สำหรับนักเดินทางมือใหม่ที่ต้องการสวรรค์แห่งการพักผ่อนอันสวยสะกดใจอย่างมัลดีฟส์ หรือผู้ที่ไปเยี่ยมเยือนมาแล้วหลายครั้ง Anantara Dhigu Maldives น่าจะเป็นตัวเลือกชั้นดีที่ควรไปเช็กอินให้ได้ ประการแรกคือรีสอร์ตแห่งนี้ที่เกาะรูปวงแหวน Dhigufinolhu เต็มไปด้วยแนวปะการังทางตอนใต้ของ Malé ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติเพียง 21 กม. ทำให้ไม่ต้องพึ่ง seaplane แค่ใช้เวลา 35 นาทีโดยสปีดโบ๊ตก็ถึงจุดหมายปลายทางแห่งนี้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ไม่พิสมัยการเดินทางโดยเครื่องบินเล็ก หรือครอบครัวที่สมาชิกสูงวัยและเด็กเล็ก ประการต่อมาบริเวณนี้เป็นประหนึ่งลากูนที่โอบล้อมด้วยรีสอร์ตเพื่อนบ้านในเครืออีก 2 แห่งคือ Anantara Veli Maldives และ Naladhu Private Island เกิดเป็นอาณาจักรกลางน้ำที่ให้ความเป็นส่วนตัว เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นที่เหมาะกับ สมาชิกทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ที่นี่ยังมาพร้อมมาตรฐานการให้บริการระดับลักชัวรี่ สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล เนื่องด้วยพนักงานได้รับการเทรนให้สามารถดูแลแขกผู้เข้าพักทุกประเภท พร้อมให้ข้อมูลและการบริการตลอด 24 ชั่วโมง
ที่พักจำนวน 110 หลังอันประกอบไปด้วยวิลล่าริมหาด วิลล่าเหนือน้ำ และพูลวิลล่า ทั้งหมดได้บรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนริมทะเล โปร่งโล่งด้วยกระจกจากพื้นจดเพดาน อ่างอาบน้ำแบบลอยตัวช่วยเพิ่มอรรถรสและความโรแมนติก ที่นี่ยังเพิ่มห้องพักแบบล่าสุดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาด้วย Deluxe Sunset Over Water Pool Villa จำนวน 4 หลังขนาดกว้างขวาง 129 ตร.ม. มีทางเดินลงสู่ผืนน้ำใสดุจคริสตัลเบื้องล่าง มีสระว่ายน้ำแบบ infinity pool ขนาดใหญ่ เหมาะกับใช้เวลาชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ ตรงนั้น มาพร้อมบริการผู้ดูแลวิลล่าแบบส่วนตัว รูปทรงของเกาะที่ตั้งเป็นแนวยาวจึงจัดวางวิลล่าเหนือน้ำไว้ปลายฝั่งหนึ่งอันสร้างความเงียบสงบ ส่วนวิลล่าที่เหลือซ่อนตัวเรียงรายอยู่รอบเกาะท่ามกลางต้นไม้เขียวชอุ่ม มีทางเดินสู่ชายหาดทรายขาวละเอียด ให้สามารถออกไปเพลิดเพลินกับน้ำใสสะอาดได้ทุกเมื่อ
หากเพลิดเพลินเอนกายใช้เวลาภายในห้องพักยังไม่เพียงพอ การเดินเล่นหรือปั่นจักรยานเพื่อชมทัศนียภาพรอบๆ เกาะก็ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่นัก ตรงส่วน jetty ตั้งแต่ตอนเทียบเรือเมื่อมาถึง เดินตรงมาคือส่วนล็อบบี้ ขวามือไม่ไกลกันนักคือสระว่ายน้ำหลักขนาดใหญ่ที่สามารถมาเติมความสุขกับครอบครัวได้ทั้งวัน บางทีอาจเห็นหมู่นกอย่างนกกระสามาทอดขาไปมาไม่ห่างคนด้วยความคุ้นชิน ภายในรีสอร์ตยังมีบริการตามมาตรฐานครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนสเซ็นเตอร์พร้อมคลาสออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ส่วนตัว มีพื้นที่สำหรับเล่นเทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน ปิงปอง หมากรุก และเปตอง มีศูนย์กิจกรรมทางน้ำรวมถึงโรงเรียนสอนเล่นเซิร์ฟ Tropicsurf มี Kid’s Zone โฉมใหม่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและในร่มสำหรับเด็ก ความพิเศษยังอยู่ที่ Anantara Spa เหนือน้ำ ให้บริการห้องทรีตเมนต์ทั้งแบบห้องไพรเวตเหนือน้ำที่สามารถมองปลาแหวกว่ายตรงพื้นกรุกระจก และแบบศาลากลางแจ้งเพื่อการนวดแผนไทยโดยเฉพาะ ทั้งยังมีบริการห้องนวดหน้า ซาลอนเสริมสวย และซาลอนทำผม
