หลายๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ ใจกลางกรุงเทพ ก็คงจะได้เห็นสัญลักษณ์สุดไอคอนิก หลุยส์ วิตตอง ขนาดใหญ่ประดับอยู่บนอาคารกัน ซึ่งหลังจากมีข่าวลือกันมาสักพักใหญ่ ก็ถึงคราวเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้กับ ‘LV The Place Bangkok’ จุดหมายแห่งใหม่ล่าสุดที่รวมคอนเซ็ปต์ครบทุกประสบการณ์ภายในพื้นที่เดียวกัน ตั้งแต่งานนิทรรศการ คาเฟ่ รีเทลสโตร์ และร้านอาหาร พร้อมทั้งดีไซน์สถาปัตยกรรมและการตกแต่งอันสวยงาม ตลอดจนเมนูต่างๆที่รังสรรค์ขึ้นให้กับเหล่าสาวกแบรนด์ชาวไทยโดยเฉพาะ
LV The Place โดดเด่นด้วยความงดงามของแสงออร่าอันเปล่งประกายจากมุมตึก โดยด้านนอกตกแต่งด้วยประติมากรรมรูปทรงเพชรขนาดใหญ่ที่ส่องแสงยามค่ำคืนซึ่งหยิบยกแรงบันดาลใจจากพานพุ่มที่คนไทยคุ้นเคยกันดี พร้อมกับความพิเศษที่อัดแน่นอยู่ภายในซึ่งรอให้ทุกคนมาค้นพบจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด และความคิดสร้างสรรค์ในโลกของหลุยส์ วิตตอง ณ ปัจจุบัน
เริ่มต้นกันที่นิทรรศการ ‘Visionary Journeys’ ที่จะพาคุณไปสัมผัสมรดกล้ำค่าอันเป็นที่มาของเมซงซึ่งไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อน ในส่วนของทางเข้าจะต้อนรับทุกคนด้วยทรังก์ 96 ใบมาเรียงต่อกันราวกับอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่เรื่องราวการเดินทางของหลุยส์ วิตตอง ทั้งงานฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม โดยห้องต่างๆ นั้นถูกแบ่งเป็นโซนแสดงในรูปแบบแตกต่างกัน ซึ่งผสมผสานเรื่องราวบริบทใหม่ทั้งประวัติศาสตร์ และชิ้นงานร่วมสมัย รวมไปถึงผลงานคอลาบอเรชั่นที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีห้องสำหรับของที่ระลึกหลากสีสันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพมุมสูงของตลาดนัดรถไฟไทยที่โด่งดังบนโลกโซเชียล
ถัดมาที่จุดเช็กอินของสายคาเฟ่ที่จะต้องตกหลุมรักสุดๆ สำหรับคาเฟ่ Le Café Louis Vuitton ที่เปิดให้บริการบริเวณชั้น 1 ของ LV The Place Bangkok มีความน่าสนใจที่เมนูขนมซึ่งได้รับการรังสรรค์ขึ้นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น Star Blossom Cake เค้กช็อกโกแลตรสละมุนผสมผสานคาราเมลเข้มข้น, Monogram Cake เค้กพิสตาชิโอที่ได้ความหอมอ่อนๆ ของกลิ่นส้ม นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มหลากหลายกับลาย Latte Art สุดน่ารัก หรือเมนู Mango Sticky Rice Fizz เครื่องดื่มเย็นสดชื่นที่ได้แรงบันดาลใจจากข้าวเหนียวมะม่วงของไทย ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งที่ผสมผสานดีเทลของเมซง และมาสคอตวิเวียน ซึ่งร้านคาเฟ่แห่งนี้ ดำเนินการ โดย บริษัท สยามพิวรรธน์
ส่วนใครที่ต้องการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ต้องห้ามพลาดกับ GAGGAN at Louis Vuitton ร้านอาหารแรกของเมซงในภูมิภาคเอเชียใต้โดยฝีมือเชฟอินเดียผู้มีชื่อเสียงอย่าง Gaggan Anand นำเสนอเมนูประจำซีซั่นที่รังสรรค์พิเศษให้กับหลุยส์ วิตตอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 S ได้แก่ Sweet, Sour, Salty, Spicy และ Surprise ตั้งแต่เมนูล็อบสเตอร์กับซอสที่ได้แรงบันดาลใจรสชาติแบบไทย ไปจนถึงสูตรเมนูเห็ดในแผ่นแป้งที่มีแรงบันดาลใจจากแพตเทิร์น Damier โดยตัวร้านตกแต่งด้วยด้วยทรังก์สัญลักษณ์ของหลุยส์ วิตตอง ที่นำมาร้อยเรียงต่อกันเป็นรูปปิระมิดบริเวณทางเข้า พร้อมการจัดเรียงโต๊ะรับประทานอาหารที่ทำด้วยหินอ่อนจากอิตาลีเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ทุกมื้ออาหารของคุณพิเศษยิ่งขึ้น และใครที่ต้องการประสบการณ์อาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟก็ยังสามารถจองห้องส่วนตัวได้เช่นกัน
ปิดท้ายกับรีเทลสโตร์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 2 กับคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์สโตร์ที่รวบรวมเอาไอเท็มแฟชั่นจากหลุยส์ วิตตองเอาไว้อย่างครบครัน พร้อมการนำเสนอคอลเล็กชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่างกระเป๋ารุ่น Alma Nano Rainbow ใน 5 โทนสี หรือเสื้อทีเชิ้ตในคอลเลกชั่นสุภาพสตรี Cruise 2024 ด้วย 4 สีพิเศษ และไฮไลต์อย่างรองเท้าสนีกเกอร์ LV Trainer Upcycling ที่มากับดีไซน์เอกลักษณ์ไม่เหมือนใครซึ่งมีเพียง 85 คู่บนโลกเท่านั้น โดยทั้งหมดนี้จะวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียวในโลก รวมไปถึงบริการ Hot Stamp ลวดลายมาสคอตของเมซงโดยตั้งชื่อพิเศษว่า ‘Nong Vivienne’ เพื่อต้อนรับการเปิดตัวร้านแห่งนี้โดยเฉพาะอีกด้วย