Tuesday, January 7, 2025

‘ฟ่านปิงปิง’ กับการเดิมพันครั้งสำคัญเพื่อกลับมาทวงบัลลังก์ซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย

ในจังหวะหนึ่งของขีวิต ดอกไม้งามที่เคยผลิบานก็อาจร่วงโรยได้ ไม่เว้นแม้แต่กับซูเปอร์สตาร์นางพญาแห่งแดนมังกรอย่าง ‘ฟ่านปิงปิง‘ ที่เธอเริ่มจากการไต่เต้าในบทบาทเล็กๆ ในภาพยนตร์ไปสู่การเป็นดาราที่อยู่จุดสูงสุดของวงการจีน แต่เธอกลับร่วงหล่นลงมาด้วยปัญหาของการเลี่ยงภาษี ทว่าล่าสุดนี้เธอกลับมาปรากฏตัวให้ผู้ชมเห็นอีกครั้งในงานระดับโลก แต่ครั้งนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหลายต่อหลายอย่าง แอลจึงอยากจะชวนคุณมาย้อนชมเส้นทางชีวิตของเธอ พร้อมกับหาคำตอบว่าการที่เธอพยายามจะกลับสู่วงการบันเทิงในครั้งนี้ เธอต้องวางเดิมพันกับอะไรบ้าง

Fan Bingbing Studio / Weibo

ฟ่านปิงปิง หรือ เป่าเปา เติบโตมาในเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง แต่เธอเลือกศึกษาต่อด้านการแสดงที่มหานครเซี่ยงไฮ้ และเริ่มมีชื่อเสียงในบทบาทสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ในซีรี่ส์ชุดไต้หวันเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ (My Fair Princess) ความสวยดุจดั่งภาพวาดและการแสดงที่สมบทบาททำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักจนเธอได้บทบาทที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พยายามไปปรากฏตัวบนพรมแดงในงานเทศกาลหนังต่างๆ ด้วยลุคที่โดดเด่นเพื่อให้ผู้คนสามารถจดจำชื่อของเธอได้ แม้ว่าเธอจะถูกค่อนขอดจากเพื่อนร่วมวงการและชาวเน็ตมาหลายครั้งว่าการไปปรากฏตัวของเธอบนพรมแดงไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เพราะหนังของเธอไม่ได้เข้าฉายหรือเข้าชิงก็ตามที แต่ความเป็นดาวเด่นบนพรมแดงของเธอก็ทำให้ผู้คนทั่วโลกจดจำเธอได้ในฐานะ ‘The Queen of Red Carpet’ อยู่ดี

ส่วนผลงานชิ้นโบว์แดงที่สร้างชื่อให้เธอมากที่สุดคือเรื่อง Lost in Beijing (2007) ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลจากต่างประเทศมากมาย แต่กลับโดนแบนในจีนเพราะมีฉากล่อแหลมและสะท้อนด้านมืดของสังคม ทว่ามันไม่สามารถหยุดความเป็นดาวรุ่งในตัวเธอได้ เพราะหลังจากนั้นเธอได้รับโอกาสการแสดงมากมายในประเทศจีน ในที่สุดเธอก็กลายเป็นนักแสดงหญิงจากฝั่งเอเชียเพียงคนเดียวที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2015 ด้วยจำนวนเงิน 749 ล้านบาท (ค่าเงินในขณะนั้น) พร้อมกับก้าวสู่วงการฮอลลีวูดในปี 2016 ด้วยบทบาทในเรื่อง X-Men เธอโด่งดังมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งช่วงที่เธอเลี่ยงภาษีนี่เองที่ทำให้ความนิยมของเธอลดลง และในเวลาใกล้เคียงกันนี้เธอก็ยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มอีกด้วย

