Thursday, November 6, 2025

ก้าวใหม่ของ บุ๋น-เปรม กับซีรี่ส์สุดท้าทายพร้อมเรื่องราวและตัวตนที่จะทำให้คุณได้รู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้น

ชื่อของ บุ๋น-นพณัฐ กันทะชัย และ เปรม-วรุศ ชวลิตรุจิวงษ์ หรือที่หลายคนรู้จักในฐานะพาร์ตเนอร์ทางการแสดงอย่าง ‘บุ๋นเปรม’ คงจะคุ้นหูกันอยู่ไม่น้อย หลังจากที่พวกเขาได้โลดแล่นในฐานะนักแสดงกันมาพักใหญ่ กับผลงานที่น่าประทับใจหลายบทบาท ที่เชื่อว่า ‘ตก’ หลายๆ คนเข้าด้อมไปอยู่ไม่น้อย มาครั้งนี้ เราขอมาอัพเดตเรื่องราวบทใหม่ของพวกเขากันในบ้านหลังใหม่อย่าง GMMTV พร้อมความรู้สึกหลังซีรี่ส์เรื่องล่าสุดอย่าง ‘Revamp: The Undead Story’ ที่จบลงไปอย่างสวยงาม และยังมีเรื่องราว มุมมอง และตัวตนที่พวกเขาได้แชร์กับเราอย่างจริงใจ ซึ่งเราเชื่อว่าจะทำให้คุณได้รู้จักและรักพวกเขามากขึ้นแน่นอน

ELLE:‘Revamp: The Undeath Story’ เป็นซีรี่ส์ที่กลับมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงบุ๋นเปรมหลังจากที่หายไปนาน รู้สึกอย่างไรบ้างที่แฟนๆ ยังให้การซัพพอร์ตเป็นอย่างดี?

Boun: ดีใจนะครับ ตอนที่เริ่มออนแอร์ เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าเทรนด์ใน X จะขึ้นมาเยอะเท่านี้ เป็นหลักล้านเลย เพราะอย่างที่รู้กัน ว่าแฟนคลับเราอาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการปั่นเทรนด์มาก และด้วยความที่ซีรี่ส์เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำและอยู่ในขั้นตอนต่างๆ มาก็ 3 ปีแล้ว ถือว่านานอยู่ เราเองก็เลยไม่คิดว่าจะมีแฟนคลับที่ยังรอเราเยอะขนาดนี้เหมือนกัน ดีใจที่ทุกคนยังอยู่รอดูผลงานของพวกเรา

Prem: ผมก็ดีใจเหมือนกันครับ เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์คู่ของเราในรอบ 3 ปีเลย แฟนๆ ก็ยังให้การสนับสนุนพวกเราเป็นอย่างดีครับ แล้วก็มีแฟนคลับหน้าใหม่ๆ ที่เข้ามาดูซีรี่ส์เราแล้วเขาก็ชอบด้วย รู้สึกดีใจมากๆ ครับ

ELLE: ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้มารับบทบาทและเรื่องราวซีรี่ส์ที่มีกลิ่นอายความแฟนตาซีอยู่ รู้สึกอย่างไรบ้าง? และได้พัฒนาการแสดงของตัวเองอย่างไรบ้างในเรื่องนี้?

Boun: มันเป็นแนวซีรี่ส์ที่เราชอบอยู่แล้ว ทั้งเรื่องความแฟนตาซีและเรื่องของแวมไพร์เลย แต่ภาพในหัวที่เราคิดมันแตกต่างจากตอนที่ถ่ายทำ รู้สึกว่าการเล่นกับความแฟนตาซีและเรื่องของ CG ก็ยากอยู่พอสมควร ถึงอย่างนั้น พอได้ลองเล่นดู เราก็รู้สึกว่ามันท้าทายกับตัวเราดี แล้วก็มีซีนแอ็กชั่นด้วยที่เราได้ลองในเรื่องนี้ รวมถึงคาแร็กเตอร์ที่แตกต่าง ผมมองว่าคาแร็กเตอร์แวมไพร์มันคือคนที่อยู่มานานแล้ว มีบริวาร มีตำแหน่งในตระกูล มีความโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ก็มีการปรับคาแร็กเตอร์เยอะอยู่จากที่แต่ก่อนตัวละครของเราจะอยู่แต่ในมหาวิทยาลัย

