จะเป็นอย่างไรถ้าเราได้ทานอาหารไทยในยุคกรุงศรีอยุธยาในรูปโฉมที่โมเดิร์นมากขึ้น?
TAAN Bangkok จะพาคุณไปตามหารสชาติเหล่านั้นผ่านไฟน์ไดนิ่งในแบบฉบับอาหารไทย ซึ่งผสมผสานทั้งความโมเดิร์นและรสชาติจากมรดกทางวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานของเมืองเก่าอยุธยา โดยอาหารทุกจานรังสรรค์จากฝีมือของ มนต์เทพ กมลศิลป์ เชฟมือทองผู้ริเริ่มการนำวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากเกษตรกรทั่วประเทศมาเนรมิตเป็นอาหารจานเลิศอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ห้องอาหาร TAAN เล่าเรื่องอาหารไทยด้วยแนวคิดของการร่วมมือระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของเชฟกับวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจาก Food Artisan หรือผู้ผลิตอาหารที่ใส่ใจการผลิตวัตถุดิบต่างๆ อย่างยั่งยืน ทั้งยังใกล้ชิดกับเกษตรกรอิสระจากหลายจังหวัดที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลายๆ จานในคอร์สอาหารนี้จะทำให้เหล่านักชิมต้องทึ่ง เพราะเราอาจไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมื่อวัตถุดิบเหล่านั้นมารวมกันแล้วจะลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
เริ่มต้นจานแรกด้วยเมนู ‘Tribute’ หรือเครื่องบรรณาการ ที่ทางบริกรจะออกมาเสิร์ฟในรูปแบบกล่องและเปิดให้เราเห็นของทานเล่น 3 อย่าง ทั้งกระทงทองกุ้งแม่น้ำ น้ำพริกปูมะปรางเสิร์ฟคู่กับแผ่นแป้งฟักทอง และปลาสวายรมควันคาเวียร์ ก่อนจะต่อด้วยจานปลาดิบบ่มพริกแกงฉู่ฉี่ ข้าวหมาก และคาเวียร์ไทยจากประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยซุปกระเจี๊ยบมะเขือเทศ ซึ่งจานนี้ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังให้รสชาติที่สดชื่นชวนให้นึกถึงทะเลและแม่น้ำได้ดี
ตามมาอีกหนึ่งจานที่เชื่อว่าหลายคนอ่านแล้วจะรู้สึกจินตนาการความหมายไม่ออก เพราะชื่อของเมนูนี้คือ ‘แกงเหงาหงอด’ โดยทางเชฟก็อธิบายว่ามันคือแกงส้มในเวอร์ชั่นอยุธยาเราถึงได้ร้องอ๋อ ซึ่งจานนี้จะจัดวางคู่กับปลาสังกวาสย่าง ขนมปังบริยอช และเนยปลาร้า และเชฟก็บอกว่าจานนี้เราสามารถเลือกทดลองทานหรือจับคู่ของกินในแบบวิธีที่ตัวเองชอบได้เลย
ต่อมาเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่บอกเลยว่าเมนูนี้ ‘Simple but Classic’ เพราะซอสน้ำตกไม่ได้ทำมาจากเลือดหมูหรือไก่ แต่ทำมาจากช็อกโกแลตและน้ำส้มพริกกะเหรี่ยง โดยช็อกโกแลตนี้ก็ทำมาจากโกโก้ทางภาคเหนือ ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวหนึบก็ทำมาจากหมูที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิสระในฟาร์มอีกด้วย!
ส่วนจานต่อมาจะเน้นเมนูกุ้งอันเป็นเอกลักษณ์ของอยุธยาอย่าง ‘ก้อยกุ้งแพ’ ที่มาในรูปแบบแป้งพริกแกงทอดเสิร์ฟคู่กับก้อยกุ้งฝอย กุ้งแม่นํ้าย่างน้ำปลา และขนมสายไหมโรยด้านบน ซึ่งจานนี้จะให้รสชาติเค็ม เผ็ด ตัดด้วยความหวานของสายไหมอยุธยาด้านบน
ก่อนที่จะต่อด้วยขนมจีนชาหมักสไตล์มอญ-พม่ารสชาติจัดจ้าน คนรักผักน่าจะชอบเมนูนี้เป็นพิเศษ เพราะมีผักหลายชนิดให้ลองทานในจานนี้ ตามมาด้วยเมนูน้ำพริกน้ำยาซึ่งเป็นกุ้งแม่น้ำหมักน้ำปลาย่าง วางบนน้ำพริกปรุงจากพริกแกงกะทิทานคู่กับยำหัวปลี ซึ่งทางเชฟก็เล่าให้ฟังอีกด้วยว่ากุ้งเหล่านี้ตกขึ้นมาจากน้ำครั้งละตัว ดังนั้นการออกไปจับแต่ละครั้งก็จะได้แค่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบที่คัดมาพิเศษเพื่อที่นี่โดยเฉพาะ
อีกหนึ่งเมนูสุดพิเศษก่อนจะจบคอร์สอาหารนี้ก็คือเมนูข้าวหมกเนื้อย่างและแกงกระด้างทำจากซุปหางวัว โดยจานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารของชุมชนมุสลิมในอยุธยานั่นเอง ซึ่งเนื้อจะถูกย่างมาแบบมีเดียมแรร์ ไม่เหนียว และเมื่อจับคู่กับข้าวหมกก็จะให้รสชาติอร่อยลงตัว
ปิดท้ายมื้อพิเศษนี้ด้วยเมนูของหวาน ‘Marie Guimar’ หรือ ท้าวทองกีบม้า ที่มาในรูปโฉมของฟักทองอบคาราเมลครีมหม้อแกงหวานละมุน ตัดกับความเปรี้ยวของไอศกรีมมะกรูดเลม่อนอย่างพอดิบพอดีเป็นอันจบคอร์ส และแอลแอบกระซิบว่าหลังจากของหวานจานนี้ก็จะมีของหวานพิเศษจากเชฟอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ได้ระบุในเมนูว่าเป็นอะไร ต้องไปรอลุ้นว่าวันนั้นๆ จะมีวัตถุดิบอะไร บอกเลยว่าต้องไปลองสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ
อาจกล่าวได้ว่า ‘อยุธยา’ เป็นอาหาร 10 จานที่เต็มอิ่มทั้งด้วยรสชาติที่น่าตื่นเต้น ทั้งยังเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอาหารอันลึกซึ้ง รวมไปถึงความรู้สึกอิ่มเอมในบรรยากาศของวิวกรุงเทพจากชั้นสูงสุดของโรงแรม ใครที่สนใจสัมผัสประสบการณ์แห่งมรดกทางวัฒนธรรมอาหารของไทยในมิติใหม่ ณ ห้องอาหาร TAAN (ธาน) สามารถสำรองที่นั่งได้ทาง Line Official @Taanbangkok, โทร. 065 328 7374 หรือเว็บไซต์ www.taanbangkok.com