ตัวอย่างของความเรียบหรู ดูดี และมีสไตล์แบบ Quiet Luxury ที่ Longines พาแอล ประเทศไทย ร่วมสัมผัสกับนิยามใหม่ของนาฬิกาข้อมือสุภาพสตรีที่ดูดีตั้งแต่หน้าปัดจดปลายสาย อย่าง Longines Mini DolceVita นอกจากนี้ ยังมีโมเมนต์สำคัญกับการได้พูดคุยกับ Jennifer Lawrence ถึงเรื่องราวของเวลาและนาฬิกาเรือนใหม่ที่เธอได้มีโอกาสสวมใส่บนข้อมือ
นาฬิกาข้อมือ Longines DolceVita ถือเป็นคีย์คอลเล็กชั่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Longines มาอย่างยาวนาน ในฐานะเรือนเวลาทรงเหลี่ยมที่ตีความหมายของสไตล์ Art Deco มาสู่ความอ่อนหวานแห่งชีวิต โดยสื่อผ่านข้อความและแรงบันดาลใจของคำว่า ‘DolceVita’ ที่เราคุ้นเคย เอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่นนี้ยังรวมไปถึงความสมมาตรที่สร้างสรรค์สุนทรียะความสวยงามที่สมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็มอบสัมผัสของความสง่างามแบบร่วมสมัย ทั้งจากรูปทรงตัวเรือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าและการตกแต่งหน้าปัดด้วยสไตล์เฉพาะตัวอันชัดเจน นั่นเอง ที่ทำให้ Longines DolceVita กลายเป็นที่จดจำได้ทั้งชื่อและภาพลักษณ์การออกแบบซึ่งสะท้อนความอ่อนโยน แต่ก็มั่นใจของผู้หญิง
ด้วยวิวัฒนาการการออกแบบนาฬิกาข้อมือสุภาพสตรีนับจากอดีต และการปรากฏโฉมของบรรดานาฬิกาตัวเรือนเหลี่ยมที่มีมาแล้วนับตั้งแต่ยุค 1910s นั้น Longines ได้เลือกแสดงออกถึงความสง่างามโดยการออกแบบและปรับโฉมหน้าตาของนาฬิกาข้อมือทรงสี่เหลี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลอดช่วงทศวรรษ 1920 – 1930 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราได้เห็นนาฬิกาตัวเรือนเหลี่ยมเหล่านี้ในหลากหลายดีไซน์ อย่าง การปรับโฉมหน้าปัดด้วยการตกแต่งระหว่างตัวเลขบอกชั่วโมงดีไซน์ต่างๆ ไปจนถึงการใช้เครื่องหมายขีดหรือมาร์กเกอร์มาจัดวางแทน ขณะที่ตัวเรือนเองก็มีการปรับแต่งโครงสร้างและรูปทรงไปตามยุคสมัย เช่น ด้านข้างตัวเรือนแบบเรียบหรือไล่ระดับ หรือตกแต่งขอบมุมแบบเหลี่ยมชัดสลับกับขัดแต่งแบบกลมมน แต่ก็ยังคงไว้ด้วยเอกลักษณ์ของการเป็นนาฬิกาตัวเรือนเหลี่ยมรูปทรงผืนผ้าสไตล์ Art Deco
ส่วนในยุคหลังของการพัฒนา Longines DolceVita นั้นมีจุดเด่นที่สังเกตได้ชัดเจน คือความมนของตัวเรือนเหลี่ยมและสายนาฬิกาที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อให้สวมใส่ได้เรียบเนียนรับกับข้อมือมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการตกแต่งพื้นผิวโลหะที่แตกต่างและสลับกันระหว่างองค์ประกอบของตัวเรือนและสาย เพื่อเพิ่มมิติของแสงสะท้อนให้นาฬิกาเหล่านี้ดูมีความคล้ายกับเครื่องประดับมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ายังมีอีกหลายรุ่นและหลากเวอร์ชันของนาฬิกา Longines DolceVita ที่ประดับตกแต่งด้วยเพชรทั้งบนหน้าปัดและตัวเรือน พร้อมทั้งตัวเลือกของสาย อย่าง สายโลหะที่ให้ลุคทันสมัย หรือสายหนังแบบคลาสสิกหรู
การพัฒนาเหล่านี้ถือเป็นการปูเส้นทางสำคัญมาสู่การสร้างสรรค์นาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ของ Longines Mini DolceVita ในวันนี้ได้เป็นอย่างดี เหมือนกับที่ Matthias Breschan ซีอีโอของ Longines เล่าให้เราฟังว่า “นาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนถึงความแตกต่างและโดดเด่นของ Longines ซึ่งประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบหลักๆ อย่างแรก คือ มรดกที่สร้างความยูนีคให้กับตัวตนของเรา อย่างที่ 2 คือการให้ความสำคัญของ Longines กับทั้งนาฬิกาสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษเท่าๆ กัน และอย่างที่ 3 คือการมีคอลเล็กชั่นที่เข้มแข็งและครอบคลุมทั้ง Sport และ Classic ซึ่งแยกจากกันอย่างชัดเจน การพัฒนาทุกๆ องค์ประกอบเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน จึงช่วยรักษาความสมดุลและเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโต รวมถึงความสำเร็จให้กับแบรนด์และนาฬิกา Longines
