นาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพสตรีไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามของรูปลักษณ์หน้าตา หรือความล้ำค่าจากการประดับอัญมณีเท่านั้น แต่ในบรรดาผลงานกลุ่มต่างๆ ก็ยังมีนาฬิกาข้อมือประเภท Complicated หรือ Multifunction ซึ่งความพิเศษของทั้งรูปแบบและการแสดงเวลาอันซับซ้อน ที่ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเรือนเวลาที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจในหมู่สุภาพสตรีในยุคปัจจุบันอยู่ไม่น้อย เราจึงได้เห็นการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพสตรีที่มีความซับซ้อนเผยโฉมออกมามากมาย และแต่ละเรือนแต่ละรุ่นนั้นก็เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าติดตามไม่แพ้ความสวยงามของหน้าตาเลย
Dramatic Creations
เรื่องราวการเดินทางมักเป็นหนึ่งในจินตนาการอันแสนโปรดปรานของผู้หญิง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาเหล่าผู้ผลิตนาฬิกาจะให้ความสนใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือสำหรับนักเดินทางหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นหนึ่งในผลงาน Travel Time ใหม่ของ Patek Philippe รุ่น Aquanaut Travel Time Ref. 5269R-001 ที่แม้ว่าจะเป็นนาฬิกาข้อมือกลไกควอตซ์ แต่ก็เสริมไว้ด้วยความซับซ้อนของฟังก์ชั่น Travel Time กับความสามารถในการแสดงเวลาได้ 2 ไทม์โซน รวมถึงยังแสดง Day/Night สำหรับเวลาบ้านเกิด หรือ home time ที่ดูเวลาได้อย่างง่ายดายบนช่องหน้าต่าง โดยรักษาไว้ด้วยสไตล์แคชวลชิกหรู ที่รุ่นนี้มาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงิน-เทา ตกแต่งลายนูน Aquanaut และสง่างามกับตัวเรือนโรสโกลด์ ขนาด 38.8 มม. ที่เหมาะกับข้อมือสุภาพสตรี ทั้งยังสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย โดยเฉพาะจากระบบปรับตั้งที่ทำได้ง่ายดายโดยผ่านเม็ดมะยมเพียงอย่างเดียว
แนวคิดอันแสนโรแมนติกของการจำลองเส้นทางแห่งดวงดาวและกาลเวลายังมาอยู่รวมกันภายในนาฬิกาข้อมือผู้หญิง และกลายเป็นหนึ่งในคอนเซ็ปต์หลักที่หลายๆ แบรนด์ได้นำมาใช้ผสมผสานในการพัฒนาผลงานสร้างสรรค์สำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ เหมือนเช่น Van Cleef & Arpels ที่ได้ตีความจากวงจรอันเป็นนิรันดร์ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของช่วงเวลากลางวันและกลางคืน มาสู่นาฬิกาข้อมือ 2 รุ่นสุดโรแมนติกของแบรนด์ ทั้ง Lady Arpels Jour Nuit และ Lady Jour Nuit กลายเป็นเรือนเวลา ‘ทิวาและราตรี’ อันสวยงาม โดยมาพร้อมความสลับซับซ้อนของจักรกลที่สามารถแสดงความแตกต่างระหว่างเวลากลางวันและกลางคืนได้ผ่านการหมุนเคลื่อนของสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ที่รังสรรค์จากเยลโลว์โกลด์ประดับด้วยแซปไฟร์สีเหลือง และเวลากลางคืนที่แสดงผ่านสัญลักษณ์ดวงจันทร์ไวต์โกลด์ประดับเพชรสุกสกาวในรุ่น Lady Arpels Jour Nuit ส่วนอีกรุ่นอุทิศให้กับช่วงราตรีด้วยหน้าปัดโทนสีน้ำเงิน โดยยังคงแสดงเวลากลางวันและกลางคืนผ่านรูปดวงอาทิตย์เยลโลว์โกลด์สลักลายรัศมีและดวงจันทร์ไวต์โกลด์ประดับเพชรเช่นกัน ทั้งคู่ควบคุมการแสดงเวลาอย่างแม่นยำด้วยโมดูล Day/Night ผสมผสานในลุคของเรือนเวลาหรูได้ลงตัว
เช่นเดียวกับความโรแมนติกผ่านผลงานของแบรนด์ IWC ในรุ่น Portofino Automatic Moon Phase 37 Year of the Snake ที่เป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษเตรียมต้อนรับปีงูที่จะมาถึง ด้วยหน้าปัดสีเบอร์กันดี รวมไว้ด้วยการแสดงอันซับซ้อนของข้างขึ้น-ข้างแรม หรือ moon phase ที่ถ่ายทอดผ่านทางช่องหน้าต่างและสัญลักษณ์รูปดวงจันทร์ทอง รุ่นนี้เป็นนาฬิกากลไกจักรกลอัตโนมัติที่ฝาหลังยังอวดความสวยงามของโรเตอร์ขึ้นลานรูปทรงงูซึ่งผ่านการแกะสลักอย่างประณีต และความสวยเด่นของการแสดงดิถีของดวงจันทร์ที่มาบรรจบกับความประณีตของงานฝีมือในนาฬิกาข้อมือเรือนนี้
