เมื่อพูดถึงซีรี่ส์วายเรามักจะนึกถึงแต่ซีรี่ส์แบบ BL ทว่าการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและรสนิยมของผู้ชมที่หลากหลายยิ่งขึ้น ในที่สุดเราก็มีละคร GL ระดับปรากฏการณ์อย่าง ‘ใจซ่อนรัก’ ที่ไม่เพียงฉีกแนวออกจากกรอบเดิมๆ แต่ยังนำเสนอความรักและการสำรวจตนเองด้วยอารมณ์อันละเอียดอ่อน ทำให้ชื่อของ 2 นางเอก หลิงหลิง คอง และ ออม กรณ์นภัส ตราตรึงอยู่ในใจของผู้ชม การเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งระหว่างตัวละครหญิงสองคนในเรื่องนี้ได้ทลายขอบเขตทางเพศ แสดงให้เห็นถึงมิติความรักที่หลากหลาย และนำมาซึ่งการตีความความรักและอิสรภาพในรูปแบบใหม่ ทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมและการถ่ายทอดทางสายตาที่ละเอียดอ่อน ทำให้เรื่องราวความรักของพวกเธอจริงใจและสะเทือนใจมากยิ่งขึ้น หลิงและออมได้มาถ่ายทอดคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนใหม่ล่าสุดของ Dior ก่อนใคร และทำให้ ELLE ได้มีโอกาสสนทนากับพวกเธอทั้งเรื่องในจอและนอกจอ

“ฉันได้เรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้นจากการแสดง และมีโอกาสได้สัมผัสกับผู้คนที่แตกต่างกันมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีคุณค่ากับฉันมาก” หลิงหลิง คอง
นางเอกละครไทยที่เกิดและเติบโตที่ฮ่องกง
หลิงหลิง คอง ผู้รับบทฟ้าลดา แพทย์ผิวหนังในซีรี่ส์ที่ครองใจแฟนละครอย่างล้นหลามในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยความงามที่สวยคมเข้มและรูปร่างที่เซ็กซี่ตามแบบฉบับลูกครึ่ง จริงๆ แล้วเธอคือลูกครึ่งฮ่องกงที่เกิดและเติบโตในฮ่องกง แล้วสาวลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงที่มีความสามารถพูดได้ถึง 4 ภาษาคนนี้เข้าสู่แวดวงบันเทิงไทยได้อย่างไร?

ELLE: จากการประกวดนางงามที่จังหวัดขอนแก่น มาสู่การเป็นนักแสดงนั้นคุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ความแตกต่างระหว่างทั้งสองบทบาทคืออะไร?
LING: หลังจากผ่านประสบการณ์ทั้งสองที่แตกต่างกันก็พบว่าตัวเองชื่นชอบการแสดงมากขึ้น ได้เรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้นจากการแสดง และได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้คนแตกต่างกันมากมายที่ สิ่งเหล่านี้มีคุณค่ากับฉันมาก ต้องบอกว่าการประกวดความงามสอนให้ฉันอดทนและเข้าใจความสำคัญของความมีชีวิตชีวาในการแข่งขันและการออกแสดงบนเวที
ELLE: บทบาท ‘ฟ้าลดา’ ของคุณใน ‘ใจซ่อนรัก’ ทำให้ความนิยมของคุณพุ่งสูงขึ้น คุณเตรียมตัวสำหรับการแสดงอย่างไร?
LING: เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทนี้ ฉันได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปหลายครั้ง และขอคำแนะนำจากผู้กำกับ สำหรับฉัน แม้ว่าฟ้าลดาจะเป็นแพทย์มืออาชีพ แต่เธอก็ยังคงมีความเป็นมนุษย์ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะแยกแยะระหว่างตัวตนของเธอในฐานะแพทย์ และตัวตนของเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง จริงๆ แล้วฉันไม่มีแบบอย่างที่เฉพาะเจาะจงนะคะ แต่มุ่งไปที่การจินตนาการว่าเธอรู้สึกและควรปฏิบัติตนอย่างไรในแต่ละสถานการณ์ จากนั้นใช้ความเข้าใจของตัวเองในการถ่ายทอดบทบาทของตัวละคร

ELLE: คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เข้าสู่วงการบันเทิงและได้รับบทนำเป็นครั้งแรกในเรื่อง ‘มักกะลีที่รัก’?
LING: ตอนนั้นรู้สึกประหม่ามาก ได้แต่คิดในใจว่า “วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ฉันต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง?” จำได้ว่ามีการถ่ายทำครั้งหนึ่งที่ต้องโหนสลิง วันนั้นฉันกินแค่ ‘คุกกี้ข้าวเจ้า’ เท่านั้น แถมยังพักผ่อนมาน้อย เพราะคืนก่อนหน้าทำงานจนดึก ส่งผลให้รู้สึกวิงเวียนมาก ละครเรื่องนี้มีฉากยากๆ เยอะมาก แต่ก็สอนอะไรให้ได้มากเช่นกัน
ELLE: คุณเติบโตในฮ่องกงและย้ายมาเมืองไทยเมื่ออายุ 17 ปี ประสบการณ์เหล่านี้ส่งผลต่อทัศนคติส่วนตัวและอาชีพของคุณอย่างไร อะไรคือความตื่นตระหนกทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่คุณพบในขณะนั้น?
LING: การได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น วัฒนธรรมของประเทศไทยมีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่ขนบธรรมเนียม อาหาร ภาษา ประวัติศาสตร์ ไปจนถึงมารยาท สำหรับฉันที่เติบโตในฮ่องกง ทุกแง่มุมทำให้รู้สึกว่าน่าสนใจมาก วัฒนธรรมไทยเหล่านี้ทำให้รู้สึกถึงความแปลกใหม่และเต็มไปด้วยความดึงดูดใจ
ELLE: ภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของคุณมีอิทธิพลต่ออาชีพการแสดงของคุณในประเทศไทยและฮ่องกงหรือไม่?
LING: วัฒนธรรมของฮ่องกงค่อนข้างตรงไปตรงมา ผู้คนคุ้นเคยกับการแสดงความคิดเห็นกันต่อหน้า และการวิพากษ์วิจารณ์ก็ค่อนข้างชัดเจนไม่อ้อมค้อม เมื่อฉันมาทำงานในประเทศไทยครั้งแรก พบว่าตัวเองต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการสื่อสารที่แตกต่างกัน และพยายามซึมซับวัฒนธรรมไทย นี่เป็นกระบวนการของการปรับตัว รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้และการเติบโตนี้มาก อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฉันคือภาษาค่ะ

