Saturday, January 18, 2025

ย้อนเส้นทางของ Pharrell Williams จากแฟชั่นไอคอนสู่ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนล่าสุดของ Louis Vuitton

เรียกได้ว่าเป็นข่าวสุดฮือฮาแห่งวงการแฟชั่นเลยก็ว่าได้หลังจากที่ทาง Louis Vuitton ประกาศแต่งตั้งศิลปินหนุ่มมากฝีมือในวงการดนตรีอย่าง Pharrell Williams ขึ้นแท่นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่สำหรับเสื้อผ้าผู้ชายของแฟชั่นเฮาส์แห่งนี้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ดีไซเนอร์ Virgil Abloh เสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งหากมองย้อนกลับไป เราจะพบว่าเขาได้สร้างผลงานในวงการแฟชั่นมาเป็นเวลานานแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะในวงการสตรีตแฟชั่นของศิลปินฮิปฮอป ตลอดจนการคอลลาบอเรชั่นกับเหล่าแบรนด์ระดับโลก รวมถึง Louis Vuitton เช่นกัน วันนี้แอลกำลังจะพาคุณไปย้อนชมว่านอกจากเพลงและดนตรีที่เขาทำได้ดีแล้ว ผลงานการออกแบบของเขาก็น่าประทับใจสมกับตำแหน่งใหม่แห่งแบรนด์แฟชั่นอันเก่าแก่นี้เป็นอย่างมากเลยล่ะ

หากให้ไล่เรียงไทม์ไลน์เส้นทางของการเป็นแฟชั่นไอคอนที่ก้าวไปสู่การเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ผู้กำหนดทิศทางของแบรนด์ เราจะต้องย้อนเวลาไปที่ช่วงต้นยุค 2000s หรือที่เรียกว่ายุค Y2K Pharrell Williams เริ่มต้นแต่งตัวด้วยสตรีตแวร์หลายชิ้น อาทิ ชุดแทร็กสูท แจ็กเกตขนแกะ รวมไปถึงหมวกที่ใส่คู่กับกางเกงทรงหลวมตัวใหญ่ ซึ่งการแต่งลุคมิกซ์แอนด์แมตช์ที่ลงตัวของเขาก็ทำให้เขากลายเป็นไอคอนด้านแฟชั่นที่เป็นต้นแบบให้แก่เหล่าศิลปินฮิปฮอปในยุคนั้นได้อย่างมีระดับเลยทีเดียว

Photo: Shutterstock

ต่อมาในช่วงกลางยุค 2000s เขาได้มีโอกาสไปเยือนประเทศญี่ปุ่น เขาจึงนำแฟชั่นที่มีความสนุกสนานของวัยรุ่นญี่ปุ่นกลับมาด้วย ไม่ว่าจะลายกราฟิกสีสันสดใส ลายพิมพ์กราฟิกทั่วตัว ตลอดจนลายพรางสไตล์สตรีตด้วยเช่นกัน และในช่วงเวลานี้เองเขาก็ได้ร่วมคอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์ BAPE เพื่อสร้างผลงานเสื้อผ้าสำหรับเหล่านักสเก็ตบอร์ด โดยแฟชั่นนี้จะผสมผสานแฟชั่นสไตล์วัยรุ่นฮาราจูกุ สเก็ตเตอร์ และฮิปฮอปเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ภาาพลักษณ์ใหม่ๆ ที่สดชื่นมากยิ่งขึ้น

ต่อมาช่วงปลายยุค 2000s เขาเป็นผู้ริเริ่มใส่กางเกงยีนส์รัดรูปในปี 2008 ก่อนใครอื่น เพราะกว่าเทรนด์กางเกงสกินนี่ยีนส์จะเป็นที่นิยมนั้นก็เกิดขึ้นในปี 2010-2011 และเขาก็ยังคงพัฒนาการแต่งตัวสไตล์ฮิปฮอปแฟชั่นให้น่าจดจำเรื่อยมา

Photo: Shutterstock

จนช่วงปี 2010s เขามีโอกาสได้ร่วมงานกับ Karl Lagerfeld ดีไซเนอร์ในตำนานของ Chanel เพื่อปรับเปลี่ยนแฟชั่นให้เป็นสไตล์ไร้เพศมากยิ่งขึ้น ซึ่งเขาทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกันกับแบรนด์ ได้แก่ การแสดงในภาพยนตร์สั้นอย่าง ‘Reincarnation’ ร่วมกันกับนางแบบสาว Cara Delevingne ที่ Karl เป็นผู้กำกับด้วยตัวเอง

