หากเราตายไปจะเป็นอย่างไร? หากเราได้โอกาสมีชีวิตอีกครั้งจะดีกว่านี้ไหม? เชื่อว่าหลายคนคงเคยถามคำถามนี้กับตัวเองอยู่บ้าง และแต่ละคนก็คงมีคำตอบหลายรูปแบบแตกต่างกันไป แต่ในซีรี่ส์ดาร์กแฟนตาซีสุดระทึกอย่าง Death’s Game จะพาทุกคนร่วมค้นหาคำตอบของคำถามนี้ถึง 12 ครั้ง ผ่านเรื่องราวของ ‘ชเวอีแจ’ รับบทโดย ซออินกุก หนุ่มวัยทำงานที่ผิดหวังกับตัวเองจนตัดสินใจลาจากโลกนี้ไป แต่ชะตากลับเล่นตลกไม่ยอมให้ชีวิตเขาปิดฉากไปง่ายๆ และต้องพบเจอกับ ‘ยมทูต’ รับบทโดย พัคโซดัม ที่ลงโทษให้เขากับเวียนว่ายตายเกิดในร่างคนอื่นใหม่อีก 12 ชีวิต ซึ่งไม่แน่ว่าดูจบแล้วทุกคนอาจพบเจอความหมายของชีวิตอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นได้
และก่อนที่จะไปรับชมซีรี่ส์ทั้ง 4 ตอนแรกนี้ แอลก็อยากจะพาทุกคนไปพูดคุยกับ 2 นักแสดงนำมากฝีมืออย่าง ซออินกุก และ พัคโซดัม กันว่าภาพเบื้องหน้าที่ว่าดุเดือดครบรสแล้ว เบื้องหลังการถ่ายทำจะเข้มข้นแค่ไหนกันบ้าง

อะไรคือความน่าสนใจของบทบาท ‘ชเวอีแจ’ และ ‘ยมทูต’ ที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเล่นเรื่องนี้
ซออินกุก: สำหรับผม ผมเป็นแฟนคลับผลงานต้นฉบับที่เป็นเว็บตูนอยู่แล้วครับ ตอนที่รู้ว่าจะทำออกมาเป็นละครเลยตั้งตารอมากๆ แล้วก็ดีใจมากๆ ที่ได้มารับบทชเวอีแจครับ
พัคโซดัม: ตอนที่ได้อ่านบทซีรี่ส์เรื่องนี้ ฉันได้ตั้งคำถามกับตัวเองในฐานะพัคโซดัมที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง คิดว่าฉันใช้ชีวิตมาอย่างดีหรือเปล่า ฉันโอเคหรือเปล่า และมันทำให้ฉันคิดถึงคนรอบตัวที่มีความสำคัญกับฉันเยอะมากๆ เลยค่ะ เลยคิดว่าผู้ชมหลายคนที่ได้ดูซีรี่ส์เรื่องนี้คงจะสามารถนำเรื่องราวต่างๆ มาพูดคุยได้อย่างหลากหลายและเชื่อมโยงไปกับเรื่องนี้ได้อย่างมาก ตอนที่ฉันอ่านบทครั้งแรกก็เสียน้ำตาไปเยอะมาก จึงเป็นผลงานที่ทำให้รู้สึกว่า ‘อยากทำให้ผู้ชมสัมผัสถึงความรู้สึกนี้ไปด้วยกัน’ ค่ะ


คาแรกเตอร์ของซออินกุกในเรื่องนี้ต้องเกิดใหม่ถึง 12 ชาติโดยที่จิตวิญญาณภายในยังเป็นคนเดิม อยากรู้ถึงการเตรียมตัวเบื้องหลังว่ามีวิธีถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดแบบไหนให้ตัวละครออกมาสมบูรณ์แบบ แม้จะต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงไปเรื่อยๆ
ซออินกุก: พวกเราไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ เท่าไหร่ ตอนอ่านบทก็แยกกันอ่านครับ และผู้กำกับก็จะเป็นคนแชร์ให้นักแสดงท่านอื่นๆ ฟังว่าตอนถ่ายทำกับผม อีแจแสดงออกแบบไหนบ้าง แล้วก็ได้ยินมาว่าเขาก็จะช่วยกำกับให้อีกทีว่าอยากให้ชเวอีแจในแต่ละชาติออกมาแบบไหนครับ






