Sunday, February 9, 2025

ล้วงลึกการประกวดมิสทิฟฟานี่ ครั้งที่ 25 กับอาร์ต อารยา พร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เข้มข้นทุกมิติ!

ใกล้เข้ามาทุกทีกับการประกวดมิสทิฟฟานี่ ครั้งที่ 25 เวทีการประกวดของสาวทรานส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด ‘The Future is Yours โลกใหม่ที่คุณนิยาม’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะพลิกโฉมวงการการประกวดนางงาม ที่ทวีคูณความเข้มข้นในทุกมิติในทุกๆ สัปดาห์ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปจนถึงวันรอบตัดสิน ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่จะถึง ซึ่งในปีนี้ความพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ก็คือทิฟฟานี่ได้ตัวแม่แห่งวงการแฟชั่นอย่าง อาร์ต-อารยา อินทรา มาเสริมทัพนั่งแท่น Fashion Style Consultant ในการประกวดครั้งนี้ พร้อมยกระดับการประกวดนางงามที่ไม่ได้มีแค่ความสวย แต่ต้องครบทุกมิติ ทั้งความกล้า ความมั่นใจและความสามารถเพื่อให้ได้ควีนคนใหม่ที่จะเป็นตัวแม่ของทรานส์เจนเดอร์คนต่อไป ซึ่งแอลก็ได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกับพี่อาร์ตแบบล้วงลึกถึงเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ รับรองได้ว่า เมื่ออ่านบทสัมภาษณ์นี้จบ คุณจะต้องอยากรอติดตามชมการประกวดในทุกๆ ภารกิจและทุกๆ โมเมนต์อย่างแน่นอน!

ELLE : เหตุผลที่รับหน้าที่ในการประกวดมิสทิฟฟานี่ในปีนี้?

Art Araya : คือเหตุผลหลักเลย มันต้องเท้าความก่อนคือพี่อาร์ตกับพี่จ๋ารู้จักกันมานานแล้ว เราก็ชอบพอกันคุยกับถูกคอ แล้วจนพี่อาร์ตถูกเชิญให้มีส่วนช่วยในมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ซึ่งเป็นการประกวดมิสทิฟฟานี่ที่ไปสู่ระดับอินเตอร์ ก็จะมีทรานส์จะทุกประเทศทั่วโลกมาประกวด เป็นเวทีทรานส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พี่อาร์ตก็เข้ามาช่วยในฐานะ consult ก่อน ก็สนุก แล้วกลายเป็นเรา consider ว่าตัวเราเป็นทรานส์คนหนึ่ง แล้วเราก็ผูกผันกับผู้เข้าประกวด พอเราผูกพันแล้วก็สนิทชิดชอบกัน จนแล้วก็มาถึง ณ โมเมนต์ที่เค้าบอกว่าพี่อาร์ตก็อยู่ช่วยเราต่อ ทำมิสทิฟฟานี่เลยไหม เราก็เลยแบบ เออก็ได้นะ เราก็ไม่ได้มีความรังเกียจเดียจฉันแบรนด์ดิ้งนี้ ก็เลยโอเค เดี๋ยวจะช่วย แล้วก็ได้เริ่มเข้าประชุมด้วยกัน พอเราขายไอเดียของเราไป พี่อาร์ตก็เหมือนเป็นคนใหม่เข้ามาเติมอยู่ในร่างกายที่เป็นมิสทิฟฟานี่เก่า ที่เขาอยู่กันมา 20 กว่าปีละ พอพี่อาร์ตเข้ามามันก็เลยกลายเป็นตื่นเต้น ทุกคนก็แฮปปี้กับไอเดียพี่ มันก็เลยกลายเป็นว่า พี่อาร์ตคะ ถ้าพี่อาร์ตไอเดียมาขนาดนี้ พี่อาร์ตก็ทำเลยไหมคะ จากการที่เราเป็น consult ก็เลยสเต็ปลึกขึ้นเข้าไปเป็นทำจ้า ไม่ได้มีความรู้สึกว่ายากเกินกำลัง พี่อาร์ตชอบงานท้าทาย แล้วเป็นงานท้าทายที่เรารัก เพราะเรารักสาวๆ เรารักสาวสอง เรารักแกงค์คอมมูนิตี้เรา เราก็พร้อมที่จะทำ เพราะเรามีจุดประสงค์ว่า ตัวเราเนี่ยถูกบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก แล้วพอโตมาปุ๊ป แล้วกว่าจะยืนตรงจุดนี้ จนทั้งวงการแฟชั่นเรียกเราว่าแม่ แล้วก็บอกว่าเนี่ยเป็นบุคลากร เป็นไอดอล เป็นไอคอน ของวงการแฟชั่น เราก็รู้สึกว่ากว่าจะมายืนตรงนี้ เราทำอะไรมาบ้าง เราเหนื่อยมาขนาดไหน แล้วทำไมเราจึงไม่ใช้ความรู้ ความสามารถของเรา คอนเนคชั่นที่เรามี มาช่วยทรานส์รุ่นใหม่ เพื่อให้ทรานส์รุ่นใหม่มีที่ยืนที่แบบเดินไปไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้แบบดิฉันบ้าง หรือดีกว่าดิฉันได้อีกไหม ถ้ามีอย่างนั้นได้ก็กราบเลย แฮปปี้มาก 