ส่วนตัวก็มีการหาเรเฟอร์เรนซ์จากทั้งหนัง ซีรี่ส์ แล้วก็อนิเมะที่มีตัวละครแวมไพร์นะครับ อย่างตัวละครรามิลเองจะเป็นแวมไพร์ที่มีคาแร็กเตอร์ติดความคอเมดี้มาด้วย ก็จะหยิบสิ่งที่เราเคยดูมามาผสมในคาแร็กเตอร์นี้ด้วยครับ

Prem: ด้วยตัวบทที่โตขึ้น ผมว่าผมได้มาเล่นในบทบาทที่มีมิติมากยิ่งขึ้นรวมถึงเส้นเรื่องของตัวละครที่มีเรื่องราวมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องของความแฟนตาซี ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรใหม่ๆ สำหรับเรามากๆ ก่อนหน้านี้เราก็จะได้เล่นในบทนักศึกษาหรือบทบาทที่ไม่ได้ห่างจากตัวเรามาก พอได้มาเล่นในบทบาทที่มีความแฟนตาซีเข้ามาด้วย ก็ต้องมีในส่วนของการจินตนาการหรือศาสตร์ในการแสดงเข้ามาเพิ่มมากขึ้น มองเรื่องราวของซีรี่ส์เรื่องนี้แตกต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ ผมก็ได้มุมมองที่หลากหลายมากขึ้นในฐานะนักแสดงครับ

ELLE: นอกจากบทบาททางการแสดงแล้ว ทั้งคู่ยังมีผลงานเพลงประกอบซีรี่ส์ ‘Revamp: The Undeath Story’ ด้วย การกลับมาจับงานในด้านดนตรีครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

Boun: ด้วยความที่เราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเราร้องเพลงได้ แต่เสียงอาจจะไม่ได้ดีมากขนาดนั้น ก็เลยรู้สึกดีใจที่เพลงของเราช่วยทำให้แต่ละซีนที่มีการใส่เพลงลงไปมันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

Prem: ตอนแรกก็แอบไม่มั่นใจนะครับ แต่พอมีพี่แกงส้มเข้ามาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์เพลงให้ เขาก็ช่วยเชียร์อัพเราว่าเราทำได้ พอตอนที่เพลงออกมาเราก็รู้สึกว่า เราอาจจะต้องเชื่อมั่นในตัวเองมากยิ่งขึ้น แล้วก็ดีใจมากๆ ที่พวกเรามีเพลงประกอบซีรี่ส์ด้วยกันอีกครั้ง

ELLE: ในโอกาสที่ซีรี่ส์ ‘Revamp: The Undeath Story’ จบไปแล้วอยากให้ทั้งคู่ พูดถึงหรือขอบคุณตัวละครของทั้งสองคนหน่อย

Boun: อยากขอบคุณรามิลกับตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ที่มอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตัวบุ๋น จริงๆ ตัวละครทุกตัวที่เราได้รับบทบาทมาก็มักจะให้ประสบการณ์กับตัวเราที่แตกต่างกันออกไป แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมอบอะไรหลายๆ อย่างให้กับเรามาก ทั้งเพื่อนใหม่ คาแร็กเตอร์ใหม่ หรือซีนที่ท้าทายให้เราได้พัฒนาตัวเองได้มากขึ้น

Prem: อยากขอบคุณปัณณ์แล้วก็ตัวละครทั้งหมดของ Revamp ครับ ปัณณ์ทำให้ผมรู้สึกว่าเราอ่อนแอบ้างก็ได้ ไม่ต้องเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา เราสามารถแสดงความรู้สึกของเราออกมาได้มากกว่าที่เราคิดครับ

ELLE: ในฐานะนักแสดง มีบทบาทไหนที่อยากแสดงอีกบ้าง?