“ใน Mini DolceVita ทิศทางที่เราได้ตั้งใจไว้นั้นคือการสร้างสรรค์ผลงานที่มีกลิ่นอายของความเป็น Bijoux และจิวเวลรีมากขึ้น ทั้งยังชวนให้นึกย้อนไปถึงมรดกของเรา กับการรังสรรค์นาฬิกาทรงเหลี่ยมมาก่อนหน้านี้แล้วนับตั้งแต่ยุค 1920s ซึ่งได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงยุค 1930s หลังจากนั้น ในปี 1997 จึงได้ใช้ชื่อ Longines DolceVita มาเป็นชื่อคอลเล็กชั่นนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมเหล่านี้ พร้อมการเปิดตัวตามมาของสโลแกน The Elegance is an Attitude โดยใน Mini DolceVita ได้ตีความใหม่ให้กับตัวเรือนรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ผสมผสานด้านในหน้าปัดด้วยการตกแต่งรูปวงกลมหรือรูปสี่เหลี่ยม ชวนให้นึกถึงความลงตัวและการผสมผสานองค์ประกอบอันสมดุล ที่เรามักเห็นได้จากสถาปัตยกรรมต่างๆ รอบตัว
เช่น ในมหานครนิวยอร์กแห่งนี้ ด้วยอาคารและตึกรามที่เป็นทั้งการตัดกันและผสมผสานระหว่างเส้นตรงและรูปทรงเรขาคณิตอื่นๆ ได้อย่างลงตัว ตลอดจนถึงก้อนอิฐต่างๆ ที่ได้กลายมาเป็นดีไซน์ใหม่ของสายโลหะในนาฬิการุ่นนี้ด้วย ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงออกที่ไม่ได้โชว์ออฟ แต่มีความนอบน้อม อ่อนหวานและมีเสน่ห์ เป็น Quiet Luxury ที่เรียบง่าย สะดวกสบาย แต่ก็สง่างามอย่างมากได้เหมือนกัน
“นาฬิกา Longines Mini DolceVita มีงานดีไซน์ใหม่ทั้งเรือน ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือน โลหะ และสายสเตนเลสสตีล หรือสายหนัง เพื่อสร้างสรรค์บุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังเป็นการร่วมงานกับ Jennifer Lawrence ที่เรารู้สึกตื่นเต้นและเชื่อว่าจะสามารถร่วมกันถ่ายทอดความโดดเด่นของเรือนเวลาเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
เรายังได้พูดคุยกับ Jennifer Lawrence แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ Longines ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเวลาและนาฬิกา Longines Mini DolceVita ที่เธอได้สวมใส่ “ฉันมักแสดงออกถึงตัวตนอย่างเป็นธรรมชาติ และเชื่อว่าความสง่างามจริงๆ นั้น มาจากความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งยังเป็นความสง่างามที่จะอยู่เหนือกาลเวลา เหมือนกับที่ Longines แสดงออกผ่านนาฬิกาของพวกเขา ขณะที่ความหรูหราเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เราให้ความสำคัญและมีผลต่อจิตใจของตนเอง มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่คุณเท่านั้นจะสัมผัสได้ มันอาจหมายถึงช่วงเวลาหรือเป็นสิ่งที่ปกป้องเวลาของคุณ กับการใช้เวลาในสิ่งที่คุณอยากทำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับทัศนคติของตนเอง อีกอย่างเวลาเป็นสิ่งล้ำค่า เป็นสิ่งที่เราจะได้ชื่นชมและสนุกไปกับวันเวลาและโมเมนท์นั้นๆ ได้
“ความประทับใจใน Longines Mini DolceVita คือความน้อยแต่มาก มีความปราดเปรียว แม่นยำและมั่นใจได้ เป็น Quiet Luxury ที่แฝงไปด้วยความโดดเด่นของสไตล์ ที่เป็นได้ทั้งความแคชวล เป็นทางการ และเป็นความสง่างามที่ไม่ต้องพยายาม”
Jennifer Lawrence แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ Longines พร้อมด้วย เก้า-สุภัสสรา ธนชาต Friend of Longines ประเทศไทย และเบ ซูจี แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ Longines ได้ร่วมภายในงานเปิดตัว Longines Mini DolceVita อย่างเป็นทางการที่จัดขึ้น ณ Gotham Hall ใจกลางมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเผยโฉมผลงานระดับมาสเตอร์พีซนี้ที่สืบทอดมาจากนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมระดับตำนานของ Longines นับจากปี 1927 รวมถึงคอลเล็กชั่น DolceVita ดั้งเดิมจากปี 1997 อันเป็นจุดเริ่มต้นของสโลแกน ‘Elegance is an Attitude’ โดยมาพร้อมทั้งการออกแบบใหม่ด้วยสไตล์ตัวเรือนกะทัดรัด ปราดเปรียวและอันทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังรักษาความประณีตละเอียดอ่อนที่ผสานด้วยความคลาสสิกและสุนทรียะความสวยงามอันร่วมสมัย ผ่านการนำเสนอในหลากหลายเวอร์ชันที่ต่างก็สะท้อนถึงความหรูหราแบบ Quiet Luxury และความสง่างามในแบบฉบับของ Longines