ต่อมาเขาก็เป็นนายแบบชายคนแรกที่ร่วมแสดงในโฆษณากระเป๋าถือรุ่น Gabrielle ซึ่งไอเท็มชิ้นนี้เป็นแฟชั่นอันแสนสง่างามของสุภาพสตรีมาเป็นเวลากว่าศตวรรษ ดังนั้นการที่เขาเป็นโมเดลผู้ชายสำหรับกระเป๋ารุ่นนี้จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่พลิกโฉมวงการเป็นอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังร่วมเดินแบบบนรันเวย์ Chanel Métiers d’Art 2018/2019 รวมไปถึงการออกแบบแคปซูลคอลเล็กชั่น Unisex ของเขาในปี 2019 ทั้งหมดนี้กลายเป็นหลักฐานที่ประจักษ์ว่าเขาไม่เคยปล่อยให้บรรทัดฐานทางเพศมาขัดขวางอิสระในการแต่งกาย และนิยามแฟชั่นของเขาคือการทดลองที่ไร้ขีดจำกัด

นอกจากนี้เขายังได้ร่วมคอลแลบกับแบรนด์ชื่อดังมากมาย เช่น ร่วมออกแบบรองเท้าหลายต่อหลายรุ่นกับ Adidas, เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำหอมที่ใช้ได้ทั้งสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ‘G I R L by Pharrell Williams’ กับ Comme des Garçons, แว่นตาสุดเฉียบคมกับ Moncler หรือแม้แต่การออกแบบเฟอร์นิเจอร์เพื่อจัดแสดงในงานนิทรรศการศิลปะ ‘The Perspective exhibition’ ที่ Galerie Perrotin ณ ฝรั่งเศสด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเขายังมีการคอลลาบอเรชั่นมากมายที่เราไม่ได้ยกมานำเสนอ แต่เราก็พอจะสังเกตได้ว่าเขามีความคิดสร้างสรรค์ด้านศิลปะที่น่าสนใจและแปลกใหม่อยู่ไม่น้อย

มากไปกว่านั้นแล้วเขายังเคยร่วมงานกับ Louis Vuitton มาแล้วก่อนหน้านี้ นั่นก็คือคอลเล็กชั่นแว่นตา Millionaire ในปี 2005 และคอลเล็กชั่นเครื่องประดับ Blason ที่เปิดตัวในงานปารีสกูตูร์วีกในปี 2008 แม้แต่ดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ Virgil Abloh ที่เคยเป็นผู้กุมบังเหียนของ Louis Vuitton ยังเคยนำแว่นรุ่น Millionaire ของเขามาปรับดีไซน์ใหม่อีกครั้งในนาม 1.1 Millionaires สำหรับคอลเล็กชั่นซีซั่น Spring 2019 ด้วยเช่นกัน

Pietro Beccari ประธานและ CEO ของ Louis Vuitton กล่าวแถลงต้อนรับศิลปินหนุ่มคนนี้อีกด้วยว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ต้อนรับ Pharrell คืนสู่บ้านเราหลังจากที่เราเคยร่วมงานกันในปี 2004 และ 2008 ด้วยการเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์สำหรับเสื้อผ้าของสุภาพบุรุษ วิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์นอกเหนือจากแฟชั่นของเขาจะนำพาให้ Louis Vuitton ก้าวไปสู่บทใหม่และน่าตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย”

การที่เขามีโอกาสมาเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์สำหรับเสื้อผ้าผู้ชายของ Louis Vuitton นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะรสนิยมด้านการดีไซน์งานศิลปะของเขามีความสร้างสรรค์ ส่วนสไตล์การแต่งตัวของเขาที่เป็นไอคอนของความเท่แบบไม่ต้องพยายามย่อมทำให้เขามีความโดดเด่นกว่าใคร ที่พิเศษก็คือแฟชั่นของเขามีความสดใหม่และพร้อมเปิดรับทุกสิ่งให้มาผสมผสานกับงานของเขาได้ โดยเขามองว่าการแต่งตัวที่ดีคือการที่เรารู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองในเวลาที่ใส่ ถ้าเราใส่แล้วรู้สึกว่าใช่ สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นแฟชั่นประจำตัวเรา ดังนั้นการรับตำแหน่งนี้ของเขาก็อาจเป็นการเปิดประตูบานใหม่ให้แก่แฟชั่นเฮาส์หลังนี้ ซึ่งเราก็ต้องติดตามรอชมกันว่าผลงานแฟชั่นภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ของหนุ่มคนนี้จะออกมาเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต

Source: 1

Latest Posts

Don't Miss