Boun: มีเคยคุยกันอยู่ว่าอยากเล่นบทบาทบู๊ๆ หรือสู้กันเยอะๆ ครับ เป็นแนวนักเลงเลย อยากลองพลิกคาแร็กเตอร์ดูบ้าง ไม่ได้ต้องหวานเท่าที่เราเคยเล่นกันมา

Prem: อยากลองพลิกบทบาท ท้าทายตัวเองไปมากกว่านี้ครับ อะไรที่ฉีกจากบทที่เราเคยเล่นมาก็อยากลองเล่น ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนๆ ก็มาได้เลยครับ

ELLE: ย้อนกลับไปซักหน่อยถึงช่วงคอนเสิร์ต Love Out Lound 2025 ที่บุ๋นเปรมขึ้นคอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรกและได้กระแสตอบรับที่ดีไม่น้อย ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?

Boun: ตอนแรกก็บอกทางผู้ใหญ่ว่าเราก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในการขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนั้น เพราะเราก็ยังไม่ได้มีซีรี่ส์ในฐานะนักแสดง GMMTV เลย เราเลยไม่แน่ใจว่าจะมีแฟนๆ มาหาเราเยอะมากไหม แล้วยิ่งเป็นที่อิมแพคด้วย ก็มีความเกร็งอยู่นะครับในวันแรก แต่พอวันที่สองก็รีแล็กซ์มากขึ้น และทำให้เราได้รู้ว่าเราก็แฮปปี้ที่เราได้ยืนอยู่บนเวทีใหญ่ๆ แบบนี้เหมือนกัน จะเรียกว่าสนุกพอๆ กับการแสดงเลยด้วยซ้ำครับ

Prem: ก็ตื่นเต้นนะครับ คอนเสิร์ต LOL ให้ประสบการณ์กับผมหลายอย่างมากๆ ทั้งการได้ไปยืนอยู่บนเวทีที่ใหญ่ขนาดนั้นแล้วก็มีคนดูเป็นหลักหมื่น รวมถึงวิธีการทำงานของทุกๆ คน ทำให้เราได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง แล้วก็ดีใจมากๆ ที่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตนี้ในปีนี้ครับ

ELLE: โชว์ของบุ๋นเปรมในคอนเสิร์ต Love Out Lound 2025 ถือเป็นโชว์ที่หลายๆ คนพูดถึงเยอะมาก เกณฑ์การวางคอนเซ็ปต์ของคู่เราและเลือกเพลงของอย่างไรบ้าง?

Prem: เราคุยกันเยอะนะครับก่อนที่จะได้โชว์ที่ทุกคนได้เห็นออกมา เราตั้งต้นที่ธีมของคู่เราก่อนที่จะเป็นเรื่องของพระอาทิตย์และพระจันทร์ กลางคืนกับกลางวันครับ

Boun: ใช่ครับ เพลงที่เราเลือกก็เลยจะอยู่ในธีมที่เราตกลงกัน ทั้งเพลงแรกอย่าง ‘พลังเเสงอาทิตย์’ และ ‘งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง’ ครับ

