จากจุดเริ่มต้นของการเดินทาง สู่งานจัดแสดง ‘Louis Vuitton Savoir Revêr’ พื้นที่แห่งการรวบรวมไอเท็มและงานศิลปะน่าประทับใจอันสะท้อนให้เห็นถึงงานสร้างสรรค์ของเมซงที่ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องแฟชั่น!
Louis Vuitton ถือเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับ Savoir Faire หรือ Know-how มากที่สุดแบรนด์หนึ่ง ซึ่งงานนี้จึงใช้ชื่อ Savoir Revêr ที่มีความหมายว่า Crafting Dream หรือการสร้างสรรค์ความฝันให้เป็นไปได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งงานนี้ได้สะท้อนจิตวิญญาณของหลุยส์ วิตตองในเรื่องงานฝีมืออันประณีต พร้อมทั้งนวัตกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทั้งยังมีการร่วมมือกับศิลปินนักออกแบบในหลายๆ แขนง เพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่มีความครีเอทีฟ รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการออกแบบชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (Personalization)
ภายในงานจะเต็มไปด้วยชิ้นงานดีไซน์ที่ผสมผสานเข้ากับดีเอ็นเอสำคัญของเมซงมาหลายร้อยปีผ่านการจัดแสดงอยู่ในห้องต่างๆ โดยจะเริ่มต้นจากการต้อนรับผู้ชมด้วยดอกไม้ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Flower Monogram Motif ที่ทำจากทองเหลืองสำหรับการผลิตหีบเดินทาง ส่วนด้านหลังก็จะมีลวดลาย Malletage ลายตารางบุในฝาปิดหีบเดินทาง อีกด้านจะมีห้อง VR ที่พาผู้ชมไปสู่บ้านหลังเก่าแก่ของหลุยส์วิตตองอย่าง Asnières จากนั้นเมื่ออกจากห้อง VR นี้มาแล้วก็จะเห็นห้องอื่นๆ อีก 5 ห้องที่นำเสนอชิ้นงานต่างๆ ที่เรากำลังจะพาคุณเข้าไปชมต่อจากนี้!
ห้องแสดงหีบเดินทาง และ Objets Nomades
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องแรก หลุยส์ วิตตองจะพาทุกคนเข้าสู่ห้องจัดแสดงหีบเดินทางต่างๆ จากการตีความด้วยแรงบันดาลใจที่มาจากความฝันและการเดินทาง ตั้งแต่หีบขนาดเล็กเพื่อใส่นาฬิกา เครื่องประดับ แชมเปญ ดอกไม้ ต้นบอนไซ ไปจนถึงหีบเดินทางขนาดใหญ่ที่ออกแบบสำหรับเป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้งแต่งตัว อุปกรณ์สำหรับทำเครื่องดื่มค็อกเทลในงานปาร์ตี้ เซ็ตน้ำชาไฮที รวมไปถึงผลงานล่าสุดอย่าง Cabinet of Curiosities โดย Marc Newson นักออกแบบชื่อดังร่วมสมัย
ความเข้าใจในชีวิตอย่างถ่องแท้ ความเป็นผู้บุกเบิกในตัวของหลุยส์ วิตตองได้นำมาสู่คอลเล็กชั่นของตกแต่งบ้านอย่าง Objet Nomades ซึ่งของเหล่านี้ถูกสร้างสรรค์จากดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก อาทิ Campana Brothers, Atelier Oï, Marcel Wanders และอีกมากมาย มาร่วมสร้างเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและการเคลื่อนย้ายสะดวกสะบาย ไม่ว่าจะเป็น เปลญวนจาหนัง เก้าอี้พับได้ เก้าอี้พักแขน ฉากกั้นห้อง เก้าอี้เลาจน์เอาต์ดอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของเมซงที่ว่าพวกเขาเป็นมากกว่าแบรนด์แฟชั่นและเครื่องหนัง เพราะพวกเขาพยายามผสมผสานความละเอียดของงานฝีมืออันซับซ้อนเข้ากับนวัตกรรมต่างๆ อย่างลงตัว
มุมพิเศษของ Vivienne