ELLE : พอได้มาทำตรงนี้มีการเตรียมตัวยังไงบ้าง?

Art Araya : ก็ต้องไปดูย้อนหลัง ก็ไปดูปีเว้นปีบ้าง กระโดดไปกระโดดมา ไม่ได้ดูทุกปีนะคะ แล้วก็มานั่งประมวลความคิดว่าเราจะทำอะไร พอเสร็จแล้วพี่อาร์ตก็มีคอนเซ็ปต์โดยการที่พี่อาร์ตสัมภาษณ์ อดีตควีนทุกคนที่ได้มิสทิฟฟานี่ พี่อาร์ตก็จะขอคอนเน็กชั่น เพราะทำข้อมูลเนอะ ก็ต้องโทรศัพท์ ไม่ได้ง่ายๆ นะ พี่อาร์ตเป็นคนทำงานแบบนี้ สัมภาษณ์ตั้งแต่คุณทราย รุ่นแรกๆ ชองมิสทิฟฟานี่เลย แล้วก็ไล่มาคนที่ยังมีชีวิตอยู่ฉันก็สัมภาษณ์ไป คนที่ออกจากทิฟฟานี่ไปแล้ว ไปประกอบอาชีพอื่น พี่อาร์ตก็ตามไปสัมภาษณ์เขา ก็เก็บข้อมูล ก็ได้ใจความสำคัญว่า เขาในฐานะที่เป็นควีน หรืออย่างคุณปอยเองก็ตาม เขาได้ตำแหน่งกันมาแล้ว แล้วเขา อยากได้อะไร อยากเห็นอะไรในควีนคนใหม่ ง่ายๆ เลย คุณโม จิรัชชญา ที่ได้มงไป ได้เป็นมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีนด้วยเนี่ย ก็บอกว่าอยากเห็นอะไรใหม่ๆ อยากเห็นความสามารถ มากกว่าความสวย อยากเห็นที่ยืนได้ด้วยตัวเอง มีคาแรกเตอร์ชัดเจน หลายคนก็เห็นพ้องต้องกันว่า อยากได้คนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน เป็นไอดอลได้ เป็นไอคอนได้ สามารถเป็นซูเปอร์ฮีโร่ให้กับทรานส์เจนเดอร์ได้ เรามองมุมตรงกันหมดปุ๊ป พี่อาร์ตก็เลยแบบ เห้ย แล้วฉันก็มีหวังสิวะ ถ้าคนเป็นควีนคิดแบบนี้ แปลว่าคนที่สู้มาจนได้ตำแหน่ง ได้มง ยังรู้สึกอยากมีการเปลี่ยนแปลงเลย มันก็น่าจะเป็นกระแสที่ดีที่เราจะเปิดให้คนใหม่ๆ เข้ามา เพื่อให้เกิดอะไรใหม่ๆ ในวงการทรานส์เจนเดอร์บ้านเรา 

ELLE : การเปลี่ยนแปลงของการประกวดในปีนี้มีอะไรบ้างที่น่าจับตามอง?