Prem: และเราก็ได้รับบรีฟมาว่าเราเป็นคู่แรกที่จะต้องขึ้นโชว์ ก็รู้สึกว่าเพลง ‘พลังเเสงอาทิตย์’ มันเหมาะกับโมเมนต์เริ่มต้นของคอนเสิร์ตมากๆ ครับ เหมือนเราได้ละลายพฤติกรรมของคนดู ให้เขาได้สนุกไปกับเราและโชว์ของคู่อื่นๆ ที่จะตามมา ส่วนเพลง ‘งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง’ ตอนนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังอ่านบท Revamp อยู่นี่แหละครับ เราก็เลยนึกถึงเพลงนี้ เราอยากให้เพลงนี้เป็นตัวแทนที่จะนำเสนอเรื่องราวของรามิลกับปัณณ์ออกมาให้ทุกคนได้เห็นและเข้าใจตัวละครของเราทั้งคู่ เหมือนเซตอารมณ์ให้คนดูว่ามู้ดของคู่เราจะเป็นประมาณนี้นะ แล้วเราก็อยากให้โชว์มันออกมายิ่งใหญ่ อย่างที่ได้ดูกันไป ทั้งวงออเคสตร้าและองค์ประกอบอื่นๆ ก็ได้พี่ๆ ทีมงานให้คำปรึกษา จนออกมาเป็นโชว์ที่เรารู้สึกว่ามันเพอร์เฟ็กต์

Boun: วันแรกหลังจบเพลง ‘งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง’ เปรมยังบอกผมอยู่เลยว่า “ทำได้แล้วพี่ เราทำได้แล้ว” มันทำให้เราปลดล็อกความกังวลทั้งหมดที่มีก่อนหน้านี้ไปเลยครับ และก็เป็นการเปิดตัวเราในฐานะนักแสดง GMMTV อย่างเป็นทางการ (หัวเราะ)

ELLE: ทุกวันนี้มีแฟนคลับหน้าใหม่เข้ามาตามทั้งคู่มากขึ้น มีมุมมองเกี่ยวกับตัวเราที่คิดว่ายังไม่มีใครรู้และอยากเล่าให้ฟังบ้างไหม?

Boun: ในซีรี่ส์อาจจะเห็นรามิลเป็นคนเข้มๆ มีบ๊องๆ บ้าง แต่ตัวบุ๋นเองเป็นคนที่แฟนคลับจะชอบเรียกว่า ‘แปลก’ เขาชอบพูดกันว่า “เข้ามาเพราะความหล่อ อยู่ต่อเพราความแปลก” ครับ (หัวเราะ) เราเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เครียดเกินไป ก็มักจะหาอะไรมาเล่นกับทุกคนให้ทุกคนเอนจอยกัน ก็จะเป็นคนติดตลกอยู่ครับ

Prem: ผมอาจจะดูเงียบๆ อย่าเพิ่งไม่ชอบกันนะครับ (หัวเราะ) บางทีผมแค่ไม่รู้จะพูดอะไร ถึงจะอยู่ตรงนี้มาซักพักแล้วก็ยังเขินอยู่บ้างครับ แต่ก็คอยฟังและสังเกตทุกคนตลอดครับ เป็นคนเก็บรายละเอียดทุกคนเลย

ELLE: ถ้ามีวันว่าง 1 วัน แต่ละคนจะทำอะไรกันบ้าง?

Boun: ตื่นมากินกาแฟก่อนสักแก้ว แล้วก็สั่งข้าวมากินครับ ตอนเที่ยงๆ ก็จะวิ่งบนลู่วิ่งที่บ้าน ตอนบ่ายๆ ก็จะออกไปเรียนยิงปืนอยู่แล้ว หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าผมสนใจในการยิงปืนอยู่แล้วครับ อยากใช้ปืนให้เป็น กลับมาอาบน้ำ แล้วก็เล่นเกมไปยาวๆ เลยครับ

Prem: ของผมแพลนเพียบเลยครับ ตื่นเช้ามาตีกอล์ฟก่อนเลย ประมาณเที่ยงๆ บ่ายๆ ก็อยากไปนวดต่อสัก 2 ชั่วโมง แล้วก็ไปกินข้าว และก็เล่นเกมยาวๆ เหมือนกันครับ

ELLE: เหมือนทั้งคู่จะมีกิจกรรมที่ตัวเองชอบเป็นพิเศษ ทั้งการยิงปืนของบุ๋น และการตีกอล์ฟของเปรม แต่ละคนเริ่มชอบกิจกรรมนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?

