เสน่ห์ชวนมองของนาฬิกาข้อมือ CHANEL PREMIÈRE นั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงองค์ประกอบเดียว แต่ยังมีอีกหลายๆ ดีเทลที่สร้างสรรค์ให้นาฬิกาเรือนแรกของเฮาส์นี้เป็นดั่งไอคอนตลอดกาล และนี่คือ 5 จุดเด่นของนาฬิกาข้อมือ CHANEL PREMIÈRE ที่แอลอยากให้คุณรู้
The First Time
นาฬิกาข้อมือ PREMIÈRE กลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกของ CHANEL ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1987 โดยการออกแบบของ Jacques Helleu ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเฮาส์ ณ เวลานั้น ชายผู้น่าทึ่งนี้ได้นำ CHANEL เข้าสู่โลกแห่งการรังสรรค์นาฬิกาอย่างแท้จริง โดยเขาเคยกล่าวไว้ว่า “ผมต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์ที่แข็งแกร่ง ดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ซึ่งไม่ใช่แค่การเปิดตัวคอลเล็กชั่นเดียว แต่เป็นดีไซน์ที่จะกลายเป็นที่กล่าวถึงตลอดกาล” และนั่นเองได้สะท้อนผ่านเอกลักษณ์ของงานดีไซน์ในนาฬิกาข้อมือ PREMIÈRE รุ่นแรกนี้ไว้อย่างชัดเจน และแม้ว่าเรื่องราวการสร้างสรรค์นี้จะเดินทางผ่านกาลเวลามาแล้วอย่างยาวนานถึง 37 ปี แต่ก็ยังคงเป็นเสน่ห์แห่งสไตล์เฉพาะตัวเพียงหนึ่งเดียวที่ดึงดูดใจได้อย่างไร้กาลเวลาเสมอ
Timeless N°5
จุดเริ่มต้นของนาฬิกาข้อมือ PREMIÈRE มาจากงานดีไซน์ล้วนๆ โดยเฉพาะตัวเรือนและหน้าปัดทรงแปดเหลี่ยมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงแปดเหลี่ยมของฝาปิดขวดน้ำหอม N°5 ซึ่งชวนให้นึกถึงโครงสร้างของปลาซ ว็องโดมที่ Gabrielle Chanelมองเห็นจากห้องสวีทของเธอที่โรงแรมเดอะริทซ์ โดยเฮาส์ได้นำมาสร้างสรรค์ทั้งรูปทรงของตัวเรือนและหน้าปัดนาฬิกาเคลือบแล็กเกอร์สีดำด้วยพื้นผิวเงาเรียบอันทรงเสน่ห์ ปรากฏไว้เพียงเข็มชี้เวลาชั่วโมงและนาทีทรงเพรียวบาง เพื่อให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจนและคงไว้ด้วยสไตล์แบบเรียบหรู พร้อมทั้งผนึกด้วยกระจกแบบลาดเอียงที่มีรูปทรงแปดเหลี่ยมเจียระไนบนด้านข้าง และเม็ดมะยมที่ประดับด้วยออนิกซ์คาโบชง ที่เสริมด้านดีไซน์เรขาคณิตที่ได้แรงบันดาลใจโดยตรงมาจากฝาปิดขวดน้ำหอม N°5 ให้ยิ่งดูสมบูรณ์แบบ
Iconic Chain
สายนาฬิกาแบบโซ่และร้อยด้วยหนังของนาฬิกาข้อมือ PREMIÈRE ได้ต้นแบบมาจากดีไซน์ของสายกระเป๋าลายควิลต์สุดคลาสสิกของ CHANEL เส้นหนังนี้ยังร้อยเข้ากับสายโซ่ด้วยมือ โดยช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นและความทนทานเหนือกาลเวลาได้อีกด้วย โดยยังมาพร้อมกับตัวล็อกที่ออกแบบขึ้นอย่างประณีตรับไปกับสาย นั่นทำให้สายนาฬิกาแบบโซ่ร้อยด้วยหนังนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นภายในงานดีไซน์ของนาฬิการุ่นแรกนี้ และยังนับเป็นการถอดบุคลิกมาจากความสวยทันสมัยและกล้าหาญของผู้หญิง ที่เป็นก้าวสำคัญของการสร้างสรรค์มิติใหม่ให้กับประสบการณ์อันชวนหลงใหลในการสวมใส่นาฬิกา รวมถึงสไตล์ที่ก่อนหน้านี้นาฬิกามักถูกออกแบบมาเพื่อข้อมือสุภาพบุรุษมากกว่า แต่ครั้งนี้กลับมาอยู่บนข้อมือของผู้หญิงได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะการเลือกใช้โทนสีแบบทูโทนระหว่างสีดำและสีทอง หรือสีดำและสีเงินที่ปรากฏบนนาฬิกาทั้งเรือน
