คนพี่ ต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว ขึ้นชื่อเรื่องเสียงในระดับดีโว่เจนใหม่และความเก่งรอบด้านหากต้องเพอร์ฟอร์ม ส่วนคนน้อง ออฟโรด-กันตภณ จินดาทวีผล หอบเอาเสน่ห์แบบเกินต้านมาสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการ เมื่อเกิดเคมีความสนิทระหว่างกันจึงเป็นสีสันที่ไม่ว่าแฟนคลับหรือใครก็ได้แต่รอยยิ้ม

ELLE: จาก Day 1 ที่ทั้งคู่โคจรมาเจอกันจนตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นพาร์ตเนอร์ ในเรื่องงาน ชีวิต และอื่นๆ อิทธิพลของแต่ละฝ่ายที่มีต่อกันคือเรื่องไหนมากที่สุด เพราะอะไร?
DAOU: จริงๆ ค่อนข้างมีอิทธิพลในแทบทุกเรื่องของการใช้ชีวิตครับ ตั้งแต่แรกๆ เลย เพราะจริงๆ สนิทกันตั้งแต่แรกแล้ว เราทำงานด้วยกัน คู่กันตั้งแต่วีกแรก จากนั้นก็เลยได้คุยเปิดใจกันว่าต่างคนต่างเป็นอย่างไร เรารู้กันว่าพื้นฐานของแต่ละคนเป็นแบบไหน เรามีอะไรที่คล้ายกันมาก มันเลยมีอะไรหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในการทำงาน ผมแค่รู้สึกว่าเวลามีออฟโรดแล้วเหมือนมันก็ทำให้เราได้ทำอะไรที่เกินลิมิตเรามากขึ้น
OFFROAD: หลักๆ ก็จะเป็นในเรื่องของการทำงานครับ รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เก่งมากๆ แล้วก็มีความเป็นมืออาชีพครับ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเขา ทั้งแนวคิดหรือว่าวิธีการทำงานอะไรแบบนี้น่ะครับ ทำให้เรารู้สึกว่าต้องแอคทีฟหรือพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เหมือนเป็นคนคอยกระตุ้นน่ะครับ ทำให้เรารู้สึกว่าต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ด้วย

ELLE: ล่าสุดเห็นว่าต้าห์อู๋เปิดบริษัท ตู๋อ่าห์รับทรัพย์ไม่ จำกัด ช่วยเล่าให้ฟังถึงสเต็ปชีวิตส่วนนี้หน่อย
DAOU: ผมว่าเป็นธรรมดาของคนในวงการที่พอถึงจุดๆ หนึ่งเราก็ต้องเปิดบริษัทขึ้นมาเพื่อจัดการในเรื่องของภาษี ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะมีการวางแผนจัดการการเงินกันอย่างไร ส่วนตัวผมก็เป็นอีกคนที่วางแผนมาเหมือนกัน ก็เลยเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อรองรับอะไรหลายอย่างในอนาคตด้วย อย่างน้อยมันก็ได้ทำมาเพื่อบริหารเงินตัวเอง ส่วนจะขยายขอบเขตของบริษัทเพื่องานส่วนอื่นก็วางแผนเอาไว้ครับ แล้วตอนนี้ก็พยายามเก็บประสบการณ์ด้านนี้เอาไว้ เผื่ออีกสัก 5-10 ปี ถ้ามีโอกาสก็อยากทำ
ELLE: จากตอน LAZ1 มาถึงตอนนี้ก็ถือว่าเดินทางมาไกลแล้ว อาจจะยังไม่ถึงครึ่งทางแต่ก็ถือว่าอยู่ระหว่างทาง จนถึงวันนี้ที่ต้าห์อู๋เปิดบริษัท ส่วนออฟโรดก็ซื้อรถแล้ว มันเหมือนเป็นสเต็ปของผู้ใหญ่เหมือนกันนะ รู้สึกหรือไม่
OFFROAD: ใช่ รู้สึกว่าโตขึ้นครับ ในระยะเวลาการทำงานถ้านับจริงๆ ก็ประมาณ 2 ปี ซึ่งก็ถือว่าน้อยนะ รู้สึกดีใจที่มีคนรักแล้วก็ซัพพอร์ตเราเพิ่มขึ้น มีผู้ใหญ่ให้โอกาสเราได้ลองทำสิ่งต่างๆ แรงสนับสนุนจากแฟนคลับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้ทั้งพี่ต้าห์อู๋และผมมีวันนี้ได้ แล้วก็จริงๆ ต้องขอบคุณพี่ต้าห์อู๋และตัวผมเองด้วยที่สู้กันมาตั้งแต่ day 1 ตั้งแต่วันแรกที่ยังไม่มีอะไรเลยทั้งคู่ จับมือกันลำบากเลยครับ ตั้งแต่ที่พี่เขายังขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งเราที่บ้านอยู่เลยน่ะครับ

