ช่วงนี้คำศัพท์ฮอตฮิตติดเทรนด์ที่สุดคงไม่พ้นคำว่า Y2K เพราะเราคงจะเห็นตัวอย่างกันบนโซเชียลมีเดียมาแล้วมากมาย บ้างก็ถ่ายรูปแบบ Y2K ชูสองนิ้ว Y2K แต่งตัวสไตล์ Y2K แล้วคำว่า Y2K มันคืออะไรกันล่ะ? หากคุณเคยสงสัย วันนี้แอลจะพาคุณไปหาคำตอบว่าแท้จริงแล้ว เทรนด์แฟชั่นนี้มันคืออะไรกันแน่ ฉะนั้นใครที่ไม่ทัน เรามาย้อนไทม์แมชชีนไปพร้อมๆ กันได้เลย!
Y2K คืออะไร?
Y เป็นตัวย่อของคำว่า Year ส่วน K มาจากตัวเลข 1,000 (Kilo) ดังนั้น Y2K จึงหมายถึง Year 2000 ซึ่งเดิมที่คำนี้ไม่ได้ถูกนำมาเรียกแฟชั่น แต่เป็นคำเรียกวิกฤติที่ระบบตัวเลขในคอมพิวเตอร์มีตัวเลขปีมีไม่ถึงเลขปี 2000 ดังนั้นเมื่อสิ้นปี 1999 จึงทำให้ระบบกลับไปตั้งต้นใหม่ที่ปี 1900 ผู้คนจึงรู้สึกกังวลว่ามันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนทำให้โลกเปลี่ยนไป สุดท้ายแล้วระบบนั้นก็มีวิศวกรแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด แต่ในขณะเดียวกันมันก็กลายเป็นชื่อเรียกเทรนด์แฟชั่นในช่วงปลาย 1990s ไปจนถึงยุค 2000s และด้วยการเปลี่ยนผ่านของยุคนี่เอง จึงทำให้จุดเด่นของแฟชั่น Y2K เป็นสไตล์ที่มีความสนุกสนานและเป็นอิสระอย่างไร้ขีดจำกัด
แต่งตัวแบบไหนถึงเรียก Y2K?
ช่วงยุค 2000s เปรียบเสมือนห้วงเวลาในการทดลองของหนุ่มสาวสายแฟทั่วโลก คล้ายกับว่าการเปลี่ยนแปลงของยุคอนาล็อกไปสู่ดิจิทัลในขณะนั้นทำให้พวกเขากล้าที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นเราจึงไม่อาจจำกัดเสื้อผ้าในการแต่งตัวสไตล์นี้ได้อย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยๆ เราจะพอจับกลุ่มเสื้อผ้าได้บ้าง เช่น พวกเขาชื่นชอบการใส่ยีนส์ ชุดแทร็กสูท กางเกงทรงหลวม (Baggy Pants) กางเกงกระโปรงเอวต่ำ มินิสเกิร์ต เสื้อครอป เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อผูกด้านหน้า ส่วนเนื้อผ้าต้องมีสีสันสดใส สีสะท้อนแสงแบบเมทัลลิก หรือเสื้อผ้าโปร่งใส ส่วนทรงผมก็จะมีแอ็กเซสเซอรี่ส์ต่างๆ ประดับ อาทิ กิ๊บติดผม ผ้าผูกผม แต่ผมจะยังคงเป็นสีธรรมชาติของแต่ละคน
หากอยากจะเห็นภาพกันขึ้นมาสักเล็กน้อย ก็คงเป็นภาพยนตร์เรื่อง Clueless (1995) หรือ Mean Girls (2004) ที่มีสาวๆ วัยไฮสคูลแต่งตัวด้วยเสื้อครอปท็อปและมินิสเกิร์ต ถ้าใกล้บ้านเราเข้ามาสักนิดก็จะเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง Girly Berry หรืออย่างในมิวสิกวิดีโอเพลง ‘ผ้าเช็ดหน้า’ ของดูโอ้สาว Triumphs Kingdom นั่นเอง
ทำไม Y2K ถึงกลับมา?