Art Araya : เยอะมาก เริ่มจากเปิดรับสมัครเลย เปิดรับสมัครด้วยการที่เขาต้องแสดงความสามารถเลย พี่บังคับเขาว่าเขาต้องไปทำคลิป 2 นาทีในที่สาธารณะ ส่งมาให้เราดู แล้วก็แฮชแท็กว่า ลงทิฟฟานี่25 จะเป็นติ๊กต่อก แพลตฟอร์มอะไรก็ตาม เขาจะต้องไปทำความสามารถมาและต้องมีคลิปแนะนำตัวเอง แนะนำตัวเองมันมีอยู่แล้ว แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ต้องมีคลิปแสดงความสามารถในที่สาธารณะ ไม่มาเต้นติ๊กต่อกในห้องตัวเอง โน ไม่เอา ไม่รับ แต่ถ้าคุณไปแสดงในที่สาธารณะให้เราเห็นว่ากล้องที่ถ่ายคุณมา เห็นคนดูด้วย แต้มคุณก็จะมากขึ้น เพราะอะไร พี่อาร์ตอยากได้คนกล้า ถ้าคนไม่กล้า สวยอย่างเดียว อยู่บ้านไป 

ELLE : Key ในการหาควีนในปีนี้คือความกล้า ความสามารถ?

Art Araya : ใช่ ความกล้า ความสามารถ และคนนั้นต้องเป็น public เพราะว่าอะไร เพราะถ้าพี่จะเอาคนเป็น the winner ที่เป็น introvert พี่จะเอาไปทำไม ถูกปะ พี่ใช้อะไรได้ พี่จะหาไปทำไม เอามงให้เขาไปทำไม ในหัวพี่อาร์ตคือกว่าพี่มายืนตรงนี้ พี่ลำบากมาก เพราะฉะนั้นถ้าพี่ต้องการทรานส์สักคนมายืนในจุดที่สูง สูงที่สุดในวงการทรานส์ก็ว่าได้ เพราะว่าได้มง คนๆ นั้นต้องพร้อมที่จะทำงาน ถ้ามาแล้วไม่พร้อมทำงาน ไม่ต้องประกวด ถ้าแม้แต่จะแสดงความสามารถในที่สาธารณะยังไม่กล้าเลย ก็ไม่ต้องประกวด และที่สำคัญถ้ามีบุคลิกภาพ นอกจากมั่นใจ นอกจากกล้า แสดงออกมา เราดูออก เราอยู่ในวงการมา 30 กว่าปี เราดูออกว่าคนๆ เนี้ยตัวจริง ตัวปลอม นี่อีดิดมาเยอะไหม แต่งมาปรุงมาขนาดไหน ใครเขียนบทให้ เราดูปุ๊ปเราก็รู้ว่าอีนี่ปลอม

เนี่ยมันยากตั้งแต่ตอนสมัครละ แล้วหลังจากนั้นมามีอะไรอีก ก็เข้ามาในการแข่งขัน เราก็จะมีการเก็บตัวเกือบเดือน นานนะ ทำไมถึงต้องเป็นเดือน เพราะพี่อาร์ตเชื่อว่ามันน้อย หนึ่งเดือนเนี่ย สำหรับการจะเพาะคนๆ หนึ่ง พอเขาเข้ามาแล้ว 30 คนก็จะมีคลาส เราลุยเลย สัปดาห์แต่ละสัปดาห์จะมีคลาส เพราะฉะนั้น 1 เดือนคือ 4 สัปดาห์ ก็จะมีคลาสที่ทำให้บุคลิกภาพของเขาดีขึ้น เพราะว่าคนสวยเราจะใช้ประโยชน์ด้านไหน ก็ต้องอยู่หน้ากล้อง ถูกไหมล่ะ อยู่หน้ากล้องทำอะไร ก็ทำอะไรก็ได้ จะพูดก็ได้ จะแอ็กติ้งก็ได้ จะเต้นก็ได้ จะเดินเป็นนางแบบก็ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องทำได้หมด แต่ถ้าเกิดเขามีอย่างอื่นที่ add on มาอีกเช่น คนนี้เก่งศิลปะว่ะ เห้ย คนนี้เป็นหมอว่ะ หรือว่าคนนี้มีอาชีพอื่นๆ ที่น่าสนใจอ่ะ พี่เปิดรับเลยนะ พี่พร้อมจะเปลี่ยนเพื่อ push ให้คนๆ นั้นไปได้อีก ไปได้อีก มันไม่ใช่ว่าเขาจะต้องมาอยู่ในวงการบันเทิง เขาจะอยู่วงการอะไรก็ได้ แต่เขาต้องเป็นตัวแม่ เราอยากปั้นตัวแม่ อันนั้นคือประเด็น