Boun: จริงๆ ชอบมานานแล้ว แต่ก่อนจะชอบรถครับ พี่ชายผมเรียนช่างยนต์แล้วก็เป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ด้วย เคยคิดว่าจะซื้อรถแข่งนะ แต่ก็มองว่ามันดูแลรักษายาก ก็เลยเปลี่ยนความชอบมาที่การยิงปืน แต่ก่อนเรากลัวเสียงดังแล้วก็เป็นโรคหัวใจด้วย แต่พอได้ลองเรียนแล้วเราก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจ เวลาที่เราจะเหนี่ยวไกมันต้องจดจ่ออยู่ที่ตรงนั้น ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้น เลยหันมาเรียนจริงจัง

Prem: ผมว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่เหมือนเราแข่งกับตัวเองครับ ทุกครั้งที่ผมเล่นผมจะรู้สึกว่าผมต้องทำให้ดีกว่าเมื่อวาน อย่างตอนเด็กที่เราเริ่มตีกอล์ฟมันจะค่อนข้างกดดันเวลาเราไปแข่ง แต่พอโตขึ้น เราเปลี่ยนมันเป็นงานอดิเรก เรารู้สึกว่าได้มองหลายมุมมองมากขึ้นเกี่ยวกับกีฬานี้ และมันก็ให้อะไรกับเราหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะแบบแผนวิธีการคิด การวางแผน กอล์ฟเป็นกีฬาที่ค่อนข้างลึกครับ ต้องดูหลายๆ ปัจจัย ส่วนตัวผมว่ามันสามารถปรับเอามาใช้กับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตได้ด้วย

ELLE: เป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ แต่ยังทำไม่สำเร็จของบุ๋นเปรม

Prem: อยากได้รางวัลเกี่ยวกับการแสดงสักครั้งครับ

Boun: ใช่ครับ

เราคุยกันมาตลอดว่าอยากได้รางวัลเกี่ยวกับการแสดงจริงจังจากการตัดสินของกรรมการที่มีประสบการณ์สักครั้งครับ

ELLE: บุ๋นเปรมถือเป็นอีกคู่ที่เป็นพาร์เนอร์กันมานาน เชื่อว่าผ่านการปรับตัวเข้าหากันมาค่อนข้างเยอะ ทั้งคู่มีวิธีการบาลานซ์การเป็นพาร์เนอร์กันอย่างไรบ้าง?

Boun: ผมว่าคนที่จะเป็นพาร์ตเนอร์กันยาวๆ คือคนที่รู้นิสัยซึ่งกันและกัน เป็นตัวของตัวเองต่อกันให้มากที่สุด มีอะไรก็พูดกันไปตรงๆ และไม่ควรมาใส่อารมณ์กัน ที่บุ๋นอยู่กับเปรมมาได้นานขนาดนี้ เพราะมีอะไรเราก็พูดกัน เราเจอจุดกึ่งกลางของกันและกัน ไม่มีใครล้ำเส้นกัน อะไรยอมได้ก็ยอมกันครับ

Prem: ตัวผมว่าการให้เกียรติกันคือสิ่งสำคัญที่เราจะเป็นพาร์ตเนอร์กันอย่างราบรื่นครับ เคารพซึ่งกันและกัน ผมว่าเมื่อมีคำนี้อยู่ในใจกันแล้ว เราจะรู้เองว่าอะไรควรอะไรไม่ควร มันก็ยิ่งจะทำให้การทำงานของเราราบรื่นไปด้วยกัน ให้สเปซซึ่งกันและกัน

ELLE: บุ๋นเปรมในวันแรกที่เข้าวงการ และบุ๋นเปรมในวันนี้ต่างกันมากแค่ไหน?