ขณะที่ผลงานของ Vacheron Constantin รุ่น Égérie moon phase ก็ได้ถ่ายทอดฟังก์ชั่นสลับซับซ้อนของการแสดงข้างขึ้น-ข้างแรมผ่านช่องหน้าต่างประดับรายล้อมไว้ด้วยเพชร ณ ตำแหน่ง 1-2 นาฬิกา ทั้งยังเนรมิตความสวยเด่นด้วยการประดับตกแต่งภาพของก้อนเมฆอันแวววาวที่ทำจากเปลือกหอยมุก รับกับหน้าปัดนาฬิกาทำเปลือกหอยมุกในเฉดสีไลแล็ก พร้อมด้วยงานแกะสลักลายพลีตที่เล่นกับแสงสะท้อนได้อย่างสะกดสายตา เฉิดฉายคู่มากับตัวเรือนพิงก์โกลด์ประดับเพชรที่เผยทั้งความสลับซับซ้อนและความหรูสง่างามได้อย่างสมบูรณ์
Stylish Precision
ความเที่ยงตรงและแม่นยำนับเป็นหัวใจของนาฬิกาสุภาพสตรีทุกๆ เรือนเช่นกัน การพัฒนานาฬิกาข้อมือที่มีความเที่ยงตรง ด้วยกลไกอันซับซ้อนทันสมัยจึงถือเป็นโจทย์ที่แบรนด์ให้ความสำคัญไม่แพ้กันกับการสร้างสรรค์หน้าตาและสุนทรียะความสวยงามของผลงานรุ่นต่างๆ เหมือนในนาฬิกาสลับซับซ้อนด้วยจักรกลทูร์บิญองของ Chanel รุ่น J12 38mm Diamond Tourbillon Calibre 5 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติ Calibre 5 ที่นับเป็นกลไกฟลายอิ้งทูร์บิญองคาลิเบอร์แรกที่ผลิตภายในโรงงานของแบรนด์ โดยการออกแบบของ Arnaud Chastaingt ผู้อำนวยการแห่ง Chanel Watchmaking Creation Studio ในกรุงปารีส จากนั้นจึงผ่านการพัฒนาและประกอบขึ้นภายใน Chanel Swiss Manufacture นาฬิกาซับซ้อนรุ่นนี้คงความสวยงามแบบไอคอนนิกที่สืบทอดมาจากคอลเล็กชั่น J12 แต่เติมพลังแห่งความซับซ้อนของจักรกลไว้ได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะกรงฟลายอิ้งทูร์บิญองที่ประดับด้วยเพชรโซลิแทร์ดึงดูดสายตาได้ตั้งแต่แรกเห็น หรือกับการตีความจากจักรกลอันซับซ้อนอย่างทูร์บิญองมาสู่ดีไซน์อันทันสมัยที่ลงตัวสำหรับประดับบนข้อมือผู้หญิง
ในผลงานของ Gucci รุ่น 25H Skeleton Tourbillon นาฬิกาข้อมือสเกเลตันที่ผสานเข้ากับความสลับซับซ้อนของทูร์บิญอง โดยเปิดเปลือยให้เห็นทั้งโครงสร้างอันซับซ้อนของกลไกจักรกลและฟลายอิ้งทูร์บิญองไว้อย่างสง่างาม พร้อมทั้งการตกแต่งสไตล์ทันสมัยด้วยเฉดสีชมพูทั้งบนทูร์บิญอง เข็มชี้ โลโก้ Interlocking G ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ตลอดจนถึงสายนาฬิกา ส่วนตัวเรือนยังเป็นแซปไฟร์ใสและบางพิเศษเพียง 8.2 มม. ทำให้มองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งจากด้านบนสู่ด้านหลังและสวมใส่ได้อย่างสบายข้อมือ
ถ่ายทอดหุ่นละครเคลื่อนไหวได้บนหน้าปัดนาฬิกา ถือเป็นอีกหนึ่งสไตล์แห่งเรือนเวลาสลับซับซ้อนที่สร้างสรรค์ขึ้นจากประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาแบบดั้งเดิม นำมาสู่ความโดดเด่นของนาฬิกาข้อมือสลับซับซ้อนของ Hermès รุ่น Arceau Chorus Stellarum กับตัวละครที่เป็นร่างโครงกระดูกนักขี่ม้าหญิงเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ หรือแบบ On-demand impulse โดยการทำงานของจักรกลสปริงที่เชื่อมต่อเข้ากับปุ่มกดข้างตัวเรือนตรงกับตำแหน่ง 9 นาฬิกา และควบคุมการแสดงเวลาได้อย่างเที่ยงตรงโดยกลไกจักรกล Manufacture Hermès H1837 ซึ่งร่วมอวดทั้งความพิถีพิถันละเอียดอ่อนของงานฝีมือที่แบรนด์เชี่ยวชาญเข้ากับอัจฉริยภาพด้านจักรกลได้อย่างดียิ่ง
และส่งท้ายด้วยความงามเลิศหรูของ Hublot รุ่น Spirit of Big Bang Sang Bleu High Jewellery นาฬิกาข้อมือกลไกจักรกลโครโนกราฟอันซับซ้อน พร้อมทั้งเปิดเปลือยแบบสเกเลตัน และมอบการสำรองพลังงานได้ถึงประมาณ 50 ชั่วโมง กับความโดดเด่นของฟังก์ชั่นจับเวลาที่ดีไซน์เฉพาะตัวคู่กับสไตล์อันหรูหราสวยงาม เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์นักสักชื่อดังระดับโลก อย่าง Sang Bleu รุ่นนี้ยังสวมใส่ได้เข้ากับทุกลุคหรูของผู้หญิงกับระบบถอดเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดายของ One-Click จดสิทธิบัตรโดยแบรนด์ โดยสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นสายอื่นๆ ซึ่งจับคู่เข้ากับตัวเรือน King Gold ประดับเพชรบาแกตต์คัต และหน้าปัดสเกเลตันประดับเพชรบาแกตต์คัตได้อย่างสวยเด่น เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนาฬิกาข้อมืออันซับซ้อนที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความปรารถนาของเหล่าผู้หญิงผู้ซึ่งหลงใหลในเรือนเวลาโดยเฉพาะ
