Monday, November 3, 2025

ปลดล็อคศักยภาพ Skin Intelligence เปิดประตูสู่ผิวสวยดูเรเดียนส์ด้วย Key Radiance Care สูตรใหม่จาก Clé de Peau Beauté

แน่นอนว่ารูปแบบของผิวที่หลายๆ คนในปัจจุบันถวิลหานั้นคือผิวที่เปล่งปลั่งพร้อมด้วยสุขภาพผิวที่ดีจากภายใน ไม่ได้เพียงแค่ต้องการผิวที่สว่างหรืออิ่มฟูเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์สกินแคร์สัญชาติญี่ปุ่นพัฒนาชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันสามขั้นตอน Key Radiance Care ให้ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น หลังจากที่เราได้สัมผัสกับสูตรที่ยกระดับขึ้นของสมาชิกดาวเด่นในคอลเล็กชั่นนี้อย่าง
Le Sérum ในปีที่ผ่านมา มาถึงปีนี้สมาชิกชิ้นอื่นๆ ก็ถูกยกระดับให้ตอบโจทย์ในการช่วยให้การทำงานของผิวให้เต็มประสิทธิภาพและสอดคล้องไปกับกลไลการทำงานของผิวได้อย่างดี เพื่อผลลัพธ์ของผิวที่เปล่งปลั่งจากภายใน แข็งแรง และเรียบเนียน 

คุณ Kiyoshi Sato ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีจาก Clé de Peau Beauté Laboratory กล่าวถึงการพัฒนากลุ่มสกินแคร์ Key Radiance Care ในครั้งนี้เอาไว้ว่า “ด้วยประสบการณ์ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านความเปล่งปลั่งของผิว ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีทางเลือกอื่นๆ ในการช่วยสร้างผิวให้ดูดี อาทิหัตถการที่พัฒนาขึ้นทุกๆ วัน แต่ความสำคัญของสกินแคร์ที่ช่วยบำรุงผิวนั้นก็ยังสำคัญอยู่ โดยผลลัพธ์ของหัตการนั้นอาจจะเห็นผลได้เร็วสำหรับข้อกังวลบนผิวแบบเฉพาะจุด แต่ความยั่งยืนนั้นอาจจะไม่ได้มีมากนัก ส่วนสกินแคร์นั้นจะช่วยบำรุงผิวของคุณในทุกๆ วัน บำรุงลึกสู่ผิวด้านใน ซึ่งระหว่างที่คุณทาสกินแคร์นั้นคุณก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงสภาพผิวในแต่ละวันของคุณได้อย่างชัดเจน ผมจึงต้องการจะพัฒนาสกินแคร์ที่บำรุงผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน” 

กิจวัตรของ Key Radiance Care นั้น ถูกออกแบบมาด้วยขั้นตอนแรกอย่าง Le Sérum เพื่อปลุกผิวและช่วยกระตุ้น Skin Intelligence หรือความสามารถโดยธรรมชาติของผิวในการแยกแยะสิ่งกระตุ้นที่เป็นประโยชน์และเป็นอันตรายต่อผิว ต่อจากนั้น ก็จะเป็นขั้นตอนของ Lotions ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ได้รับการพัฒนาสูตรในครั้งนี้ โดยโลชั่นทั้งสองสูตรอย่าง Hydro-Softening Essence Lotion และ Hydro-Clarifying Essence Lotion มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสที่สบายผิว โดยสามารถเลือกใช้เป็นน้ำตบลงบนผิวด้วยฝ่ามือ หรือใช้คู่กับสำลีก็ได้เช่นกัน ผสานไว้ด้วยส่วนผสมที่พัฒนาขึ้นโดย Clé de Peau Beauté อย่าง Fortified Amino Ferment ที่มีสารสกัดจาก Rice Koji เป็นหัวใจหลัก ตัวข้าวผ่านการหมักบ่มตามแบบฉบับของการทำสาเกของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน คัดเลือกข้าวเมล็ดที่สมบูรณ์แบบมาใช้ เพื่อดึงเอากรดอะมิโนที่ทรงประสิทธิภาพในข้าวออกมาไว้ในส่วนผสมหลักครั้งนี้ 