ในซีรี่ส์เรื่องนี้ตัวละครของพัคโซดัมดูมีพลังอำนาจมากเลย แล้วแง่มุมไหนของตัวละครยมทูตแห่งความตายที่คุณคิดว่าน่าสนใจที่สุด และคุณนำสิ่งเหล่านี้มาสื่อผ่านการแสดงของคุณได้อย่างไร
พัคโซดัม: ตอนที่ฉันอ่านบทครั้งแรก ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับข้อเสนอให้เล่นบทยมทูต แต่ตัวละครที่ฉันสนใจที่สุดคืออีแจค่ะ ฉันไหลไปกับความรู้สึกของอีแจ คือตัวละครของฉันต้องเป็นคนที่ไม่อยากให้การตัดสินใจจบชีวิตของอีแจเกิดขึ้นมากที่สุด และเรื่องราวมันก็เกิดขึ้นจากการที่ฉันอยากให้เขาได้ตระหนักรู้ เลยลงโทษอีแจให้เขาตายและเกิดใหม่ถึง 12 ครั้ง ก็เลยเป็นบทที่ยากมาก
ซึ่งในความคิดฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวละครนี้เข้าใจความรู้สึกของอีแจและสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ได้ดีกว่าใคร แต่ยมทูตนั้นต่างจากมนุษย์ตรงที่เป็นตัวละครที่ไม่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ ฉันเลยต้องพยายามไม่ไหลตามไปกับความรู้สึกของอีแจค่ะ

ก่อนหน้าที่จะเจอกับความตายในซีรี่ส์เรื่องนี้ ทั้งสองคนเคยจินตนาการไว้ไหมว่าความตายจะหน้าตาเป็นอย่างไร จะสวยเหมือนคุณพัคโซดัมหรือเปล่า
พัคโซดัม: ก่อนอื่นขอบคุณมากๆ ที่ชมแบบนั้นนะคะ อันที่จริงในซีรี่ส์มีบทพูดที่ว่า “ฉันสามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้” ค่ะ ก่อนหน้านี้ตัวฉันเองไม่เคยลองคิดว่าความตายจะรูปร่างหน้าตาแบบไหน แต่คิดว่าจากนี้ไป ถ้าคนนึกถึงความตายก็น่าจะนึกถึงฉัน ก็จะลองเอนจอยไปกับจุดนี้ดูนะคะ
ซออินกุก: ที่จริงพวกเราก็เคยคุยเรื่องนี้กันเหมือนกันครับเลยมีคิดภาพไว้อยู่บ้าง คือในซีรี่ส์เรื่อง Death’s Game หน้าตาของความตายน่าจะคล้ายกับอีแจในชาติก่อนสักชาติหนึ่ง เพราะว่าเขาบอกว่าความตายไม่มีรูปร่าง เลยน่าจะเหมือนกับชเวอีแจที่คิดว่าการตายเป็นเรื่องเล่นๆ และเลือกตัดสินใจแบบสุดโต่งที่ทำให้คนรอบข้างเจ็บปวด ก็เลยจินตนาการไว้ว่าหน้าตาคงจะเหมือนชเวอีแจในตอนนั้นครับ


สิ่งยากที่สุดและชอบที่สุดในการแสดงในเรื่องนี้
ซออินกุก: สำหรับความยากผมตอบได้แบบชัดเจนเลยคือผมเป็นคนกลัวความสูงครับ ตอนแรกผมไม่รู้มาก่อนว่าจะกลัวหนักขนาดนี้ แต่ซีรี่ส์เรื่องนี้มีฉากแอ็กชั่น ที่ต้องติดสลิงยกเครนขึ้นไปสูงมาก ตอนนั้นกลัวมาก เป็นฉากท่ียากที่สุดเลยครับ
ส่วนจุดที่ชอบนั้น ก็คือตลอดระยะเวลาที่แสดงเป็นอีแจ ผมมีความสุขมากครับ และอีแจก็เป็นตัวละครที่ผมชอบตั้งแต่ในผลงานต้นฉบับเว็บตูน ได้มาแสดงเป็นอีแจก็มีความสุข และได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับฮาบยองฮุนก็มีความสุขมากเช่นเดียวกัน ผมได้เห็นภาพผู้กำกับคอยให้คำแนะนำต่างๆ แบบน่ารักและมีมารยาทมาก และในส่วนของคุณพัคโซดัมที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ ที่จริงแล้วตัวละครอีแจกับยมทูตแห่งความตายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกกันเลย ที่เกาหลีจะเรียกว่า ‘ฮย็อมกวัน’ (ความสัมพันธ์ที่เกลียดกัน) แต่เวลาแสดงก็คือแสดง นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็เอาใจใส่กันระหว่างถ่ายทำครับ ตลอดระยะเวลาที่ถ่าย Death’s Game ผมมีความสุขมาก และได้มีโอกาสมาโปรโมทซีรี่ส์พร้อมกับนักแสดงพัคโซดัมแบบตอนนี้เองผมก็มีความสุขมากครับ

