเด่นในนิทรรศการครั้งนี้ก็คือห้องที่อุทิศให้อีกหนึ่งกลิ่นน้ำหอมอันน่าหลงใหลของแบรนด์อย่าง ‘J’adore’ กลิ่นหอมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันอบอวลของดอกมะลิ, ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ และทูเบอร์โรส ภายในขวดคอสูงสีทองสง่างาม ซึ่งนี่ถือเป็นการเปิดตัวห้องนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่นิทรรศการนี้จัดแสดงมาใน 8 ประเทศที่ผ่านมา

ห้องของน้ำหอม J’adore มาพร้อมกับการตกแต่งที่ตระการตา ด้วยแรงบันดาลใจจากการตกแต่งและโครงสร้างของพระราชวังแวร์ซายสถานที่ซึ่งเป็นพื้นหลังของแคมเปญของสมาชิกล่าสุดของ J’adore โดยสุคนธกร Francis Kurkdjian อย่าง  L’Or de J’adore ที่ได้นักร้องสาวตัวแม่อย่าง Rihanna มาเป็นเฟส ซึ่งเราจะได้เห็นเธอพร้อมกับแคมเปญที่ผสมความขบถและสง่างามไว้อย่างลงตัวบนจอ LED ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ห้องสีทองอร่ามตานี้ยังจัดแสดงชุดเดรสปักดิ้นทองระดับตำนานจากแคมเปญของ J’adore ตั้งแต่ยุคสมัยที่ Charlize Theron ยังเป็นเฟสของน้ำหอมจนถึงชุดล่าสุดที่สวมใส่โดย Rihanna รวมไปถึงขวดน้ำหอม exceptional pieces ในดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟโดยเหล่าศิลปินไม่ว่าจะเป็น Victoire de Castellane,  India Mahdavi และรุ่นล่าสุดโดย Jean-Michel Othoniel

#3 Dream In Colors

มาถึงอีกหนึ่งห้องไฮไลท์อย่าง ‘Colorama’ ที่ครั้งนี้ถูกจัดแสดงแตกต่างจากในนิทรรศการ ‘Christian Dior: Designer of Dream’ ครั้งที่ผ่านมา ที่แต่ละเฉดสีนั้นจะถูกจัดแสดงแบบพาโนรามิกไล่เรียงกันไปเป็นแถบยาว แต่ครั้งนี้ Florence Müller เลือกที่จะจัดแสดงภายในตู้โชว์กระจกทรงโค้งให้ความสวยงามไปในอีกหนึ่งรูปแบบ 

ที่เรายกห้องนี้มาเป็นหนึ่งในห้องที่สะท้อนเรื่องราวความงามของดิออร์นั้น ก็เพราะในตู้โชว์ของแต่ละเฉดสี นอกจากเสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า, หรือหมวกและเครื่องประดับแล้ว เรายังได้เห็นองค์ประกอบอย่างเช่น ขวดน้ำหอมหลากหลายทรง, กล่องน้ำหอมรุ่นต่างๆ ของดิออร์ ทั้งขนาดจริง หรือขนาดใหญ่พิเศษ รวมไปถึงแท่งลิปสติก จัดวางเรียงรายอยู่ภายในตู้จัดแสดง เป็นการตอกย้ำความสัญของเรื่องราวด้านความงามที่ร้อยเรียงเอาไว้ในจิตวิญญาณของดิออร์ไม่น้อยไปกว่าองค์ประกอบด้านอื่นๆ เป็นส่วนหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของแบรนด์ได้อย่างโดดเด่นและชัดเจน 