บททดสอบของพี่อา์รตก็จะยาก แล้วแต่ละในแบบทดสอบก็จะเป็นการไลฟ์ เพื่อให้คนดูทางบ้านเลือก คุณชอบพฤติกรรมของคนไหน ในแต่ละชาเลนจ์ เช่นในเรื่องของการพูด สมมติคนนี้พูดเป็นยังไง คุณชอบคนไหนพูด คุณโหวตเลย แล้วคะแนนโหวตจากทางบ้าน ถือเป็น 50% เลย กับกรรมการ เพราะฉะนั้นมันก็จะวัดกันเลยว่าแต่ละสัปดาห์ ใครจะได้ท็อป เราจะขึ้นบอร์ดเลยว่าท็อป 10 คือใคร ในทุกสัปดาห์ด้วย เราแฉเหมือนเรียลลิตี้เลยว่าคนนี้คือท็อป 10 คนนี้ก็จะรู้ละว่าอุ้ยตายละ ฉันไม่ได้อยู่ในท็อป 10 ฉันต้องทำตัวอย่างไร ถ้าคนดีจริง รักจริง อยากจริง ก็จะถีบตัวเองขึ้นมา ตั้งใจเรียน ขยันพัฒนาตัวเอง เขาก็อาจจะเป็นท็อปในสัปดาห์ต่อไปได้ แต่ถ้าเขาถอดในท้อ ก็บ๊ายบาย มาย เลิฟ พี่พร้อมจะเขี่ยทิ้ง คือพี่อาร์ตเป็นคนที่ใช้กระชอนเยอะมากในแต่ละสัปดาห์ก็จะมีกระชอนมา เพื่อจะคั้นหัวกะทิจริงๆ พี่อาร์ตก็จะกรองกากออก จนได้หัวกะทิที่เนื้อเนียนเข้มข้น ละมุน เอาไปทำแกงต่ออร๊อย อร่อย หรือจะทำของหวานได้เลยทันที ในมุมพี่อาร์ตคือเนี่ย คือกระบวนการง่ายๆ  คือพี่อาร์ตอยากจะทำให้มันยากเพื่อที่จะได้คนที่พร้อมจริงๆ เพราะฉะนั้นคนที่เขาไม่พร้อม เขาจะรู้สึกว่าทำไมแม่งต้องทำขนาดนี้ ทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้วะ เพื่อที่จะบ้ามงเนี่ย แต่ไม่ เขาไม่รู้หรอกว่านี่คือการที่เราย่อชีวิตทั้งชีวิตของคนๆ หนึ่ง อุปสรรคทั้งหมดมาไว้ให้คุณตรงนี้ เพื่อที่คุณออกไปจากบทเรียนของเรา ในหนึ่งเดือนที่เจอกันเนี่ย จะเก่งขึ้น จะพร้อมมาก จะกลายเป็นผู้นำคนหนึ่งได้เลย พี่ไม่ต้องการที่หนึ่งคนเดียว พี่พูดหลายครั้งมาก ใครมาสัมภาษณ์พี่ พี่ก็จะพูดว่า พี่ไม่ต้องการแค่คนๆ เดียว แต่พี่ต้องการ 10 คนขึ้นไป หรือ 5 คนขึ้นไป เพื่อเป็นตัวแทนของเจเนอเรชั่นรุ่นใหม่ของทรานส์เจนเดอร์บนโลกใบนี้ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยนะ

หน้าตามันแต่งกันได้ เพราะถ้าเกิดเขาพร้อมอ่ะ เราก็พร้อมจะดูแลเขา เพื่อให้เขามีหน้ามีตาในสังคม มีอาชีพ มีการงานที่สุจริต แล้วก็โด่งดัง มีชื่อเสียงด้วย แล้วแถมยังเป็นตัวแทนได้ด้วย และเป็นผู้นำทางความคิดได้ด้วย อันนี้สำคัญมาก ถ้าเกิดเธอเก่ง แต่เธอไม่สามารถแสดงออกทางความคิดและเป็นผู้นำทางความคิดได้ เธอก็เป็น leader ไม่ได้ พี่ต้องการ leader เพราะพี่ต้องการให้อนาคตของทิฟฟานี่อยู่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ให้จบแค่ปีนี้ ถึงแม้ปีหน้าพีอาร์ตจะทำไม่ทำ ไม่รู้ แต่มันต้องอยู่ เพราะว่ามันมีตัวแทนทรานส์เจนเดอร์น้อยเกินไปในวงการบ้านเรา 

ELLE : สกิลด้านไหนสำคัญที่สุดสำหรับคนที่จะมง?

