กระแสเทรนด์ต่างๆ นั้นไหลมาและไปไวเสมอ เช่นเดียวกับวงการเคป๊อบที่เผลอพริบตาเดียว เราก็ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 5 กันแล้ว แต่ไม่ว่าคุณจะเริ่มเข้าสู่วงการแฟนเคป๊อบตั้งแต่ยุคไหน ก็ต้องเคยได้ยินชื่อ G-DRAGON อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในฐานะไอดอลคนแรกๆ ที่คุณชื่นชอบ ไอดอลที่ไอดอลคนโปรดของคุณชื่นชม แฟชั่นไอคอนแห่งเคป๊อบ หรือแม้กระทั่งผู้ริเริ่มเทรนด์ต่างๆ ที่ยังทรงอิทธิพลมาจนถึงทุกวันนี้ และเนื่องในโอกาสการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ G-DRAGON กับอัลบั้มเต็ม Übermensch ในรอบ 12 ปี แอลจึงขอพาคุณมาสำรวจข้อเท็จจริง 5 ประการที่เป็นเครื่องยืนยันว่า เขาคนนี้นี่แหละ คือตำนานที่ยังมีลมหายใจแห่งวงการเคป๊อบ
From Kwon Ji Yong
จุดเริ่มต้นของมังกรผู้ยิ่งใหญ่แห่งเคป๊อบนั้นคือเด็กชาย ควอนจียง ด้วยวัยเพียง 6 ปีเท่านั้น จียงเริ่มต้นเส้นทางสายศิลปินจากการเป็นสมาชิกวง Little Roo’Ra เวอร์ชั่นจิ๋วของวงดังในตำนาน Roo’Ra พร้อมออกอัลบั้มเพลงคริสต์มาส นอกจากนี้เขายังเคยไปออกรายการเด็ก Bbo Bbo Bbo ของช่อง MBC อีกด้วย แม้ก้าวแรกอาจจะไม่ได้เป็นดังใจหวังนักจนจียงเอ่ยปากบอกกับแม่ว่า “จะไม่เป็นนักร้องอีกต่อไป” แต่หารู้ไม่ว่านั่นจะกลายเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพาเขาไปสู่การเป็นตัวพ่อของวงการเพลงเกาหลีในอนาคต
เวลาต่อมา จียงก็ได้เข้าตาแมวมองของทาง SM Entertainment และกลายเป็นเด็กฝึกภายใต้ต้นสังกัดนั้นเป็นเวลากว่า 5 ปี โดยเน้นไปที่ทักษะการเต้นเป็นหลัก ก่อนจะออกจากค่ายในวัย 13 ปี หลังจากได้รู้จักกับวงแรพสัญชาติอเมริกันอย่าง Wu-Tang Clan จียงก็เริ่มค้นพบความสนใจทางด้านการแรพและฝึกฝนอย่างจริงจังจนกลายมาเป็นแรพเปอร์ตัวน้อยที่น่าจับตา ซึ่งภายหลังก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับยางฮยอนซอก และเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกของ YG Entertainment โดยจียงเลือกใช้สเตจเนมว่า ‘G-DRAGON’ ซึ่ง G มาจากชื่อ จี และ Dragon ที่แปลว่ามังกร ก็มาจากชื่อ ยง นั่นเอง
BANG BANG (BIG)BANG
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของ G-DRAGON ที่พาให้เขาเป็นที่รู้จักทั้งในวงการเพลงเกาหลีและโด่งดังไปทั่วโลก คือการเป็นลีดเดอร์แห่งวง ’BIGBANG’ ที่เดบิวต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ปี 2006 ที่ YG Family 10th Anniversary Concert ณ Olympic Gymnastics Arena พร้อมผลงานซิงเกิ้ลอัลบั้มแรกในชื่อ BIGBANG เช่นเดียวกัน และในเวลาต่อมา เพลง LIES ที่เขียนเนื้อร้องและทำนองโดย G-DRAGON ก็ได้จุดกระแสความนิยมให้กับวงไปทั่วทั้งเอเชียจนกวาดรางวัลบนเวทีใหญ่ๆ นับไม่ถ้วน
BIGBANG ยังคงสานต่อความปังอย่างเนื่องด้วยผลงานเพลงฮิตที่ปล่อยออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น BANG BANG BANG, Fantastic Baby, Last Farewell หรือ Haru Haru ที่พาพวกเขาทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด และครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของ Melon Chart ในประเทศเกาหลีใต้เป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนเต็ม ตลอดจนกลายเป็น ‘วงแรก‘ ในหลายๆ ปรากฏการณ์ของวงการเคป๊อบ ทั้งบอยกรุ๊ปวงแรกที่สามารถทำ Perfect All-Kill (PAK), พุ่งสู่อันดับหนึ่งในทุกชาร์ตเพลง และเป็นวงแรกที่ติดชาร์ท Billboard 200 ด้วยเพลงภาษาเกาหลีกับอัลบั้ม Alive รวมถึงยังเป็นวงแรกที่คว้ารางวัลจากเวทีระดับโลกอย่าง 2011 MTV European Music Awards ในสาขา Best Worldwide Act ไปได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า จนกระทั่งทุกวันนี้ BIGBANG ก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลากหลายยุคสมัย ไม่เว้นแม้แต่ไอดอลในยุคปัจจุบัน
The G(reatest) DRAGON
นอกจากจะเป็นลีดเดอร์ของวงบอยกรุ๊ปสุดยิ่งใหญ่แล้ว ในฐานะศิลปินเดี่ยว เขาก็ได้เขียนชื่อ ‘G-DRAGON’ เอาไว้บนหลายหน้าประวัติศาสตร์ของเคป๊อบเช่นกัน ตั้งแต่โซโล่อัลบั้มแรก Heartbreaker ที่คว้ารางวัล Album of the year จากเวที Mnet Asia Music Awards ในปี 2009 และต่อมาในยุคสมัยของ One of a Kind ก็ได้สร้างสถิติยอดขายอัลบั้มสูงสุดในช่วงเวลานั้น ขณะที่เวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต One of a Kind World Tour ก็ได้ทำให้เขาขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตใน 4 โดมสำคัญของญี่ปุ่น และเป็นศิลปินเดี่ยวเกาหลีคนที่ 2 ต่อจาก เรน ที่ได้จัดเวิลด์ทัวร์


