เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรา ‘อ้วน’ หรือเป็น Obesity แล้ว? คุณหมอแอมป์-นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ นายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO) และประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic มาให้คำแนะนำการดูแลป้องกันสุขภาพก่อนป่วยในเชิงลึกแบบไม่กั๊ก เพราะ ‘การเริ่มต้นดูแลร่างกาย ไม่มีคำว่าสายเกินไป’
ELLE: คลินิก BDMS Wellness Clinic เน้นให้คำปรึกษาด้านสุขภาพในรูปแบบไหนบ้าง?
หมอแอมป์: นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถผู้ก่อตั้งบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้มอบคติให้กับทีมงานBDMS Wellness Clinic ว่า ‘Health Brings Wealth’ สุขภาพดีคือสิ่งที่มีค่าที่สุด หากเรามีสุขภาพแข็งแรง จะสามารถไปถึงสิ่งที่เราคาดหวัง หรือฝันเอาไว้ได้ เพราะในชีวิตของคนเรามีหลายอย่างที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เรื่องความสำเร็จ ตำแหน่งหน้าที่ ครอบครัว แต่ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่อาจเป็นจริงได้หากเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ฉะนั้น BDMS Wellness Clinic จึงให้บริการดูแลสุขภาพที่มุ่งเน้นการดูแลป้องกัน และเสริมสร้างสภาวะสุขภาพ เพราะอยากให้ทุกคนมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ โดยมีทีมคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันและเวชศาสตร์วิถีชีวิต ช่วยวางแผนในการดูแลสุขภาพโดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ การตรวจร่างกายในเชิงลึกเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างละเอียด ที่สำคัญคือการนำผลตรวจนั้นมาวางแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลให้เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งอาหาร วิตามิน การออกกำลังกาย การดูแลผมและผิวพรรณ ฯลฯ เพื่อให้สามารถมีสุขภาพที่ดี รูปร่างที่เหมาะสม เพราะความแก่ชราตามอายุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากเราดูแลร่างกายตัวเอง ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ดีต่อสุขภาพ ก็จะเพิ่มโอกาสในการมีความสุข สุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน
ELLE: เทรนด์ของปัญหาสุขภาพในตอนนี้ที่คนไข้ส่วนใหญ่เข้ามารับการปรึกษาและทำการรักษา?
หมอแอมป์: ปัจจุบันเทรนด์การดูแลด้านภูมิคุ้มกัน และการจัดการโรคอ้วน เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจมารับคำปรึกษา ผู้มารับบริการ ส่วนใหญ่เป็นคนสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวหนักๆ แต่มีความสนใจในการดูแลสุขภาพ ไม่อยากเจ็บป่วย และอยากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลตนเองด้วยวิธีการที่ทันสมัยและเชื่อถือได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรค องค์การอนามัยโลกรายงานผลกระทบ ผู้ป่วยโรคอ้วนที่ติดเชื้อโควิด 19 มีโอกาสเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าคนปกติถึง 7 เท่า สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2566 พบว่า ประชากรไทยที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง 48.35% ซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคอื่นอีกมากมาย อาทิ โรค ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก โรคนอนไม่หลับ กลุ่มโรคมะเร็ง เป็นต้น
นอกจากการดูแลน้ำหนักตัวที่เรามักจะใช้ค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI เป็นเกณฑ์พิจารณาความอ้วนแล้ว แพทย์แนะนำให้วัดองค์ประกอบร่างกายอย่างละเอียดด้วยเครื่อง DEXA (Dual-Energy X-ray Absorptiometry) เพื่อประเมินสัดส่วนไขมันกล้ามเนื้อ กระดูก ทั้งหมดของร่างกาย ซึ่งสามารถบอกได้ถึงความอ้วน ความเสี่ยงโรคต่างๆ และใช้ในการติดตามการลดน้ำหนักได้แม่นยำขึ้น ซึ่ง BMI อาจไม่ใช่วิธีการที่แม่นยำมากนัก
เพราะไม่สามารถประเมินองค์ประกอบของร่างกายได้ เช่น บุคคลที่มี BMI เท่ากัน อาจมีสัดส่วนกล้ามเนื้อและไขมันไม่เท่ากัน ระดับการเผาผลาญไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลกับปัญหาสุขภาพที่ต่างกัน ฉะนั้นเราควรจะพิจารณาให้ดีเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและดูแลตัวเองได้ในระยะยาว
ELLE: ทราบมาว่าทาง BDMS Wellness Clinic นำเสนอการให้ความรู้ด้าน Wellness และ Obesity ช่วยอธิบายสองอย่างนี้ให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะว่าคืออะไร?