วิเวียนคือมาสคอตที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 โดยชื่อของวิเวียนมาจาก VVN Leather หนังที่ใช้ในการผลิตของหลุยส์ วิตตอง ในปัจจุบันวิเวียนเปรียบเสมือนตุ๊กตาของนักสะสม ซึ่งน้องวิเวียนสามารถมีดีไซน์ที่เปลี่ยนไปตามซีซั่นและหลุยส์ วิตตองก็ยังสร้างบ้านเป็นหีบเดินทางพิเศษสำหรับบรรจุวิเวียนได้อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนใหม่ของวิเวียนอีก 2 ตัว ได้แก่ Gaston และ Petula
เอกลักษณ์ของวิเวียนคือคาแร็กเตอร์ที่มีความน่ารัก สนุกสนาน เป็นชิ้นงานฝีมือทำจากไม้และหนัง ผสมกับวัสดุอื่นๆ ส่วนบริเวณหัวของก็จะเป็นกลีบดอกไม้ และตาข้างหนึ่งจะเป็น Monogram Flower นั่นเอง
เครื่องหนังเอ็กโซติก
ภายในยังมีการจัดแสดงเครื่องหนังเอ็กโซติกที่มีหนังรุ่นพิเศษ Bangkok Edition ซึ่งสร้างสรรค์โดยช่างฝีมือของหลุยส์วิตตอง โดยเฉพาะกับกระเป๋ารุ่นไอคอนิกของแบรนด์อย่าง Capucines, Petite Malle และ City Steamer นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวเทคนิคบนหนังแบบ Brush Rosa เป็นครั้งแรก ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นงานฝีมือที่ใช้เพื่อสร้างสีสันพิเศษบนหนัง ช่างฝีมือจะเพนต์สีด้วยพู่กันจากสีชมพู เหลืองเข้ม และขาว แต่จะลงเพียงน้ำหนักบางเบาให้เป็นลวดลายแพทเทิร์น ตกแต่งด้วยสีเงินประกายกลิตเตอร์เพื่อให้ได้กระเป๋าเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีแค่เพียงใบเดียว
นาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูง
เครื่องประดับถือเป็นอีกหนึ่งงานศิลป์ที่หลุยส์ วิตตองใส่ใจในเรื่องความพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกอัญมณี ทั้งยังมีสถานที่ผลิตจิวเวลรี่ด้วยทักษะขั้นสูง ตลอดจนการออกแบบสุดสร้างสรรค์จากผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์อย่าง Francesca Amfitheatrof โดยอัญมณีต่างๆ จะมาจากเพชรที่มีคุณสมบัติไร้ที่ติ มีการเจียระไนแบบพิเศษด้วยวิธี Star Cut และ Flower Cut อันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง รวมไปถึงการคัดอัญมณีด้วยความละเอียด ไม่ว่าจะเป็นมรกต แซ็ปไฟร์ ทับทิมต่างๆ เพื่อลงในคอลเล็กชั่นไอคอนิกของเมซงอย่าง Bravery, Rider of the Knights และ Conquette
ส่วนนาฬิกานั้นเกิดจากการรังสรรค์ภายใต้เวิร์กช็อปของเมซงที่ La Fabrique Du Temps ในกรุงเจนีวาเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ในตัวเรือนเวลาจะมีกลไกต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมซง อาทิ Escale Spin Time อันได้แรงบันดาลใจจากตารางบอกเวลาในสนามบิน, Tambour Moon Mysterious Flying Tourbillon ที่ซ่อนกลไกราวกับลอยไว้บนหน้าปัด ทั้งยังได้รับการรับรองโดย Geneva Seal อีกด้วย และที่พิเศษกว่านั้นก็ยังมีนาฬิกาที่เป็นเครื่องประดับอย่าง Vivienne Secret Watch ซึ่งตกแต่งด้วยอัญมณีมากมายและซ่อนหน้าปัดไว้ด้านในสำหรับคุณสุภาพสตรีด้วยเช่นกัน
ห้องไลฟ์สไตล์ และเกมกีฬา
ห้องไลฟ์สไตล์ถือเป็นห้องที่สานต่อมาจากห้องแรกที่เป็นการจัดแสดงหีบเดินทางและคอลเล็กชั่น Objets Nomades ซึ่งภายในห้องจะมีไอเท็มเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และเกมกีฬาหลายอย่าง ตั้งแต่หีบเดินทางใส่อุปกรณ์ตีกอล์ฟ หีบเดินทางสำหรับปาร์ตี้ที่ใช้บรรจุแชมเปญและแก้วต่างๆ สเก็ตบอร์ดตกแต่งลวดลายทันสมัย หีบเก็บรองเท้าสนีกเกอร์ ตลอดจนโต๊ะปิงปอง โต๊ะบิลเลียด จักรยาน และอื่นๆ อีกมากมายที่ผสมผสานเข้ากับงานฝีมืออันประณีตของหลุยส์ วิตตอง