ELLE: เหมือนว่าทั้งคู่จะเซอร์วิสแฟนคลับมากพอสมควร ทั้งในไลฟ์ ทั้งในงานอีเวนต์ต่างๆ
DAOU: จริงๆ ผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ในรายการ LAZ iCON แล้ว คือผมชอบไลฟ์น่ะครับ ผมก็เข้าใจนะว่าสำหรับศิลปินท่านอื่นๆ อาจจะเก็บเอาไว้ไลฟ์ในโอกาสต่างๆ มากกว่า แต่ผมเป็นวีเจมาก่อนแล้วไง ก็เลยชอบไลฟ์คุยกับแฟนคลับ ผมชอบคุยอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่านี่เป็นอีกช่องทาง อีกหนึ่งพื้นที่ที่เราจะได้อัพเดตชีวิตกับแฟนคลับ คือเราโตมากับการพูดทุกอย่างกับแฟนคลับอยู่แล้วน่ะครับ เราเป็นแบบนี้ แฟนคลับก็เห็นมาตลอดว่าเราเป็นแบบนี้จริงๆ ก็เลยไม่ได้กลัวการที่จะเอาตัวเองมาอยู่ในโซเชียลนานๆ ให้เขาได้เห็นตัวตนเรา เพราะมันก็เป็นตัวตนเราจริงๆ
OFFROAD: ทั้ง The Way (แฟนคลับออฟโรด) และ Dino (แฟนคลับต้าห์อู๋) ทุกคนน่ารักหมดเลย ผมว่าทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน คือแฟนคลับก็ให้เกียรติศิลปิน ให้เกียรติพวกผม แล้วพวกผมก็ให้เกียรติแฟนคลับ รู้สึกว่าผม appreciate แล้วก็ respect การมีอยู่ของเขามากๆ เพราะว่าพวกเขาเองก็มาเติมเต็มในส่วนที่ขาดของผม คือผมรู้สึกว่าเขามาให้ความสุขเรา เขามาให้กำลังใจในวันที่เราเหนื่อยหรือท้อ เรารู้สึกว่าเป็นเชื้อเพลิงให้กันและกัน
DAOU: แล้วคือจริงๆ ไม่ว่างานของออฟโรด ถึงจะเป็นงานเดี่ยว ส่วนใหญ่ Dino ก็จะไปช่วย คือฝั่งเราก็จะไปช่วยโหวตช่วยอะไรกันอยู่แล้ว ไม่ได้แบ่งอะไรกันขนาดนั้น แค่ว่าธรรมชาติของแฟนคลับจะมีเมนใครกันอยู่แล้ว อย่างเมนผมเขาก็จะรักและเอ็นดูออฟโรดเหมือนกัน แต่ว่าเมนออฟโรดเนี่ยจะรักและเอ็นดูผมหรือเปล่า ก็ต้องถามแม่เขาน่ะครับ (หัวเราะ) เพราะว่าเหมือนกับเขาชอบรู้สึกว่าเราไปแย่งความรักจากลูกเขามา ซึ่งเราไม่ได้แย่งนะ ลูกเขามารักเราเอง (หัวเราะ)