โดย Fortified Amino Ferment ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนกว่า 15 ชนิดที่คล้ายคลึงกับกรดอะมิโนตามธรรมชาติที่อยู่ใน Natural Moisturizing Factor (NMF) ซึ่งสามารถช่วยให้ผิวต้านทานต่อความเสียหายที่เกิดจากความแห้งกร้านได้ดียิ่งขึ้น พร้อมยังผสานเข้ากับ Nutrihydro-Stock Tchnology ที่ช่วยส่ง NMF สู่ผิวได้โดยตรง และเต็มประสิทธิภาพ เพื่อมอบความชุ่มชื่นและช่วยปรับโทนสีผิวให้แลดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในสูตร Hydro-Softening Essence Lotion นั้นยังมีสารสกัด Rosemary Leaf Extract ที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นในระดับเข้มข้นให้กับผิว พร้อมยังเข้าไปฟื้นฟูและปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน ส่วน Hydro-Clarifying Essence Lotion จะมี Witch Hazel Leaf Extract  ทำให้เอสเซนส์ โลชั่นสูตรนี้ทรงประสิทธิภาพในการมอบความชุ่มชื่นให้กับผิว ไปพร้อมกับการช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ให้ผิวรู้สึกชุ่มชื่นเปล่งปลั่ง

อีกหนึ่งสมาชิกที่ได้รับการยกระดับในครั้งนี้เช่นกันก็คือกลุ่ม Moisturizers ที่แบ่งออกเป็น 2 เนื้อสัมผัสทั้ง Emulsion และ Advanced Cream เพื่อตอบโจทย์ทุกสภาพผิว มาให้คุณได้เลือกใช้ทั้งสำหรับการบำรุงผิวในช่วงกลางวันและกลางคืน โดยการพัฒนาสูตรในครั้งนี้ Clé de Peau Beauté Laboratory ได้หยิบยกข้อมูลจากการวิจัยเกี่ยวกับ Skin Circadian Rhythm หรือนาฬิกาชีวภาพของผิวที่เป็นตัวแปรสำคัญในการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิว ซึ่งได้พบว่าในผิวมี Clock Genes หรือยีนส์นาฬิกาชีวภาพภายในเซลล์ผิว โดยเฉพาะในองค์ประกอบของเซลล์ผิวที่ช่วยรักษาความกระชับและความยืดหยุ่น ซึ่งแบ่งออกเป็นยีนส์ที่ทำงานได้ดีในช่วงกลางวันและทำงานได้ดีในช่วงกลางคืนตามการใช้ชีวิตของร่างกายมนุษย์ เพื่อสร้างสมดุล ฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

จากการทำงานของผิวที่แบ่งเป็นเวลากลางวันและกลางคืนนั้น ต่อยอดมาสู่การทำงานของกลุ่ม Moisturizers แบบ Day & Night Rhythm ผ่านสองเทคโนโลยีอย่าง Day Rhythm Fine-Tune Technology เทคโนโลยีสำหรับช่วงกลางวันที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปกป้องความอ่อนเยาว์ของผิว ประกอบไปด้วย Hydrangea Serrata Leaf Extract ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานตามธรรมชาติของผิวในช่วงวัน ที่มีอยู่ใน Protective Day Emulsion และ Advance Protective Day Cream ส่วนในเวลากลางคืนนั้น Night Rhythm Fine-Tune Technology ที่ช่วยเรียกคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวขณะพักผ่อน ประกอบด้วย Bitter Orange Flower Extract ที่สนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูผิวในช่วงค่ำคืน ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่รู้สึกแน่นกระชับ ยืดหยุ่น เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ มีอยู่ใน Intensive Night Emulsion และ Advance Intensive Night Cream การผสมผสานของเทคโนโลยีทั้งสองนี้ทำให้ผิวได้รับการดูแลอย่างสมบูรณ์แบบตามจังหวะนาฬิกาชีวิตที่แท้จริง

ปิดท้ายด้วยความหรูหราของแพ็กเกจจิ้งล่าสุดที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม โดยในกลุ่มของ Lotions นั้นเปลี่ยนจากขวดพลาสติกที่หลายคนคุ้นเคยสู่ขวดแก้วมีน้ำหนักในทรงโค้งมนสวยงาม โดย Hydro-Softening Essence Lotion มาในขวดสีทองสว่างและ Hydro-Clarifying Essence Lotion มาในขวดใสสวยงาม ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Moisturizers ถูกแบ่งเฉดสีออกตามช่วงเวลาที่แต่ละผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาให้ใช้ โดย Protective Day Emulsion และ Advance Protective Day Cream จะมาในขวดและกระปุกสีขาวไล่เฉดมาเป็นสีทอง ส่วน Intensive Night Emulsion และ Advance Intensive Night Cream จะมาในขวดและกระปุกสีน้ำเงินไล่เฉดมาเป็นสีทอง


รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ Clé de Peau Beauté ทุกสาขา หรือเว็บไซต์ทางการได้ที่ www.cledepeau-beaute.co.th

Latest Posts

Don't Miss