Art Araya : พี่ไม่ได้คิดเรื่องสกิลว่าสกิลด้านไหนถึงจะมง พี่คิดเรื่องเสน่ห์ คนเราความสามารถมากแค่ไหนก็ตามแต่ แต่เมื่อขึ้นไปบนเวทีแล้วไม่มีเสน่ห์ จบ เสน่ห์จะเกิดจากอะไร อันนี้ใบ้ให้เลยก็ได้ว่า ความเป็นธรรมชาติ จะเหน่อก็เหน่อไปเลย อย่าดัดจริต จะต๊องก็ต๊องมาเลย อย่าปลอม อะไรก็ตามแต่ที่จริงใจ ผิดแล้วขอโทษ พูดใหม่ได้ ไม่มีใครว่า ทุกอย่างถ้าจริงใจปุ๊ป เสน่ห์มันจะมา เราคัดคนมาแล้วจากผู้สมัครทั้งหมด เดี๋ยวเราจะเหลือแค่ 30 คน แสดงว่า 30 คนนี้มีความสามารถแล้ว มีความกล้าแล้ว ที่เหลือคือเสน่ห์ 30 คนนี้ก็จะต้องมาฝึกฝนให้เสน่ห์มันเกิดให้ได้ ถ้าเสน่ห์มันเกิดได้ คนจะรักเขา 

ELLE : ในพาร์ตของโชว์บนเวที จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไฮไลต์ยังไงบ้าง? 

Art Araya : คือในการประกวด วันประกวดก็จะมีแบ่งเป็นหลายช่วง ชุดว่ายน้ำต้องมี เพราะอะไร เราจะมาดูรูปร่างกัน ความงามขั้นพื้นฐานก็ต้องมาดูรูปร่าง ความสมส่วน ไม่ได้แปลว่าอ้วนไม่สวย ไม่ได้แปลว่าผอม ไม่สวย แต่แปลว่าสมส่วนไหม ถ้าคุณอ้วนแต่ดูสมส่วนก็จบ ถ้าคุณอวบแต่ดูสมส่วนก็จบ แต่ถ้าเกิดคุณหัวโต ขาเล็กลีบ ก็แปลว่าคุณไม่สมส่วน มันก็จะมีผลกับคะแนนของคุณ หรือบางคนไปอัพมาแบบ 300 500 ซีซี แต่ตัวนิ๊ดนึง มันก็เป็นแบบลิงถือลูกมะพร้าวอ่ะ มันก็ไม่ได้ปะ มันก็ไม่สมส่วน ใดๆ เหล่านี้มันสำคัญมากที่พี่อาร์ตจะดูตรงนั้นก่อน เป็นเบสิกความงามขั้นพื้นฐาน ความสมส่วน ไม่ได้แปลเรื่องสัดส่วน เพราะฉะนั้นจะ XL S ได้หมด

ต่อมาก็จะประกวดชุดราตรี ก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อรูปร่างดีแล้ว รสนิยมในการเลือกเสื้อผ้าของคุณให้เข้ากับบุคลิกภาพของคุณ คุณมีความคิดอย่างไร คุณนำเสนอตัวตนอย่างไร บางคนเลือกเพราะว่าพี่กะเทยที่เป็นพี่เลี้ยง พี่เก้ง กวาง บ่าง ชะนี ตัวยุพิน ยุพา ทั้งหลายบอกว่า แกต้องใส่สีนี้ แกต้องใส่แบบนี้ แกต้องยาว แกต้องมีเคป แกต้องสะบัดผ้าปลิว แล้วตัวคุณ คนใส่ คุณมั่นใจกับมันเลเวลไหน เราไมไ่ด้ดูที่ชุดสวย เราไม่ได้มาประกวดแฟชั่น เพราะฉะนั้นชุดคุณจะเรียบกริบ ไม่ปัก ก็ไม่ผิด (อุ้ย นี่สปอยล์อีกแล้วนะเนี่ย) คือพี่อาร์ตมองว่าพี่อาร์ตมาตรงนี้ ใส่ Gucci Tom Ford ก็ได้นะเรียบๆ ไม่มีอะไรเลย ไม่ต้องปักกระหน่ำ เพชรกระจาย บางจนหัวนมจะโผล่ ไม่ไดต้องการ ไม่อยากเห็น อยากเห็นคนที่มั่นใจ และมีตัวตน ว่าเขาเลือกอะไรให้ตัวเขา แล้วทำไมเขาเลือกสีนี้ เพราะเขารู้แล้วว่าสีนี้อยู่บนตัวเขาแล้วสวย ทำให้เขาดูผ่อง คำว่าผ่องไม่ได้แปลว่าขาว แปลว่ามีลำแสงออกมาจากตัว ดูแล้วดี แทนแล้วผ่องใช่ไหม ใช่ เข้มแล้วผ่องได้ไหม ได้ ไม่ได้แปลว่าคนสวยต้องขาว ไม่ได้อยู่ในบัญญัติของพี่อาร์ต พี่อาร์ตไม่เชื่อ คนดำสวยก็มี คนแทนสวยก็มี ทุกคนสวยหมด แต่เขาเลือกอะไรให้ตัวเขาเด่น อันนั้นคือสำคัญที่สุด