ส่วนด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อแต่ละมื้ออันเปี่ยมไปด้วยรสชาติและบรรยากาศนั้นไม่ต้องพูดถึง Anantara Dhigu Maldives มอบตัวเลือกอันหลากหลายไม่ว่าจะสำหรับนักเดินทางฉายเดี่ยว คู่รัก หรือครอบครัว ‘Sea.Fire.Salt’ เสิร์ฟอาหารประเภทย่างโดยมีทั้งปลาและซีฟู้ดสดใหม่จากพื้นที่รวมถึงเนื้อ ส่วน ‘Aqua’ โดดเด่นด้วยอาหารอิตาเลียนหลากรสชาติ สำหรับ ‘Fushi Café’ ให้บริการอาหารเช้าและอาหารค่ำตามธีม พร้อมยังมีซอมเมอลิเยร์ที่สามารถแนะนำไวน์แพริ่งจากโลกเก่าและโลกใหม่เพื่อเพิ่มอรรถรสให้ดินเนอร์มื้อพิเศษอันน่าจดจำ และยังมีบาร์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนอย่าง ‘The Yellow Fin Bar’ ภายในอาคารโครงสร้างไม้ 2 ชั้นแสนโอ่อ่าทว่าดูอบอุ่นเป็นกันเอง ให้บริการในแบบ ‘Adult Only’ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มสูตรพิเศษสุดสร้างสรรค์ที่มีไฮไลต์เป็นส่วนผสมซิกเนเจอร์เป็นสาหร่ายวากาเมะ คอมบุ และบลูสไปรูลิน่า
นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเปลี่ยนบรรยากาศไปเพลิดเพลินกับร้านอาหารอื่นจาก Anantara Veli Maldives ที่อยู่เกาะใกล้เคียงได้ด้วย โดยมีทั้ง ‘Origami’ ให้บริการอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัย, ‘Cumin’ เสิร์ฟอาหารมัลดีฟส์ อินเดีย และศรีลังกาที่รสชาติไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิด, ‘Dhoni Bar’ เชี่ยวชาญด้านทาปาสสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน และอีกร้านที่พลาดไม่ได้คือร้านอาหารไทย ‘Baan Huraa’ ซึ่งตั้งอยู่โซนแนวปะการังด้านนอก
ไล่เรียงมาเสียขนาดนี้ต้องลองไปสัมผัสประสบการณ์จริงให้ได้สักครั้ง ส่วนจะเลือกพักวิลล่าแบบเหนือน้ำเพื่อปลีกวิเวกฟังเสียงคลื่นกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย หรือวิลล่าริมหาดที่ธรรมชาติรอบด้านชี้ชวนให้ออกไปนอนอาบแดดและใช้ชีวิตกลางแจ้ง พร้อมกิจกรรมที่ทำเท่าไรก็ไม่ครบจบในเวลาสั้นๆ ทั้งหมดนั้นก็ตามแต่ใจปรารถนา
ELLE RECOMMENDS
ห้ามพลาดกับ Sundown Ceremony ยามพระอาทิตย์ตกที่ทางรีสอร์ตจะมีแจ้งตามวันที่กำหนด โดยเป็นพิธีพร้อมเพลงโบราณ Boduberu เพื่อจุดไฟโดยรอบตามประเพณีดั้งเดิมเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่ความงามและความมหัศจรรย์ของพระอาทิตย์อัสดง ณ มัลดีฟส์ หรือลองไปปิกนิกที่หาดส่วนตัวและถ่ายรูปเล่นกับเปลกลางน้ำก็นับเป็นกิจกรรมยอดนิยม และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบโลกใต้ทะเลลองดำน้ำตื้นชมปะการังหลากสีรอบรีสอร์ต หากโอกาสอำนวยในช่วงระหว่างเดือน ส.ค.-ธ.ค. อาจได้แหวกว่ายไปพร้อมกับฝูงปลากระเบน และเห็นได้ตลอดทั้งปีกับฉลามวาฬบริเวณใกล้กับ Ari Atoll นอกจากนี้หากมีเวลาลองจองแพ็กเกจเพื่อไปว่ายน้ำกับปลาฉลามเพื่อประสบการณ์ครั้งสำคัญของชีวิต