The Come Back
นาฬิกา PREMIÈRE หวนคืนกลับมาในปี 2022 ด้วยการตีความใหม่กับสไตล์ชิกและโมเดิร์น ที่ Arnaud Chastaingt ผู้อำนวยการสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาแห่ง CHANEL ได้ให้นิยามว่า ‘PREMIÈRE ไม่ใช่แค่นาฬิกาเรือนหนึ่ง แต่เป็นต้นแบบแห่งความมีสไตล์’ และ “PREMIÈRE นับเป็นหน้าแรกของประวัติศาสตร์การรังสรรค์นาฬิกาของ CHANEL ซึ่งถือกำเนิดจากเสรีภาพโดยสมบูรณ์ในการสร้างสรรค์และเป็นตัวจุดประกายวิสัยทัศน์ ‘เสน่ห์เย้ายวนแห่งกาลเวลา’ ที่แบรนด์ยึดมั่น ในปี 2022 ผมต้องการให้ PREMIÈRE ได้หวนคืนสู่จุดเดิมอีกครั้ง และเป็นศูนย์กลางในคอลเล็กชั่นของเรา ผลงานรังสรรค์นี้คือดีเอ็นเอของเราและเป็นเอกลักษณ์ของ CHANEL มาโดยตลอด…” อาร์โนด์ เชสแตงต์ ยังได้กล่าวไว้ ดังนั้น เราจึงได้เห็นนาฬิกา PREMIÈRE ที่ผ่านการตีความใหม่อยู่เสมอให้มีทั้งความชิกและโมเดิร์น และปรากฏโฉมมาแล้วในเวอร์ชั่นต่างๆ ตลอดจนสร้างสรรค์รูปแบบการสวมใส่ที่หลากหลาย ทั้งแบบนาฬิกาสวมได้แบบพอดีข้อมือ หรือสวมเป็นแบบสร้อยข้อมือสำหรับผู้หญิงที่ไม่ใช่เพียงการย่อส่วนมาจากนาฬิกาผู้ชายเท่านั้น แต่เป็นการจับคู่มากับสายรูปแบบอื่นๆ อย่าง สายโซ่เซรามิกและกำมะหยี่ ไปจนถึงสายโซ่แบบแถบกำไล ซึ่งถือเป็นวิวัฒนาการแห่งสไตล์ไม่รู้จบ
The New Muse
ในปีนี้ CHANEL ยังเปิดตัวรุ่นใหม่ของนาฬิกาข้อมือ PREMIÈRE Édition Originale กับดีไซน์ไอคอนิกของตัวเรือนสตีลเคลือบเยลโลว์โกลด์และสายแบบโซ่คู่ร้อยด้วยหนังสีดำ พร้อมต้อนรับมิวส์คนใหม่ที่สะท้อนถึงสไตล์อันหลากหลายและกล้าหาญของ PREMIÈRE อย่าง Jennie ซึ่งเธอได้ร่วมงานกับเฮาส์มาแล้วนับตั้งแต่ปี 2022 ในฐานะมิวส์ของไฟน์จิวเวลรี่ COCO Crush
โดยใน PREMIÈRE Édition Originale ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความดั้งเดิมในฐานะนาฬิการุ่นแรกของเฮาส์ แต่ยังคงถอดรหัสมาจากแนวคิดของการผสมผสานเสน่ห์ของเรือนเวลาเข้ากับดีไซน์ประณีตแบบจิวเวลรี่ได้ลงตัว ทั้งจากการหลอมรวมระหว่างงานออกแบบต้นตำรับของตัวเรือนและกระจกแบบลาดเอียงทรงแปดเหลี่ยมที่ยังคงชวนให้นึกถึงฝาขวดน้ำหอม นำมารวมเข้ากับกิมมิกของเฉดสีเยลโลว์โกลด์ซึ่งใช้เคลือบบนสเตนเลสสตีลสำหรับตัวเรือนและสายโซ่นาฬิกา โดยเติมจุดดึงดูดสายตาและตัดกับลุคร่วมสมัยของเฉดสีทอง กับโทนสีดำของหน้าปัดเคลือบด้วยแล็กเกอร์ที่รับไปกับหนังสีดำร้อยเข้ากับสายโซ่ นาฬิการุ่นเด่นนี้จึงมอบสไตล์ที่แตกต่าง ทั้งยังสนุกสนานไปกับการมิกซ์ลุคโก้หรูแบบนาฬิกาเข้ากับความเก๋แบบจิวเวลรี่ นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ครองใจผู้ซึ่งหลงรักทั้งนาฬิกาข้อมือและชื่นชอบการแต่งตัวในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน