Saturday, March 22, 2025

5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาด ‘Gucci Visions’ กับการยกประวัติศาสตร์ของ Gucci มาไว้ในที่เดียว

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่าสายแฟคงได้ยินข่าวคราวการเปิดนิทรรศการ Gucci Visions ในประเทศไทย ณ EM GLASS อาคาร EM TOWER ศูนย์การค้า EMSPHERE ที่ยกเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจักรวาล Gucci นับ 103 ปีมาจัดแสดงในรูปแบบ Immersive Exhibition ให้ทุกคนได้ชมกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งก่อนที่จะไปพบเจอความยิ่งใหญ่ของชิ้นงานนับร้อย แอลก็ได้คัด 5 เหตุผลที่ทุกคนไม่ควรพลาดนิทรรศการนี้มาไว้ให้แล้ว

House’s Evolution

อย่างที่เราจั่วหัวกันไปตั้งแต่เริ่มว่านิทรรศการนี้จะพาทุกคนไปสัมผัสโลกของ Gucci ตลอดเวลานับศตวรรษ การเริ่มต้นด้วยห้องไทม์ไลน์คงจะเป็นอะไรที่เตรียมความพร้อมของทุกคนก่อนเริ่มออกเดินทางได้เป็นอย่างดี ถึงโซนนี้จะยังไม่มีชิ้นงานให้ได้ดู แต่ตัวอักษรที่ร้อยเรียงประวัติศาสตร์ขึ้นมาบนผนังห้องนั้นก็ทำให้เหล่าสายแฟซึมซับความยิ่งใหญ่ของแบรนด์นี้ได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเริ่มตั้งแต่ความเป็นมา ณ จุดเริ่มต้นของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้ง ที่จุดประกายการทำงานออกแบบกระเป๋าเดินทางมาจากการทำงานเป็นเด็กยกกระเป๋าที่โรงแรม เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่สาวกแบรนด์เท่านั้นที่จะตื่นตาตื่นใจ แต่ถึงคุณจะไม่ได้รู้จักผลงานชิ้นไหนเป็นพิเศษ ไม่ได้ท่องชื่อดีไซเนอร์จนจำได้ขึ้นใจ แต่เมื่อผ่านห้องนี้ไป ทุกคนจะพร้อมรับประสบการณ์ที่ Gucci Visions สามารถมอบให้อย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว

Flora

ถัดมาที่ห้อง Flora หมุดหมายสำคัญจุดแรกอย่างเป็นทางการที่ถ่ายทอดความไอคอนิกของแบรนด์ผ่านลวดลายธรรมชาติ สะท้อน 4 ฤดูกาลผ่านภาพดอกไม้ พรรณไม้ และแมลงนานาชนิดบนผืนผ้าไหม ที่เริ่มต้นขึ้นจากจินตนาการของ Vittorio Accornero de Testa ผู้เป็นทั้งศิลปิน นักออกแบบฉาก และนักวาดภาพประกอบชาวอิตาลีประจำแบรนด์ Gucci ตั้งแต่ปี 1966 ซึ่งสำหรับเหล่าสายแฟคงคุ้นเคยลวดลาย Flora อันเปี่ยมเสน่ห์ชวนหลงใหลนี้จากผลงานคอลเล็กชั่นเครื่องแต่งกายเรดี้ทูแวร์ กระเป๋าถือ แอ็กเซสเซอรี่ส์ เครื่องประดับ และน้ำหอม Gucci eau de parfum อันเป็นเอกลักษณ์

ซึ่งไฮไลต์พิเศษของห้องนี้รวมไปถึงมุมกระจกหกเหลี่ยมที่ฉายภาพลวดลาย Flora ให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ ซึ่งสะท้อนภาพการเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับ Gucci ที่เปรียบดั่งการผลิบานไม่รู้จบอีกด้วย

The Iconic Item

ในส่วนต่อมาเราขอรวบ 3 ห้องอย่าง Bamboo, Travel และ Icons ไว้ เพราะพาร์ตเหล่านี้จะมาเล่าเรื่องราวของกระเป๋าซึ่งเป็นไอเท็มหลักของเฮ้าส์แห่งนี้ โดยส่วนแรกนำเสนอความเชี่ยวชาญด้านช่างฝีมือของแบรนด์ผ่าน Gucci Bamboo จากการนำวัสดุไม้ไผ่มาใช้ตั้งแต่ปี 1947 ทำให้ได้ที่จับกระเป๋าที่มีเฉดสีและรูปทรงเฉพาะจนได้รับความนิยม ไล่เรียงมาจนถึงห้อง Travel ที่พาทุกคนย้อนไปในยุค 1920s กับเหล่ากระเป๋าเดินทางที่บ่งบอกถึงรากฐานของแบรนด์ ซึ่ง Guccio รังสรรค์ขึ้นจากประสบการณ์การเฝ้าสังเกตรสนิยมและความต้องการของเหล่าชนชั้นสูงเมื่อครั้งทำงานที่โรงแรม The Savoy

ปิดท้ายความยิ่งใหญ่ของพาร์ตนี้ด้วยการเดินเข้าสู่พื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขึดจำกัดของแบรนด์ ด้วยการจัดแสดงกระเป๋าถือรุ่น Bamboo 1947, Horsebit 1955 และ Jackie 1961 ในหลากหลายรูปแบบนับ 200 ใบในพื้นที่ที่ตกแต่งด้วยกระจกสะท้อนรอบทิศทาง ซึ่งถือเป็นการระลึกถึงไอเท็มทั้งสามรุ่นที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้น สัญลักษณ์ของการบันทึกเรื่องราว และเครื่องสะท้อนมุมมองของครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ตลอดนับศตวรรษที่ผ่านมา

Stars

เมื่อเดินต่อไปถึงห้อง Stars ที่ยกเอาชุดราตรีคัสตอมเมดสุดไอคอนิกที่เคยเปล่งประกายบนตัวของเหล่าคนดังระดับโลกมาจัดแสดงไว้ ทุกคนจะได้สัมผัสกับเรื่องราวความสัมพันธ์อันยาวนานของ Gucci กับบุคคลสำคัญหลากหลายวงการ ท่ามกลางกระจกและจอภาพดิจิทัลมาใช้ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจ อาทิ เดรสผ้าไหมปักคริสตัลของ Jessica Alba ที่เคยสวมใส่ร่วมงาน Golden Globes เมื่อปี 2012 , เดรสสีเข้มปักเลื่อมระยิบระยับที่ Jennifer Lopez ใส่ในงาน LACMA Art + Film Gala 2014 หรือลุคเดรสปักเลื่อมลุคเดรสดำยาวที่แอมบาสซาเดอร์สาวอย่าง ใหม่ ดาวิกา เคยสวมใส่สำหรับการเข้าร่วมงานนิทรรศการสุดพิเศษ Gucci Art Lab

Fashion

สุดท้ายกับห้องจัดแสดงธีม Fashion ที่จะสร้างความประทับใจขั้นสุดด้วยขุมทรัพย์ล้ำค่าฝีมือเหล่าครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ กับการเติมเต็มพื้นที่ด้วยลุคต่างๆ ที่เคยปรากฏบนรันเวย์ในแต่ละทศวรรษ โดยคัดสรรอย่างพิถีพิถันมาจากผลงานเก็บสะสมที่ผ่านมาของแบรนด์จาก Gucci Archive ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ปราสาท Palazzo Settimanni ในเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องแต่งกายในยุค 1960s มาสู่ความเย้ายวนตามแบบฉบับของ Tom Ford , งานออกแบบลายผ้าลูกไม้และการตีความอันเปี่ยมนวัตกรรมของกระเป๋า Gucci Jackie จากความเป็นเฟมินีนอันน่าค้นหาของ Frida Giannini และแรงบันดาลใจจากยุค 1970s สู่ผลงานแคมเปญของ Alessandro Michele ที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของลวดลาย GG และลวดลายแถบ Web Stripe

ส่งท้ายด้วยผลงานผลงาน Gucci Ancora ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นเดบิวต์ของ Sabato De Sarno ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนล่าสุดที่นำกระเป๋า Bamboo และรองเท้าโลฟเฟอร์ Horsebit กลับมาโลดแล่นทรงพลังอีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่ทันสมัยขึ้น เชื่อว่าเหล่าสายแฟทุกคนจะได้ซึมซับวิสัยทัศน์แห่งคุณภาพบนผลงานช่างฝีมืออันประณีตก่อนออกจากนิทรรศการ Gucci Visions นี้ได้อย่างแน่นอน

Latest Posts

Don't Miss