ว่ากันว่าสไตล์แฟชั่นใดๆ มักจะวนเวียนกลับมาเป็นวัฎจักรเสมอ แฟชั่น Y2K ก็เช่นกัน ดังนั้นไม่มีใครระบุได้อย่างชัดเจนว่ามันกลับมาได้อย่างไร มันอาจกลับมาเพราะความนิยมของชาว Gen-Z บนอินเตอร์เน็ตที่โหยหาถึงอดีตและความวินเทจที่พวกเขาไม่เคยสัมผัส ไม่ก็เกิดจากศิลปินฮิปฮอปชื่อดังที่นำแฟชั่นแทร็กสูทและกางเกงทรงหลวมกลับมาใส่ หรืออาจเกิดจากอิทธิพลของแบรนด์ Miu Miu ที่นำเทรนด์มินิสเกิร์ตเอวต่ำกลับมานำเสนอในคอลเล็กชั่นต่างๆ อีกครั้ง
อีกนัยหนึ่งก็อาจมาจากอิทธิพลของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้มากมายที่ชื่นชอบการแต่งตัวสไตล์นี้ เพราะทั้ง Bella Hadid, Hailey Bieber, Dua Lipa รวมไปถึงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่จากฝั่ง K-POP อย่าง NewJeans ที่ชาวเน็ตชื่นชมว่าพวกเธอแต่งตัวได้ ‘Y2K’ มากๆ ต่างก็แต่งตัวแบบนี้กันทั้งสิ้น แต่ไม่ว่ามันจะกลับมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นหลอมรวมกันจนกลายเป็นสิ่งที่ฟื้นคืนชีพให้กับแฟชั่น Y2K นั่นเอง
อย่างไรก็ดี การตีความแฟชั่น Y2K ในปัจจุบันจะแตกต่างจาก Y2K ในช่วงปี 1990-2000s เพราะสาวๆ สายแฟปรับเปลี่ยนลุคเหล่านี้ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่พวกเธอยังคงรักษากิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเอกลักษณ์จากยุค 2000s ไม่ว่าจะเป็น กางเกงยีนส์ทรงหลวม ทรงเอวต่ำ กระโปรงพลีต เสื้อคาร์ดิแกนไหมพรม เสื้อผ้าโปร่งแสง เสื้อผ้าเมทัลลิก กิ๊บติดผม เป็นต้น
นอกจากจะปรับให้ทันตามยุคสมัยแล้ว เสื้อผ้า Y2K ในยุคนี้ก็มีหลากหลายไซซ์และเป็นมิตรกับทุกคนมากขึ้นด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนมองว่า จริงๆ แล้วแฟชั่นชนิดนี้เป็นสไตล์ที่มีปัญหา เพราะสาวๆ หุ่นพลัสไซส์ไม่สามารถใส่ได้ เสื้อผ้าส่วนมากจะเอื้อให้คนใส่ที่มีหุ่นผอมเพรียวโชว์เอวบางมากกว่า แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไป เราก็จะเห็นว่าสาวอวบหลายคนก็มีความสุขที่จะแต่งตัวแบบ Y2K เฉกเช่นเดียวกับสาวตัวเล็กนั่นเอง
สุดท้ายแล้วเราไม่อาจรู้ได้ว่าเทรนด์นี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน จะได้รับความนิยมน้อยลงหรือไม่ แต่ในขณะนี้คงไม่มีอะไรมาแรงไปกว่าเทรนด์แฟชั่น Y2K การถ่ายรูปท่า Y2K และวลีฮิต ‘ทำสิ่งต่างๆ แบบ Y2K’ น่าจะยังอยู่บนโซเชียลมีเดียไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