คอลเล็กชั่น FIABA จากแบรนด์นาฬิกาสวิสอย่าง Maurice Lacroix นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในกลุ่มผู้หญิงและคนรักนาฬิกาข้อมือที่มีความโดดเด่นด้านสไตล์อันทันสมัยและหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์อันกล้าหาญของเหล่าคนเมืองที่รักในความท้าทายและมีความสนุกสนานกับทุกๆ ก้าวของการใช้ชีวิต และด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของ FIABA นี้เอง ที่แบรนด์ได้นำมาใช้สร้างสรรค์และตีความใหม่ภายในผลงานนาฬิกาข้อมือรุ่นล่าสุดของ FIABA Trio Special Edition กับ 3 เวอร์ชั่นสีสุดพิเศษ โดยเป็นการทำงานและออกแบบร่วมกับพันธมิตรหญิงทั้ง 3 คน ในฐานะสมาชิกของ ML Crew อย่าง Hannah Lucy Williams นักกรีฑาหญิงชั้นนำจากอังกฤษ, Marina Correira นักเล่นลองบอร์ดแบบฟรีสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเธอเอง และ Nadia ศิลปินนักเต้นรำหญิงพร้อมกับคู่ดูโอ้ของเธอผู้เปี่ยมด้วยทักษะและความสามารถ
แสดงออกถึงความหมายอันลุ่มลึกของคำว่า FIABA ที่ในภาษาอิตาลีแปลว่า ‘เทพนิยาย’ ซึ่ง Maurice Lacroix เองได้นำมาตีความใหม่กลายเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นนาฬิกาข้อมือยอดนิยมสำหรับผู้หญิงมาโดยตลอด กับความโดดเด่นของรูปลักษณ์และงานดีไซน์เฉพาะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงอันเรียบเนียนและนุ่มนวลราวกับก้อนกรวดซึ่งถูกขัดเกลาทีละน้อยจากทั้งเม็ดทรายและกระแสน้ำจนมีความกลมกลึงเป็นธรรมชาติและมีผิวที่เนียนเรียบไปตามกาลเวลา บวกกับงานออกแบบของหน้าปัดที่ไม่เพียงเล่นกับสีสันได้อย่างโดดเด่น แต่ยังมอบความสง่างามไว้ด้วยการแสดงเวลาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในรุ่นแสดงเวลาแบบ 3 เข็มชี้เรียบง่าย หรือแม้แต่ในรุ่นแสดงข้างขึ้น-ข้างแรมอันแสนโรแมนติกก็ตาม
จุดเด่นของผลงานรุ่นพิเศษใน 3 เวอร์ชั่นของ FIABA Trio Special Edition ย่อมหนีไม่พ้นการยังคงรักษาไว้ด้วยคุณลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร อย่างความกลมกลืนและรับไปกับสรีระข้อมือของผู้หญิงได้อย่างเรียบเนียน ซึ่งช่วยให้สามารถหยิบขึ้นมาสวมใส่ได้อย่างสะดวกสบายและเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ขณะที่ในนาฬิกา 3 ลุคใหม่ด้วยตัวเรือน 32 มม. รับกันได้ดีกับสายสเตนเลสสตีลผิวเรียบและข้อสายขนาดเล็กอันละเอียดอ่อนนี้ยังพลิกโฉมอย่างทันสมัยโดยการใช้ 3 เฉดสีสุดนำเทรนด์มารังสรรค์บนหน้าปัดพร้อมทั้งประดับเพชร ทั้งในเฉดสี Baby Blue, Blush Pink และ Pistachio Green ซึ่งแต่ละสีล้วนแสดงออกถึงความสวยงามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพลังและเสน่ห์ของผู้หญิงทั้ง 3 คน ผู้ซึ่งมีชีวิตที่รักอิสระ พร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพและท้าทายตนเอง เช่นเดียวกับเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานไปพร้อมๆ กัน ซึ่งก็ตรงตามแบบฉบับนาฬิกาแห่งไลฟ์สไตล์เออร์เบินนิสต์ของ Maurice Lacroix นั่นเอง