หลังจากที่ผ่านมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ เธอก็สะสางปัญหาต่างๆ ทุกอย่างเรียบร้อยด้วยการชำระค่าปรับและค่าภาษี พร้อมกับกลับคืนสู่วงการบันเทิงจีนด้วยการปรากฏตัวในงานอีเวนต์ต่างๆ ถ่ายนิตยสารบ้างบางครั้ง รวมไปถึงการออกบิวตี้แบรนด์เป็นของตนเอง ซึ่งผลการตอบรับก็เป็นไปในทางที่ดีเพราะผู้คนให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ด้านความงามของเธอ แต่เรื่องผลงานการแสดงนั้นจะไม่ค่อยมีเท่าใดนัก เพราะหากนักแสดงเคยมีข่าวคราวในแง่ลบ ผู้จัดละครในจีนก็จะไปเลือกนักแสดงคนอื่นแทน ดังนั้นเธอจึงเลือกไปแสดงภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ต่างประเทศอย่างเช่น ซีรี่ส์เกาหลีอย่าง The Insider (2022) ที่เธอโผล่มาเซอร์ไพรส์หนึ่งตอน, The King’s Daughter (2022) และอีกหนึ่งเรื่องที่กำลังจะฉายอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้คือภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Green Night ที่เธอแสดงคู่กับ Lee Joo-Young อันเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงสองคน ที่เธอเพิ่งจะออกเดินสายโปรโมตในเทศกาลหนังในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตลอดจนการปรากฎตัวที่งานประกาศรางวัลออสการ์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ชาวเน็ตจีนส่วนมากชื่นชมยินดีที่ฟ่านปิงปิงไปร่วมงานออสการ์ เพราะนี่ถือเป็นงานยิ่งใหญ่ที่สุดของฮอลลีวูด พวกเขาไม่ได้ชื่นชมแค่เพียงความสวยหรือแฟชั่นของเธอเท่านั้น แต่ยังชื่นชมที่เธอมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะความผิดพลาดของตนเองและก้าวต่อไปด้วยความกล้าหาญ ไม่ว่าจะด้วยคอมเมนต์ “ปฏิเสธไม่ได้นะว่าเธอทำผิดจริง แต่เธอก็ได้รับบทลงโทษไปแล้ว”, “เธอมีโอกาสยืนอยู่ที่ตรงนั้นซึ่งถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศจีน เธอช่างเป็นดาราที่ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้จริงๆ!”, “ชื่อเสียงเงินทองและเวลาที่หายไปคือราคาที่เธอต้องจ่าย แต่คนเราไม่ควรถูกแบนไปตลอดชีวิตแค่เพียงเพราะความผิดพลาดครั้งเดียว”

“การแสดงเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันน่าจะทำไปตลอดชีวิต ฉันยึดมั่นที่จะทำสิ่งนี้ต่อไป”

– ฟ่านปิงปิงกล่าวขณะให้สัมภาษณ์ที่เทศกาลหนัง Berlin

การกลับมาแสดงในหนังเกาหลีเรื่องนี้อาจถือได้ว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่ในเส้นทางวงการบันเทิงของเธอ เพราะมันเป็นบทบาทใหม่ที่เธอไม่เคยแสดงมาก่อน กระแสตอบรับที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอาจเป็นตัวชี้วัดว่าเธอจะสามารถกลับเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ได้สำเร็จหรือไม่ ดังนั้นถ้าเรื่อง Green Night ประสบความสำเร็จ ตำแหน่งราชินีแห่งหนังเอเชียก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนัก

แต่ในจุดนี้ก็อาจเป็นไปได้เช่นเดียวกันว่าเธอเน้นที่จะหันหน้าสู่วงการภาพยนตร์ต่างประเทศมากกว่าในประเทศของตนเอง เพราะสาเหตุหนึ่งคือจีนไม่น่าจะยอมรับการแสดงของเธอแล้ว สองคือการรับบทครั้งนี้ถือเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นเนื้อหาที่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ในประเทศจีนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ฟ่านปิงปิงไม่ได้พยายามแค่เพียงทวงคืนตำแหน่งนักแสดงในวงการภาพยนตร์หรือเจ้าของสปอตไลต์บนพรมแดงเท่านั้น ล่าสุดเธอยังไปปรากฏตัวในงานแฟชั่นวีกหลายต่อหลายแบรนด์ อาทิ Schiaparelli, Giambattista Valli และ Yohji Yamamoto เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นเจ้าแม่วงการแฟชั่นจากประเทศจีนอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอก็ได้ความสนใจจากสื่อไปเต็มๆ เช่นกัน

ทั้งหมดนี้ถือเป็นบทสรุปว่าไม่ว่าชีวิตของเธอจะขึ้นสุด-ลงสุดอย่างไรก็ตาม แต่เธอยังคงเป็นภาพตัวแทนของผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ และใครๆ ต่างก็จดจำว่าเธอคือซูเปอร์สตาร์นางพญาแห่งแดนมังกรเสมอมา

Cover Photo Courtesy: Fan Bingbing Studio on Weibo

Latest Posts

Don't Miss