แล้วเราก็จะมีเซอร์ไพรส์ โดยที่ปีนี้จะมีแฟชั่นโชว์ ที่ร่วมกับแบรนด์ THEATRE ทำไมเราถึงเลือก THEATRE เพราะว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่เปิดตัวเมื่อ 30 กว่าปีมาแล้วว่าเป็น gender fluid เป็น trans-friendly ตั้งแต่ยังไม่มีคนบัญญัติคำนี้ THEATRE เป็นแบรนด์แรกในประเทศนี้ พี่อาร์ตรู้สึกว่าถ้าเราเอาคนใหม่บวกกับ legend ที่มี ผนึกกำลังกัน โห เธอคิดถึงความรุนแรง ทั้ง 30 คนที่เข้าประกวดจะได้เดินแบบกับ THEATRE ทั้งหมดและมีรางวัลพิเศษ โดยที่ดีไซเนอร์ที่อยู่ฟรอนต์โรวทั้งหมดเป็นคนโหวต เซอร์ไพรส์บนเซอร์ไพรส์ ทุกคนต้งออกเสียงว่าใครที่ใช่ตามโจทย์ที่เรากำหนด สาวๆ จะได้เดินแบบ แล้วเดินแบบแบบปัจจุบัน เพราะธีมของเราคือ The Future is Yours เพราะฉะนั้นพี่จ๋อมก็จะทำเสื้อผ้าในแนว ready-to-wear แล้วสถานที่ที่เราเลือกก็คือเราร่วมกับ MRT ศูนย์วัฒนธรรมฯ เราเดินในรถไฟฟ้าเลยค่ะ นี่คือภารกิจของสาวๆ 1 วันเป็นแฟชั่นโชว์ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราไม่เคยเอาโจทย์นี้โยนเข้าไป เพราะฉะนั้นพี่อาร์ตมา พี่อาร์ตก็ต้องทำให้เต็มที่ ว่าฉันเก่งด้านแฟชั่น ฉันเอาแฟชั้่นมาใส่ แต่ใส่อย่างไรให้เป็นการประกวด เขาไม่ได้ดูว่าแม่คนนี้ใส่เสื้อผ้าสวย แต่เขาดูว่าแม่คนเนี้ยส่งเสื้อผ้าอย่างไร ชุดแต่ละชุดไม่ตรงกันอยู่แล้ว 30 คนแต่เขาพรีเซนต์อย่างไรในตัวเขา ให้คนดูรู้สึกว่า คนนี้พรีเซนต์เก่ง แม่คนนี้ฉลาด เราต้องการคนนั้น เพราะอะไร ไม่แน่คนนั้นอาจจะได้เป็นท็อปโมเดลก็ได้ไง แล้วที่สำคัญเรามีนิตยสารแฟชั่นอย่างแอลไปนั่งฟรอนต์โรว แอลก็ต้องแบบว่า เอ๊ะ เอาไปร่วมงานด้วยดีไหม เห็นไหม ทุกอย่างมันพากันไปหมด 

ELLE : พี่อาร์ตมองแฟชั่นกับนางงามไปด้วยกันยังไงบ้าง?