Boun: เมื่อก่อนเราไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิต อยู่ไปวันๆ สนุกไปวันๆ ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเท่าไหร่ อารมณ์ร้อนด้วย แต่พอได้มาทำงานตรงนี้ เราก็มาคิดได้ว่าเราทำงานกับอีกหลายๆ คน ถ้าเรายังเป็นแบบนี้อยู่มันก็กระทบกันไปหมด งานมันก็จะออกมาไม่ดีหรือไม่สำเร็จ เรียกว่าโตขึ้นมากจากแต่ก่อน

Prem: ตอนแรกที่เข้ามาทำงานก็ไม่ได้จริงจังมากครับด้วยความที่ยังเด็กอยู่ แต่ผมก็ผ่านหลายๆ อย่างมาจากการทำงานตรงนี้ ตอนนี้เราก็มีความรับผิดชอบมากขึ้น แล้วก็อีกอย่างที่ได้เรียนรู้คือการไม่เป็นคนที่ยอมไปเสียทุกอย่าง สิ่งที่เราควรได้ เราก็ควรจะได้ แต่เราก็ไม่ได้เรียกร้องจนมากเกินความจำเป็นจนทำให้คนอื่นเดือดร้อนครับ

ELLE: และถ้ามีโอกาสอยากจะพูดอะไรกับบุ๋นเปรมในวันแรกที่เข้าวงการ จะบอกเขาว่าอย่างไร?

Boun: อยากขอบคุณตัวเองที่อดทนแคสต์งานมาจนผ่านได้เล่นซีรี่ส์เรื่องแรก ถ้าตอนนั้นถอดใจก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ มีคนรักเราเยอะเท่านี้

Prem: ก็เป็นตัวเราไปแบบนี้แหละ ให้ตัวเราได้เรียนรู้ไปตามเวลาและสถานการณ์ที่จะเข้ามา เป็นตัวเราเองนี่แหละดีที่สุดแล้ว

ELLE: อยากให้คนจำเราในเรื่องอะไร?

Prem: อยากให้จำจากความจริงใจครับ เพราะผมถือคตินี้อยู่ตลอด ทั้งพาร์ตทำงานหรือเวลาที่เจอแฟนคลับ ถ้าเจอผมอยากให้นึกถึงความจริงใจ เพราะผมพยายามที่จะจริงใจกับทุกคน ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด และพูดกับเขาอย่างตั้งใจและจริงใจอยู่ตลอดครับ

Boun: อยากให้จำว่าเป็นบุ๋นนี่แหละครับ ต่อให้เราจะอยู่ในฐานะนักแสดงหรือตำแหน่งอะไร เราก็คือคนคนหนึ่งเหมือนกัน เราถ่ายทอดทุกอย่างออกไปอย่างจริงใจเหมือนที่เปรมบอก และทำให้แฟนคลับเชื่อใจเรามากที่สุด อยากตอบแทนสิ่งที่เขาทำให้กับเราครับ

ELLE: ก้าวต่อไปของบุ๋นเปรมจะเป็นอย่างไร?

Boun: เอาตามตรง ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะเราก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงหรือยิ่งใหญ่มาก เราไม่ได้เทียบตัวเองกับใคร ผมเคยได้ฟังว่าการตั้งเป้าหมายหรือเสาะหาความสำเร็จที่เกินตัว เมื่อมันไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็จะทำให้หมดกำลังใจได้ ก็เลยแค่วางแผนในแต่ละวันเป็นความสำเร็จเล็กๆ เช่น อยากกินของอร่อยก็ได้กิน เราก็มีความสุขแล้ว

Prem: อยากได้รางวัลเกี่ยวกับการแสดงครับ ก็จะพยายามไปอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสังคมที่จะพาเราไปตรงนั้นได้ อยากลองมุ่งมั่นและจริงจังดูสักตั้งหนึ่งครับ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ แต่อยากได้ลองทำให้เต็มที่ก่อน ผมว่าความตั้งใจตรงนั้นก็คงจะสอนและให้อะไรกับผมได้หลายๆ อย่างแน่นอนครับ

Latest Posts

Don't Miss