พัคโซดัม: จุดที่ยากสำหรับฉันคือตอนที่อ่านบท รู้สึกว่าสงสารอีแจมาก อยากจะกอดเขามาก และมันก็เป็นหน้าที่ของฉันด้วยในฐานะยมทูตแห่งความตายที่จะทำให้อีแจตระหนักถึงความหมายของชีวิตได้จากการตายและเกิดใหม่ถึง 12 ครั้ง ซึ่งจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่เขาร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าฉัน ในฐานะพัคโซดัมคนธรรมดา การที่ต้องลงโทษเขาอย่างต่อเนื่องทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากและสงสารด้วย น่าจะเป็นเพราะฉันอินไปกับบทซีรี่ส์มากด้วย ฉันชอบบทละครเรื่องนี้มากค่ะ ส่วนจุดที่ชอบก็คือ ถึงแม้ว่าจุดเหล่านั้นจะยากก็ตาม แต่ฉันก็ดีใจที่เป็นบุคคลที่ทำให้เขาตระหนักรู้ถึงจุดนั้นได้ค่ะ

ถ้าต้องเลือกระหว่างเกิดเป็นตัวเองได้อีก 12 ครั้ง กับเกิดเป็นคนอื่น 12 ครั้ง จะเลือกแบบไหน
ซออินกุก: ผมเลือกเกิดเป็นตัวเองอีก 12 ครั้งครับ ก่อนอื่นเลย ถ้าเกิดเป็นคนอื่น 12 ครั้ง ผมรู้สึกว่าต้องฝ่าฟันสิ่งใหม่ทุกๆ ครั้ง ต้องเจอความท้าทายใหม่ๆ ตลอด ถึงแม้ว่าเราก็ไม่รู้หรอกว่าชีวิตจะเป็นยังไง แต่ถ้าเกิดเป็นตัวเองได้ 12 ครั้ง ผมก็จะรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวผมมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง เลยคิดว่าน่าจะใช้ชีวิตได้อย่างชาญฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ครับ และที่สำคัญเลยคือผมรักตัวเองมากด้วยครับ
พัคโซดัม: ฉันก็เลือกเกิดเป็นตัวเองเหมือนกันค่ะ และฉันก็รักตัวเองเหมือนกัน ถึงจะมีบางทีเหมือนกันที่ฉันไม่เข้าใจตัวเอง และมีบางครั้งที่รู้สึกเสียดายกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ คิดว่าถ้าได้รับโอกาสเกิดเป็นตัวเองถึง 12 ครั้ง น่าจะรู้สึกขอบคุณมากเลยค่ะ

หากเพิ่มชีวิตที่ 13 ได้ ซออินกุกอยากมีชีวิตแบบไหน เพราะอะไร
ซออินกุก: ชีวิตที่สิบสามเหรอครับ ต่อให้เป็นชีวิตที่สิบสามผมก็เลือกเป็นซออินกุก เพราะว่าผมรักตัวเองมากๆ ครับ แล้วก็ในชีวิตที่สิบสามนี้ น่าจะได้มีความสุขไปกับหลายๆ อย่าง ไม่ได้จะบอกว่าตอนนี้ไม่มีความสุขนะครับ แต่คิดว่าถึงตอนนั้นน่าจะเข้าใจความเป็นไปของโลกใบนี้ เหตุและผลต่างๆ ในระดับพระโพธิสัตว์ กลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว คิดว่าน่าจะปล่อยวางความต้องการต่างๆ ลงได้ และอยากใช้ชีวิตไปกับคนจำนวนมากขึ้น น่าจะใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วก็ตายไป และชีวิตที่สิบสี่ก็คงจะเริ่มขึ้นครับ




หากใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอินกับคำบอกเล่าจากนักแสดงจนอยากรับชมความลุ้นระทึกของซีรี่ส์ Death’s Game ต่อนั้น สามารถรับชม 4 ตอนแรกได้ทาง Prime Video แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสำหรับพาร์ตสองที่จะมาเฉลยบทสรุปของหนุ่มชเวอีแจว่าจะเป็นอย่างไร ก็เตรียมรอชมพร้อมกันในวันที่ 5 มกราคมที่กำลังจะมาถึงได้เลย