Art : ก็คือในความคิดพี่อาร์ตนะ มันส่งเสริมซึ่งกันและกัน แฟชั่นมันมีไว้ซัพพอร์ตคน ไม่ได้มีไว้ฆ่าคน ถ้าคนใช้ไม่เป็น เข้าใจ มันก็จะกลายเป็นเสื้อผ้ามันฆ่าเธอ ซึ่งเราเห็นอยู่แล้วในการประกวดนางงาม เราเห็นมาเยอะมากที่ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ไม่รู้ แล้วคนก็ไปวิจารณ์เสื้อผ้ากันเสียหายหมด แต่จริงๆ แล้วแฟชั่นมันมีไว้ส่งเสริมคนๆ นั้น ให้คนๆ นั้นดูดี เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งอยู่บนบรรทัดฐานว่า ฉันเป็นใคร ฉันชอบอะไร จบ คุณจะใช้แฟชั่นเป็น คุณจะรู้ว่าแฟชั่นจะส่งเสริมคุณอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นสี รูปร่าง รูปทรง สำหรับพี่อาร์ตมองว่าแฟชั่นกับวงการประกวดนางงามมันไปคู่กันได้ ส่งเสริมกันได้ แล้วนางงามก็กลายเป็นนางแบบได้ เพราะฉะนั้นนางงามก็มาอยู่บนปก มาถ่ายแฟชั่นนิตยสารแฟชั่นได้ เพราะฉะนั้นเกิดคนที่ได้มง มิติครบ อย่าว่าแต่ปกหนังสือเลย อาจจะได้ไปเล่นละคร อาจจะได้ไปทำอะไรดีๆ ในอนาคตต่อไปอีก เพราะว่าเรามีพาร์ตเนอร์ที่ดีหลายเจ้ามาก นอกจากแอล เราก็มีช่อง 3 ด้วย เพราะฉะนั้นพี่อาร์ตมองว่ามันครอบคลุมไปได้หมด 

ELLE : พี่อาร์ตมองว่าการเปลียนแปลงของการประกวดในครั้งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของแฟนนางงามที่ยังติดภาพจำเดิมๆ ของการประกวดนางงามไหม?

Art : สำหรับพี่อาร์ต พี่มองแบบนี้นะ การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ เราอยู่กันมาตั้งแต่อยู่ 2020 แว๊บมาแปบเดียวเราอยู่ปี 2023 ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเพศ กับรูปร่าง กลายเป็นเรื่องที่ต้อง open-minded คนทุกคนที่โตมาในช่วง 2020-2023 จะรู้ว่าบูลลี่ไม่ได้ละ คุณจะมาตัดสินคนอื่นจากรูปร่างภายนอกไม่ได้อีกต่อไป ถ้าคุณทำคือคุณทำเอ้าต์มาก คุณเป็นกบในกะลา เพราะฉะนั้นความงามก็เหมือนกัน พี่เข้าใจว่าแฟนนางงามจะมีภาพลักษณ์หรืออุดมคติหนึ่ง แต่พี่อาร์ตเชื่อในความเปลี่ยนแปลง และถ้าพี่อาร์ตทำการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ภายในบ้าน นั่นแปลว่าเปลี่ยนตั้งแต่ในองค์กร คนในองค์กรทั้งหมดที่เป็นทิฟฟานี่ เปลี่ยนมายเซ็ต เราใช้คำว่าเปลี่ยน เพราะเราเปลี่ยนแล้ว เราประชุมกันทุกเดือนตั้งแต่มิถุนา จนถึงปัจจุบันนี้ แล้วคุยกันเรื่องความงามกับไดเร็กชั่นที่เราจะไป เพราะฉะนั้นคนดูเขาจะตั้งใจรับ หรือตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อันนั้นเป็นสิ่งที่เราก้ไม่ได้ เพราะต่อให้เราทำพิมพ์นิยมออกไป ก็มีคน judge ว่าเขาไม่สวยอยู่ดี มันเป็นนานาจิตตัง เราแค่ทำการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมายเซ็ตใหม่ของเราให้ดีที่สุด แล้วเราก็จะนำเสนอคนๆ นั้นให้ดีที่สุด ในแบบที่เราคิดว่าใช่ ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะฉะนั้นคนภายนอกก็ต้องเสพอย่างมีสติ พี่คิดแค่นั้น มันหมดแล้วยุคเก่าของการแสดงความเห็นแบบ toxic มันหมดแล้วค่ะ มันต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบ positive แบบสร้างสรรค์ว่า น่าเสียดายคนนั้นจัง เป็นคนมีความสามารถ เขาควรจะได้ไปต่อ เราลองหางานให้เขาทำดีไหมคะ เขาน่าจะทำ (ดีดนิ้ว) พูดแบบนี้สิ รัก รับฟังทันที 