ELLE: อะไรคือ crush ในสายตาของตัวเอง?
DAOU: เสียงครับ จริงๆ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างหน้าตาตัวเองเท่าไร ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะเป็นเด็กอ้วนครับ ก็จะรู้สึกว่าหน้าตาเรามันมีอีกหลายๆ อย่างที่ต้องพัฒนา เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจที่จะเป็นจุดดึงดูดใครขนาดนั้น
OFFROAD: รอยยิ้ม สายตา หรือว่าทัศนคติมั้งครับ การมองโลกหรือว่าอะไรแบบนี้ อันนี้คือผมไม่ได้เคลมตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่าผมค่อนข้างที่จะมองโลกในแง่ดีประมาณหนึ่ง ไม่ได้ดีมากแบบโลกเป็นสีชมพู แต่ผมรู้สึกว่าผมมองในความเป็นจริง ผมว่าความจริงใจคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมจะให้กับแฟนคลับ


ELLE: แล้วถ้าให้พูดถึงกันและกันอะไรคือจุดเด่น?
DAOU: ผมว่าตานะ คือตาเขายิ้มก็น่ารัก อยู่เฉยๆ ก็ดูดี
OFFROAD: พี่อู๋เหรอครับ ผมชอบเสน่ห์ของเขาเวลาทำงาน เวลาอยู่กับครอบครัว ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใจกว้างมากๆ ให้ได้ทุกอย่าง ทั้งใจ ทั้งเงิน อะไรก็แล้วแต่ เขาให้ได้หมด
ELLE: หากสลับร่างกันได้สัก 1 วัน คิดว่าอยากทำอะไรกับอีกฝ่าย?
DAOU: คิดว่าผมจะลองเต้นดูก่อนว่าตัวจะขยับอย่างไร (หัวเราะ) คือเขาเป็นคนที่มี fat น้อย ความยืดหยุ่นมันเลยอาจจะต่ำหรือเปล่า ก็จะไปช่วยดัดตัวให้เขา ถ้าได้เข้าไปสิงในร่าง
OFFROAD: ผมอยากเพอร์ฟอร์มในร่างพี่อู๋ แบบความสามารถแบบพี่อู๋เลย รู้สึกว่าอยากลองเพอร์ฟอร์มบนสเตจใหญ่ด้วยไลน์กว้าง มั่นใจ แบบพี่อู๋ โชว์พลังเสียงเลย ไฮโน้ตเลย (หัวเราะ)


ELLE: ปลายปีที่แล้วเราได้ยินซิงเกิ้ลเดี่ยว ‘ง่ายๆ’ (complete) แล้วก็มีการแสดง ดูแล้วเราน่าจะไปทางสายการแสดงไหมในมุมมองของออฟโรด
OFFROAD: ผมชอบการแสดงมากๆ เลยครับ มันคือการสวมบทบาทในหลายๆ บทบาท ในช่วงชีวิตหนึ่งชีวิตน่ะ บางคนอาจจะเป็นแค่อย่างเดียวไปตลอดชีวิต บางคนจะเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ หรือเปลี่ยนบุคลิกไปเรื่อยๆ ก็ยาก แต่ว่าการเป็นนักแสดงเนี่ยเราสามารถเป็นได้เรื่อยๆ เป็นบุคลิกนี้ เป็นอาชีพนี้ เป็นคาแร็กเตอร์แบบนี้ มีความคิดแบบนี้ ผมมีความรู้สึกว่า เฮ้ย คุ้มนะ มันได้ลองเป็นนู่นเป็นนี่ หรือบางทีมันทำให้เราได้ explore ตัวเองว่าเราชอบอะไรจริงๆ ทุกวันนี้ที่เราทำอยู่หรือว่าที่เราเรียนมา มันอาจจะแบบเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งในความชอบเราก็ได้ ก็ได้ explore ตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ แล้วก็ชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าตอนเด็กๆ น่ะครับ ผมจะชอบไปเช่าหนังแผ่น แบบยุคซีดี ดีวีดี แบบ 3 แผ่น 100 อะไรแบบเนี้ย ผมก็จะขอแม่ละ ในหนึ่งอาทิตย์เนี่ยก็จะขอเช่าหนัง เมื่อก่อนไม่มีคอมพ์ ไม่มีเกม ไม่มีเล่นอะไรพวกนี้ สิ่งที่ช่วยผ่อนคลายสำหรับผมคือการดูหนัง แล้วผมน่ะดูหนังเรื่องเดิมซ้ำๆ หลายๆ รอบ ชอบเก็บดีเทลว่าทำไมเขาแสดงอารมณ์แบบนั้น คือบางทีดูเรื่องเดียวเป็น 10 รอบก็มี ในหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเอาหนังไปคืน (อมยิ้ม)