ส่วนอัลบั้ม Coup d’Etat เองก็ไม่น้อยหน้า พาเขาคว้ารางวัล Artist of the year จากงานประกาศรางวัล Mnet ไปได้อีกครั้ง และทำให้เขากลายเป็นศิลปินเกาหลีคนแรกที่เข้าสู่ชาร์ต Billboard 200 ได้มากกว่า 1 ครั้ง ส่งไม้ต่อให้อัลบั้ม Kwon Ji Yong ทิ้งท้ายก่อนเข้ากรมของเขานั้นสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก ท้ังทำยอดขายได้สูงสุดในขณะนั้นโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน แวะมาเยือนชาร์ต Billboard 200 อีกครั้ง และอยู่บนชาร์ต Billboard World Albums ยาวนานหลายสัปดาห์ และเวิลด์ทัวร์ครั้งต่อมา Act III: M.O.T.T.E ก็ได้กลายมาเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เกาหลีเมื่อคราวนั้น ยังไม่รวมถึงผลงานแต่งเพลงที่อัดแน่นด้วยเอกลักษณ์ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดออกมาผ่านทั้งผลงานของตัวเองและศิลปินคนอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้เกิดขึ้นด้วยคนๆ เดียวที่มีชื่อว่า G-DRAGON


The Trendsetter
ถ้าพูดถึง G-Dragon เขาไม่ใช่แค่ศิลปินระดับไอคอนของวงการ K-Pop แต่ยังเป็น ตัวพ่อแห่งวงการแฟชั่น ที่ไม่ว่าเขาจะขยับตัวไปทางไหน สไตล์ของเขาก็กลายเป็นกระแสให้คนทั่วโลกแต่งตาม จุดเด่นของ G-Dragon คือการไม่ยึดติดกับกรอบแฟชั่น สามารถนำไอเท็มที่ดูขัดแย้งกันมาผสมผสานได้อย่างลงตัว ตั้งแต่กางเกงขาสั้นแมตช์กับถุงเท้ายาวที่กลายเป็นลุคสุดฮิต ไปจนถึงการสวมสูทลายดอกและชุดกระโปรงได้ออกมาแบบไร้ขีดจำกัด ทำให้แนว genderless fashion กลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง นอกจากนี้ ลุคสนามบินของเขายังสร้างไวรัลบนอินเทอร์เน็ต จนเกิดเทรนด์การโพกผ้าและเล่นกับเพลง Power บน TikTok กลายเป็นกระแสใหม่