ELLE : สุดท้ายมีอะไรอยากฝากผู้เข้าประกวดทั้ง 30 คนไหม

Art Araya : คนที่สมัครมาแล้วทั้งหมดละกัน จะบอกว่าง่ายที่สุดเลย ทดสอบความกล้าของตัวเองในที่สาธารณะ กล้าในสิ่งที่ถูก เช่น ลองไปพูดคุยกับคนแปลกหน้า ลองไปช่วยเหลือคนอื่น ลองไปทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ ลองให้หมดทุกอย่างก่อนเพื่อปูพื้นฐานให้ตัวเองก่อนว่าในวันที่คุณก้าวเข้ามาอยู่ในทิฟฟานี่ คุณต้องเจอสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเลย ชอบไม่ชอบไปลองก่อน แล้วรู้ว่าตัวเองจุดอ่อนอยู่ตรงไหน จุดแข็งอยู่ตรงไหน เมื่อมาอยู่ในบ้านทิฟฟานี่ เราก็จะได้รู้ว่าคุณมีเสน่ห์ตรงนี้ เราก็จะได้ push คุณตรงนี้ แต่ถ้าคุณไม่รู้ แล้วให้เรามาทุบให้ หนู เจ๊มีเวลาเดือนเดียว เจ๊จะทุบยังไง เจ๊ทุบไม่ทันหรอก 30 คนอ่ะ หนึ่งวัน หนึ่งคน เจ๊ทุบ เจ๊ก็เหนื่อยสิ หนูต้องทุบมาแล้ว ทุบมาด้วยตัวเองก่อน เพราะฉะนั้นอยากให้ไปเตรียมตัวก่อน ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ส่วนเรื่องเสื้อผ้าอย่าคิดเยอะ เรารู้ทรานส์ สาวสองทุกคนติดภาพว่านางงามจะต้องปักกระหน่ำ ซีทรู หัวนมแทบหลุด กางเกงในต้องเป็นจีสตริงตัวจิ๋ว ตัวน้อย ใดๆ หรือต้องมีเคปปลิว 700 เมตรสะบัด หางลากยาวเป็นกิโลฯ พี่พูดตรงๆ ง่ายๆ เลย มึงเดินได้เปล่า? จะมาเดินแบบส้นตึก ตู้ปลา แล้วสะบัดผ้าอีก 7 เมตรให้พี่ดูอ่ะ ถ้าตัวเองว่าเพื่อ พี่ไม่ได้ต้องการ พี่พูดไปแล้วข้างบน กลับขึ้นไปอ่านใหม่ พี่ไม่ได้ต้องการดูเสื้อผ้า พี่ต้องการดูบุคลิกภาพของคุณ ว่าคุณเลือกอะไรให้ตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่าดัดจริตไปเสียเงินปักเป็นแสนๆ หมื่นๆ แล้วต้องมาร้องห่มร้องไห้ว่าหนูยังไม่ได้ใส่ชุดราตรีของหนูเลย หนูตุ้บแล้ว มันมีรอบพรีลิมอ่ะ รอบพรีลิมคือเราก็จะมาดูคุณแล้วว่าคุณเป็นยังไง คุณเลือกอะไรมาเดิน พี่อยากให้เขามีสติที่สุด รู้จักตัวเองที่สุด ไม่ยาก ง่ายมาก ไปสำเพ็งไป ไปยืนที่ร้านขายผ้า แล้วก็ไปเอาผ้ามาทาบตัวเองดูแล้วส่องกระจกว่าใส่สีอะไรสวย ทาบไป มือถือมีอยู่แล้ว ถ่ายรูป เอากลับมาบ้าน พริ้นต์ แปะผนัง แล้วก็ถอยมาดูว่าฉันใส่สีอะไรสวยสุด แค่นั้น บททดสอบง่ายๆ แบบนี้ไปทำด้วยตัวเองก่อน ไม่ยาก อยากให้ทุกคนเอา personality ตัวเองเป็นตัวตั้ง แค่นั้นเองค่ะ ไปเตรียมตัวแบบนั้นมานะจ๊ะ 

Interview : Rachata Ratanavirotkul
Photographer : Wasu Sukatocharoenkul

Latest Posts

Don't Miss