#4 Exceptional Pieces 

ความโดดเด่นของมุมมองความงามในนิทรรศการ ‘Christian Dior: Designer of Dream’ ครั้งนี้ นอกจากเรื่องราวที่น่าหลงใหลของน้ำหอมแต่ละกลิ่นแล้ว ยังมีเหล่า exceptional pieces ที่ผสานสองแขนงความสนใจของมงซิเออร์ดิออร์อย่างความงามและศิลปะเอาไว้ได้อย่างลงตัว ที่โดดเด่นในครั้งนี้ขอยกให้กับสองชิ้นเด่น จากห้อง Miss Dior เราได้พบกับการรังสรรค์โดย Eva Jospin ที่หยิบเอาองค์ประกอบหลักของน้ำหอม Miss Dior อย่างโบว์ที่คอขวด มารังสรรค์ขึ้นใหม่พร้อมกับลวดลายของบุปผชาติที่เบ่งบานพร้อมใบไม้สีเขียวสวย ล้อไปกับกระเป๋าบรรจุที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษสำหรับผู้รักการสะสมโดยยังคงใช้เทคนิคผ้าพิมพ์ลายและปักลวดลายอย่างประณีตเช่นเดียวกับโบว์ ก่อนจะนำมาบุโดยรอบและเพิ่มความหรูหราด้วยอะไหล่สีทองสวย โอบรับขวดน้ำหอม Miss Dior Parfum ที่รังสรรค์ขึ้นโดย Francis Kurkdjian 

ส่วนในห้อง J’adore นั้น เราได้พบกับผลงานเด่นที่ดิออร์ได้ร่วมมือกับประติมากรอย่าง Jean-Michel Othoniel กับการออกแบบผลงานศิลป์ที่มี L’Or de J’adore โดย Francis Kurkdjian เป็นหัวใจหลัก โดยเขาออกแบบงานศิลป์ที่โดดเด่นด้วยเม็ดมุกตามไสตล์ของตัวเขาเองล้อมรอบขวดน้ำหอม เหมือนดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งอย่างสวยงาม  โดยได้แรงบันดาลใจจากการเรียงตัวและเบ่งบานของกลีบกุหลาบ เม็ดมุกทีเรียงตัวกันทำจากสัมฤทธิ์และขัดให้กลมมนด้วยมือ ก่อนจะชุบสีทองสวยโดดเด่น มากไปกว่านั้นคอขวดของ L’Or de J’adore ในเวอร์ชั่นนี้ยังถูกออกแบบใหม่ โดยสีทองจากคอขวดนั้นกลืนไปกับหัวทรงกลมด้านบน เหมือนเป็นทองคำเหลวไหลไปล้อมกรอบดูสวยงาม

#5 Beauty within Dior Spirit 

จากการเดิมชมนิทรรศการ ‘Christian Dior: Designer of Dream’ ณ กรุงโซล ในครั้งนี้นั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของมุมมองความงามที่หยั่งรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของแบรนด์ไม่ต่างกับองค์ประกอบในมุมอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย น้ำหอม Miss Dior และ J’adore นั้นก็เปรียบเป็นภาพสะท้อน ของความหลงใหลส่วนตัวของมงซิเออร์ดิออร์ในหมู่มวลดอกไม้ พฤกษชาติที่เป็นตัวแทนของความอ่อนโยนและน่าค้นหา เป็นตัวแทนขององค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ทุกคนรู้จักกับแบรนด์ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ความงามแถวหน้าของโลก และเป็นภาพสะท้อนของผู้หญิงในแบบของดิออร์ที่มีออร่าและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร

การจัดเรียงลำดับของห้อง Miss Dior และ J’adore นั้น เป็นการเปิดและปิดจบเรื่องราวของดิออร์ในนิทรรศการครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีขวดน้ำหอมและแท่งลิปสติกแทรกตัวอยู่ในห้อง Colorama อย่างแนบเนียน ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย ถือเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ และเป็นองค์ประกอบที่ทำให้แบรนด์นี้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น ก็เหมือนกับการฉีดน้ำหอมก่อนออกไปใช้ชีวิต ซึ่งก็เป็นฟินนิชชิ่งทัช ที่บ่งบอกตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างดีไม่แพ้เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเลย 

‘Christian Dior: Designer of Dream’ กับจุดหมายที่ 9 ของโลก ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ Dongdaemun Design Plaza พร้อมให้คุณเข้าชมแล้ววันนี้ จนถึงวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ 

Latest Posts

Don't Miss