แม้วงการบันเทิงไทยในปัจจุบันจะเปิดกว้างเรื่องเพศหลากหลาย จนมีทั้งซีรี่ส์ ภาพยนตร์ หรือผลงานต่างๆ มากมายที่นำเสนอเรื่องราวของกลุ่ม LGBTQ+ ให้เลือกเสพ แต่อีกด้านหนึ่งในประเทศที่ห่างจากเราไปไม่ไกลมากนัก ใครๆ ก็คงรู้ดีว่าถึงอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จะงานเพลงหรืองานภาพก็โด่งดังไปถึงระดับโลก แต่ภาพของกลุ่มคนเพศหลากหลายยังคงถูกกีดกันไม่ให้นำเสนออย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากสังคมปิตาธิปไตยที่รุนแรงจนเรียกว่าล้าหลังสำหรับปี 2024 ก็คงไม่ผิดนัก
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางพายุแห่งความเกลียดชังที่มีต่อกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน เมื่อราวๆ 12 ปีก่อน K.Will นักร้องบัลลาดชื่อดัง ตัดสินใจปล่อยเอ็มวีเพลงที่มีเนื้อหาชายรักชาย พร้อมย้ำความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยผลงานเอ็มวีภาคต่อในเดือน Pride Month ปีนี้ ซึ่งได้สองนักแสดงแถวหน้าอย่าง อันแจฮยอน และ ซออินกุก มาร่วมแสดงดังเดิมอีกด้วย

2012 – Please don’t…
สำหรับมิวสิกวิดีโอเพลง Please don’t… ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2012 จะเรียกว่าเป็นหนึ่งใน MV ที่หักมุมที่สุดของเกาหลีใต้ตลอดกาลเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดเวลา 3 นาทีกว่าของเพลงนี้ ทุกคนล้วนอินไปกับเรื่องราวของรักสามเส้าที่เข้าใจกันว่าทั้งซออินกุกและอันแจฮยอน แอบรักผู้หญิงคนเดียวกัน แต่ใครจะคิดว่าผู้กำกับจะมาเฉลยในตอนท้ายว่าแท้จริงแล้ว คนที่ซออินกุกแอบรักมาตลอดคือผู้ชายอย่างอันแจฮยอนต่างหาก
แต่ถึงเอ็มวีจะเฉลยอย่างตรงไปตรงมาขนาดนั้น ผู้คนในประเทศเกาหลีใต้ที่ไม่เปิดรับการมีอยู่ของชุมชน LGBTQ+ ก็ยังไม่วายกล่าวว่ามันเป็นเพียงเรื่องของชายหนุ่มที่เลือกเพื่อนสนิทมากกว่าผู้หญิงไปได้


ถึงกระนั้น การที่พวกเขาร้อยเรียงเรื่องราวมาในเส้นทางนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่กล้าหาญมากเลยทีเดียว เพราะอันที่จริงหากกระแสต่อต้านรุนแรงกว่านี้ ชีวิตการเป็นนักร้องของ K.Will อาจจบลงอย่างน่าเสียดาย รวมถึงหลังเพลงนี้ปล่อยออกไป ซออินกุกก็ได้รับชื่อเล่นว่าเป็น ‘월드게이’ หรือ World Gay ที่บางคนก็มองว่ามันคือคำนิยามของคนที่แสดงดีจนเข้าถึงบทบาทจริงๆ กับอีกทางหนึ่งคือมันจะเป็นผลเสียต่อเขามากกว่าที่มารับเล่นบทนี้

2024 – No Sad Song For My Broken Heart
แม้ล่วงเลยมาเกือบ 12 ปีเต็ม แต่สิทธิและเสรีภาพของชาวเกย์ในเกาหลียังไม่เดินหน้าตามเวลามาด้วย เรายังได้เห็นข่าวคราวการประท้วงต่อต้านหรือเหยียดเพศกันอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้น วันที่ 20 มิถุนายน 2024 ศิลปินหนุ่ม K.Will กลับมาสะเทือนวงการอีกครั้งด้วยการคัมแบ็กอัลบั้มใหม่ ซึ่งมีเพลง No Sad Song For My Broken Heart ที่เป็นภาคต่อของความรักระหว่างอินกุกและแจฮยอน พร้อมทีเซอร์เอ็มวีที่ตอกย้ำความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ชัดมากขึ้นว่ามันคือความรักจริงๆ

ส่วนตัวเอ็มวีถึงจะขัดใจเหล่าแฟนๆ ไปเสียหน่อยที่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องแยกจากกันไปอยู่ดี แต่การแสดงและเคมีของตัวละครเอกทั้งคู่ก็ถือว่าทำเอาคนดูอินหนักจนอยากให้สร้างซีรี่ส์กันเลย แถมต้องยอมรับว่าทุกประเด็นในเรื่องราวนี้ล้วนน่าประทับใจแบบไม่มีที่ติ ทั้งการสกินชิปอย่างโจ่งแจ้ง การพบเจอกันในที่ทำงานโดยไม่ต้องหลบซ่อน และโดยเฉพาะซีนที่อันแจฮยอนชูมือให้ซออินกุกดูว่าเขาไม่ได้มีแหวนแต่งงานแล้ว ที่สื่อว่าสุดท้ายเขาก็รู้ใจตัวเองจึงเลิกรากับฝ่ายหญิงไป ไม่ได้มีแค่ซออินกุกที่รู้สึกพิเศษอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งสำหรับสังคมที่ยังยกการแต่งงานคู่ชายหญิงเป็นจุดสูงสุดแล้ว ก็เป็นความท้าทายสำหรับผู้กำกับอย่างมากเลยทีเดียว




ซึ่งสุดท้ายแล้ว แม้จะมีคนมองว่าบทสรุปของเอ็มวีนี้อาจเป็นนัยยะที่สะท้อนภาพสังคมเกาหลีว่าถึงแม้ทั้งคู่จะรักกันมากแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้ตอนจบของความสัมพันธ์ลงเอยอย่างมีความสุขอยู่ดี แต่ผลงานจากนักร้องบัลลาดและสองนักแสดงระดับท็อปของวงการชิ้นนี้ ก็ถือเป็นการฉายภาพตัวตนของชาว LGBTQIA+ ในประเทศทางสื่อเมนสตรีมว่าพวกเขามีชีวิตและความรู้สึกอยู่จริง ไม่ได้เป็นเพียงมิตรภาพลูกผู้ชายอย่างที่ใครเขาว่า และไม่ว่าทีมงานจะตั้งใจหรือไม่ การปล่อยเอ็มวีชายรักชายในช่วงเดือน Pride Month ก็นับเป็นหมุดหมายการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของกลุ่มคนเพศหลากหลายในเกาหลี และยังย้ำว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมาลบเลือนอัตลักษณ์ของพวกเขาไปนั่นเอง