ELLE: มีคนโดนต้าห์อู๋ตกจากที่ไปออกรายการ Piano & I ได้ร้องเพลงจีนนู่นนี่ ต่อด้วยซิงเกิ้ล เป็นไรมั้ย would you mind?
DAOU: พี่โต๋ (ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร) เขาบอกว่าต้าห์อู๋ร้องเพลงจีนให้หน่อย เพราะว่าเขาได้ไปเห็นคลิปที่เราแมสตอนที่เราไปเสิ่นเจิ้น ผมเลยเลือกเพลงนี้มา ซึ่งเป็นเพลงที่ผมชอบอยู่แล้ว ชอบตั้งแต่ที่ได้ยินพี่จิ่งหลงเขาร้อง รู้สึกว่าเพลงนี้ทำไมมันน่าฟังจัง อยากเอามาร้องจัง พอมีโอกาสก็เลยหยิบเพลงนี้มาร้อง ส่วนปีนี้ก็จะมีซิงเกิ้ลออกมาเรื่อยๆ ครับ แต่เพลงมันไม่มีสูตรสำเร็จน่ะ มันก็จะแอบยากนิดหนึ่ง ในมุมของเรา เราอยากร้องกับแบนด์แบบฟูลเพอร์ฟอร์มานซ์ด้วย เลยคิดว่าจะทำเพลงที่มันมีจังหวะมากขึ้น เป็นตัวเราเองมากขึ้น ให้มันเพอร์ฟอร์มได้ เต้นได้ ทำโชว์สนุก แบบคนดูไม่เบื่ออะไรแบบนี้ครับ


ELLE: ก้าวต่อไปจากนี้หากต้องทำอะไรที่ต้องฉายเดี่ยวโดยที่ทำให้ร่วมงานกันน้อยลง มองภาพตอนนั้นไว้อย่างไรบ้าง
DAOU: จริงๆ ผมก็เข้าใจในมุมของการทำงานว่าอาจจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ลำบาก คือในชีวิตจริงเราก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแยกจากกันอยู่แล้ว ก็คงเป็นกำลังใจให้กันในการทำงาน แต่ในมุมของการทำงานเดี่ยวในอนาคตถ้ามันมีโอกาสจริงๆ หรือผู้ใหญ่อาจจะอยากให้ลองไปทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง หรือว่ามีโอกาสอื่นๆ เข้ามา ผมก็รู้สึกว่าไหนๆ ได้เข้ามาในวงการแล้วก็อยากลองทำทุกอย่าง ส่วนตัวน้องเองมีความสามารถในด้านการแสดง ก็เลยรู้สึกว่าสักวันหนึ่งมันก็อาจจะต้องแยกกันไปทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อที่เราจะได้ register ได้ว่าเราเป็นนักแสดงจริงๆ
OFFROAD: ก็ถ้าต้องแยกย้ายกันไปเติบโตจริงๆ ผมก็คิดว่าผมมองภาพตัวเองเห็นว่าเป็นนักแสดง เป็นนักแสดงเลย อยากจะเก่งแบบพี่ต่อ-ธนภพ ผมชอบพี่เขามาก เวลาเขาแสดง อินเนอร์เขาดี ดีมาก แล้วก็อยากจะเป็นนักแสดงที่จริงใจกับคนดู เข้าถึงบทบาทนั้นจริงๆ ก่อนที่จะไปถึงคนดูเนี่ย ต้องจริงใจกับคาแร็กเตอร์ให้ได้ อยากจะเก่งถึงขั้นนั้นเลยน่ะครับ