ตั้งแต่สตรีตแฟชั่นไปจนถึงไฮแฟชั่น G-Dragon ทำให้คอมแบตบูตกลายเป็นรองเท้าคู่ใจของสายแฟ ไม่ว่าใส่กับอะไรก็ดูเท่ขึ้นมาทันที อีกทั้งยังร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกมากมาย ตั้งแต่รองเท้า เสื้อผ้า ไปจนถึงแอ็กเซสเซอรี่ส์ เขาคือศิลปินชาวเกาหลีใต้คนแรกที่ได้เป็นแอมบาสซาเดอร์ของ CHANEL นอกจากนี้ เขายังมีแบรนด์ของตัวเองอย่าง Peaceminusone ที่นำเสนอเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ โดยแอบซ่อนสัญลักษณ์ดอกเดซี่ และสันติภาพไว้ในทุกชิ้น จนกลายเป็นไอคอนิกฮิตติดเทรนด์ไปทั่วโลก อีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำความเป็นแฟชั่นไอคอนของเขาคือ Nike x Peaceminusone G-Dragon Kwondo 1 รองเท้าที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของรองเท้ากอล์ฟกับสตรีตแฟชั่น จนกลายเป็นไอเท็มที่เหล่าสายแฟต้องมี และขายหมดทุกรอบที่วางขาย ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปแค่ไหน G-Dragon ก็ยังคงเป็นตัวจริงในเรื่องแฟชั่น ทุกลุคที่เขาสวมใส่ ทุกสไตล์ที่เขาหยิบมาเล่น ล้วนมีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นระดับโลกเสมอ


New Era of The Good Day
หลังจากปล่อยอีพีอัลบั้ม Kwon Ji Yong ที่สร้างเสียงฮือฮาด้วยการบรรจุเพลงลงในแฟลชไดรฟ์ USB เมื่อปี 2017 เพื่อเป็นการทิ้งท้ายก่อนเข้ากรมรับใช้ชาติ G-DRAGON ก็ได้ห่างหายจากวงการเพลงไปพักใหญ่ โดยมีแฟนๆ ที่ต่างเฝ้ารอการกลับมาของเขาในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่างใจจดใจจ่อ และแล้ววันนี้ที่หลายคนรอคอยก็มาถึง เพราะ G-DRAGON ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มครั้งแรกในรอบ 12 ปี อย่าง Übermensch ซึ่งถือเป็นการคัมแบ็กด้วยความพร้อมทั้งกายและใจ จนเราสัมผัสได้เลยว่า G-DRAGON ตั้งใจอย่างดีที่จะเผยตัวตนในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด และยุคใหม่ของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เริ่มต้นด้วยเพลง POWER ที่ปล่อยออกมาให้เราได้ชิมลาง ก่อนจะจัดเต็มกับอัลบั้ม Übermensch ที่ส่ง 2 มิวสิกวิดีโอหลากสไตล์ออกมาให้เราได้ชมกัน ทั้ง Drama ที่เป็นเพลงช้าอันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว ถ่ายทอดอารมณ์รวดร้าวหนาวเหน็บ ผสมผสานระหว่างเปียโนบรรเลงและแนวเพลงฮิปฮอบได้อย่างลงตัว ขณะที่เพลง TOO BAD ก็ได้เผยด้านสนุกสนานผ่านสีสันจี๊ดจ๊าดตามแบบฉบับ G-DRAGON โดยได้ Anderson .PAAK แรพเปอร์เจ้าของรางวัล Grammy Awards มาร่วมฟีเจอริ่ง พร้อมคว้าตัว คาริน่า แห่งวง aespa มาปรากฏตัววาดลวดลายออกสเต็ปไปด้วยกัน และการกลับมาในครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่ G-DRAGON ขึ้นโปรโมตอัลบั้มใหม่บนรายการเพลงอีกด้วย
นอกจากจะกลับมาด้วยผลงานเพลงแล้ว G-DRAGON ยังตั้งใจจะเผยตัวตนในด้านอื่นๆ ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านรายการวาไรตี้สุดฮีลใจในชื่อ ‘GOOD DAY’ รายการที่เขามีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะพาทุกคนหวนกลับไปสู่คืนวันดีๆ เก่าๆ ในยุคสมัยหนึ่งของเคป๊อบ เมื่อเหล่าศิลปินหลากค่ายหลายวงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมาร่วมกันทำเพลงสุดพิเศษเพื่อปลอบโยนโลกทั้งใบด้วยเสียงดนตรี ที่แม้เพิ่งประเดิมก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามเลยทีเดียว



Text: Rathatip Khamnurak, Thanayut Wanametin, Pimnara Suesatkul