หมอแอมป์: เริ่มต้นเราต้องเข้าใจก่อนว่า คำว่า ‘Wellness’ หมายถึงอะไร ‘เวลเนส’ คือการฝึกนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ ในการเลือกที่จะปฏิบัติและดูแลให้เรามีพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งไม่ได้มีเพียงมิติทางด้านสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สุขภาพใจ สุขภาพทางอารมณ์ รวมถึงด้านจิตวิญญาณ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี
‘Obesity’ หรือโรคอ้วน รวมถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยด้านพฤติกรรมการดำเนินชีวิต (Lifestyle), สิ่งแวดล้อม, และความเครียด การดูแลสุขภาพแบบเวลเนสจึงมีบทบาทอย่างมากในการเข้ามาแก้ปัญหาโรคอ้วน เพราะเวลเนสจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง มีการตรวจวัดร่างกายด้วยเครื่องมือต่างๆ พร้อมทั้งคำแนะนำการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง, การปรับอาหารเสริม และปัจจุบันการตรวจเลือดและเครื่องมือต่างๆ ทางเวลเนสพัฒนาไปมาก ซึ่งสามารถช่วยค้นหาปัจจัยที่ทำให้การควบคุมน้ำหนักยั่งยืนขึ้น ทั้งการดูแลฮอร์โมนที่จำเป็น เช่น คอร์ติซอล เลปติน อินซูลิน การดูแลระบบเผาผลาญ และควบคุมความอยากอาหาร ปรับการดูแลเป็นเฉพาะบุคคล (Precision Medicine) หากใครที่มีสุขภาพดีอยู่แล้วก็ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรือคนอ้วนในระดับความรุนแรงต่างๆ ก็สามารถช่วยรักษาอย่างเข้าใจไลฟ์สไตล์ให้กลับมามีสุขภาพดีและรูปร่างที่ดีอย่างสมดุล
ELLE: ไลฟ์สไตล์หรือปัจจัยภายนอกอะไรบ้างที่ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน?
หมอแอมป์: ข้อแรกเลยคือเรื่องการนอนหลับ ถ้าเรานอนหลับไม่เพียงพอและคุณภาพการนอนไม่ดี ส่งผลต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความอิ่ม หรือที่เรียกว่า ‘ฮอร์โมนเลปติน’ ลดลง ตรงกันข้าม ‘ฮอร์โมนเกรลิน (ฮอร์โมนกระตุ้นความหิว)’ และ ‘ฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด)’ เพิ่มสูงขึ้น กระตุ้นให้ผู้ที่นอนน้อยรู้สึกหิวมากขึ้น โดยผู้ที่นอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมง มีแนวโน้มจะรับประทานอาหารในวันรุ่งขึ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 300 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และผู้ที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมง จะมีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนมากขึ้น 1.55 เท่า
ข้อที่สองรับประทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ การกินของหวาน มัน เค็ม ของทอดและขนมอบเบเกอรี่มากเกินไป เช่น น้ำหวาน ขนมหวาน น้ำอัดลม ชานมไข่มุก นมเปรี้ยว ครัวซองค์ อาหารฟาสต์ฟู้ด หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างไส้กรอก แหนม กุนเชียง หมูยอ ซึ่งเป็นอาหารไขมันสูง และหากรับประทานไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้นเท่านั้น
ข้อที่สามการขาดการออกกำลังกาย หลายคนทำงานที่ต้องนั่งโต๊ะตลอดวัน พึ่งพารถยนต์มากกว่าการเดินหรือขี่จักรยาน รวมถึงมักเลือกดูทีวี ท่องอินเทอร์เน็ต ในเวลาว่างแทนการออกกำลังกาย หากเราเคลื่อนไหวร่างกาย
น้อยจะทำให้เกิดโรคอ้วนได้
ข้อที่สี่ความเครียดสะสม ความเครียดกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอลมากเกินไป ซึ่งกระทบถึงกระบวนการทำงานของเซลล์ ทำให้ร่างกายกักเก็บไขมันมากขึ้น และกระตุ้นความอยากอาหาร รู้สึกอยากกินมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารพลังงานสูง เช่น ของทอด น้ำหวาน ขนมหวาน และเมื่อเรารู้สึกเครียดหรือซึมเศร้า อาจทำให้รู้สึกไม่อยากออกกำลังกาย
ข้อที่ห้าสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่เพิ่มภาวะดื้อต่ออินซูลิน และยังสัมพันธ์กับการสะสมไขมันในช่องท้อง การสูบบุหรี่จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเมแทบอลิกซินโดรม และโรคเบาหวาน ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดเป็น empty calories คือให้เพียงแต่พลังงาน แต่ไม่มีคุณค่าสารอาหารใดๆ เลย
ELLE: สำหรับคนที่ต้องการมีน้ำหนักและสัดส่วนที่เหมาะสมทาง BDMS Wellness Clinic มีโปรแกรมการรักษาแต่ละบุคคลอย่างไรบ้าง?
หมอแอมป์: ที่ BDMS Wellness Clinic จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล มีโปรแกรมดูแลสุขภาพที่มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หลากหลายโปรแกรม โดยยึดหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) โดยมีแพทย์และทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมดูแลอย่างใกล้ชิด (Health and wellness coaches; HWCs) อาทิ นักกำหนดอาหาร นักกายภาพบำบัด เทรนเนอร์การออกกำลังกาย ซึ่งแตกต่างจากการรักษาทั่วไป โดยมีเป้าหมายการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ ได้แก่ การตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อดูปริมาณสารอาหาร วิตามิน หรือฮอร์โมนที่จำเป็น และวัดสัดส่วนและองค์ประกอบของร่างกาย (Body composition), การวัดระดับไขมันพอกตับด้วยเครื่อง MRI แบบไม่ฉีดสี, ให้คำแนะนำการรับประทานอาหาร คำนวณแคลอรี่ สารอาหาร ออกแบบโปรแกรมออกกำลังกาย, ให้คำแนะนำเรื่องระบบเผาผลาญ, ให้คำแนะนำเรื่องการควบคุมความอยากอาหารแบบไม่ทรมาน, วางแนวทางการนอนหลับที่มีคุณภาพ ข้อสุดท้ายเพิ่มการจัดการกับความเครียด สร้างสภาวะทางอารมณ์ที่ดี