ELLE: ทั้งคู่อยากลองทำอย่างอื่นเป็นพิเศษไหม ถ้าไม่นับเล่นซีรี่ส์และร้องเพลง?
DAOU: ดีเจก็น่าสนใจครับ แต่จริงๆ ก็รู้สึกว่าอยากลองทำอะไรที่มันท้าทายความสามารถตัวเองมากๆ ดู เช่น การเพอร์ฟอร์มคนเดียวในสเตจ หรืออย่างละครเวที ซึ่งก็อาจจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการแสดงเพิ่มเติมอีก ต้องดูอะไรหลายๆ อย่างประกอบกันครับ เพราะถ้ามีอะไรที่น่าสนใจเข้ามา ผมก็คงรับหมด
OFFROAD: พิธีกรก็ชอบนะครับ อยากรู้ชีวิต อยากรู้ทัศนคติของคน เหมือนคุยกับพี่ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ พี่นึกคิดอย่างไร การที่พี่มาอยู่ตรงนี้ อายุเท่านี้ พี่ผ่านอะไรมาบ้าง อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนว่าถ้าจะเป็นแบบนี้ทำแบบนี้ต้องผ่าน กระบวนการอย่างไร การสัมภาษณ์คนเป็นอีกหนึ่งงานที่มีเสน่ห์น่าค้นหาเหมือนกัน อีกสิ่งที่ผมอยากทำก็คือการถ่ายแบบ อย่างที่มาถ่ายวันนี้ผมชอบเลย มันเหมือนการสื่อสารอีกแบบหนึ่ง เป็นการเพอร์ฟอร์มอีกแบบผ่านทางร่างกาย สีหน้า แววตา ทุกอย่าง ผมชอบการถ่ายภาพนิ่ง มันเหมือนไทม์แคปซูล สมมติเราถ่ายรูปไว้น่ะ แล้วอายุ 50 เรากลับมาดู เฮ้ย เราเคยแบบนี้นี่หว่า มันไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เหมือนเมื่อวานนี้คืออดีตไปแล้วน่ะ

ELLE SAYS
ต้าห์อู๋และออฟโรดกำลังเตรียมสำหรับโปรเจ็กต์ซีรี่ส์ที่แสดงคู่กัน โดยเป็นผลงานที่เผยว่าโตขึ้นจาก รักไม่รู้ภาษา เมื่อปีที่ผ่านมา ร่วมในคอนเสิร์ต Mystery Box (กับแจม-รชตะ, ฟิล์ม-ธนภัทร ฯลฯ) ช่วงเดือนมีนาคม ต่อด้วยมีงาน Fan Con ของตัวเองในช่วงเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ทั้งเดี่ยวและคู่ให้รอติดตามต่อไปอีกด้วย
Photographer : Manosit Boonnon
Digital Fashion Editor : Piphacha Vonpiankul
Make up : Thanachok Siriveeraphan
Hair : Sirasit Sirikarin
Assistant Photographer : Supasit.sooksawat , Kachapon Panuditeekun
Assistant Stylist : Kutchanon Prempool , Tanawat Nitithanaiyaphong