ELLE: คุณเพิ่งเปิดตัวแบรนด์แฟชั่นของคุณเอง อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มต้นเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการ?
LING: ฉันอยากเริ่มต้นธุรกิจมาโดยตลอด แฟชั่นและอาหารเป็นสองสิ่งที่โปรดปราน ชอบอาหารแต่ทำอาหารไม่เก่ง (หัวเราะ) แฟชั่นก็เป็นสิ่งที่หลงใหลมาตลอด ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำไมไม่ลองเริ่มต้นธุรกิจดูล่ะ? ฉันหวังว่าแบรนด์นี้จะสวมใส่ได้ง่ายสำหรับทุกคน และสร้างสไตล์แฟชั่นที่หลากหลายทันสมัย ชื่อแบรนด์ ‘AlwaysWonder’ ได้แรงบันดาลใจจากบุคลิกของตัวเอง ส่วนตัวแล้วเป็นคนขี้สงสัย จึงชอบสำรวจและครุ่นคิดอยู่เสมอ
ELLE: ในฐานะพิธีกร คุณได้แสดงให้เห็นแง่มุมต่างๆ ใน ‘Shocking Asia Reboot: Thailand’ และ ‘Thai Rogered’ ช่วยเล่าเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจหน่อยได้ไหม?
LING: เมื่อมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าถึงตอนนี้ตัวเองได้ลองทำงานมาหลายอย่างแล้วละ! (หัวเราะ) มันเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก ฉันรักอาหารและนี่คือความสุขของฉัน รายการเหล่านี้เป็นความร่วมมือข้ามพรมแดนระหว่างจีนและไทย ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกัน สิ่งที่มีความสุขที่สุดคือฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ออกสำรวจร้านอาหารที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน!

“เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ฉันต้องตระหนักถึงความสำคัญของความรับผิดชอบและการทำงานหนักในฐานะนักแสดงให้มากยิ่งขึ้น” ออม กรณ์นภัส
ดาวเด่นทายาทนักแสดงของเมืองไทย
ใน ‘ใจซ่อนรัก’ ออม–นักแสดงสาวรับบท ‘เอิน’ ผู้น่ารักออดอ้อนกับฟ้าลดา จนเกิดเป็นฉากคลาสสิกแสนหวานและอบอุ่น สำหรับชีวิตจริงแล้ว ออมเป็นคนร่าเริงและเป็นกันเอง คุณแม่ของเธอคือนักแสดงรุ่นใหญ่อย่างก้อย-นฤมล ในฐานะดาราดาวรุ่งของสถานีโทรทัศน์จากกระแสความนิยมของซีรี่ส์นี้ ทำให้เธอก้าวไปทีละขั้นๆ ในโลกของศิลปะการแสดง ในใจของเธอจะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ?
ELLE: จากซีรี่ส์เรื่อง ‘สูตรรักนักการโรงแรม’ ไปจนถึงการเซ็นสัญญากับสถานีโทรทัศน์ คุณคิดว่าจุดเปลี่ยนในอาชีพของคุณคืออะไร?
ORM: ฉันคิดว่าจุดเปลี่ยนคือ ‘ใจซ่อนรัก’ ซีรี่ส์นี้ทำให้ได้รับความสนใจมากขึ้น ได้รับความรักและการสนับสนุนจากแฟนๆ มากขึ้น และนำโอกาสที่ดีมาสู่อาชีพการงานของตัวเอง
ELLE: ใน ‘ใจซ่อนรัก’ ตัวละครเอินของคุณได้รับความรักจากผู้ชมอย่างลึกซึ้ง อะไรคือส่วนที่ท้าทายที่สุดในการตีความตัวละครตัวนี้?
ORM: เอินเป็นตัวละครที่อ่อนโยนในแบบฉบับของผู้หญิง แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกน่ารำคาญเกินไป ในบทเธอต้องติดตามฟ้าลดาอย่างต่อเนื่อง และฉันไม่อยากถ่ายทอดให้เธอดูดื้อรั้นจนเกินไป และทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทนี้ ฉันได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปมากมายเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับนักแสดงท่านอื่นๆ ค่ะ

ELLE: ประสบการณ์การเติบโตในฐานะลูกสาวของนักแสดง ก้อย–นฤมลเป็นอย่างไร? สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าสู่วงการบันเทิงของคุณหรือไม่?
ORM: แม้ว่าแม่จะเป็นนักแสดง แต่ที่น่าสนใจก็คือแม่ไม่ได้ชักจูงให้เข้าสู่วงการนี้ วันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งของแม่ยื่นแบบฟอร์มออดิชั่นมาให้ แล้วแม่ก็ส่งต่อมาให้ฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นแค่คิดว่า “เอาละ ลองดูสักตั้ง” ก็เลยไปออดิชั่นด้วยตัวเอง แม่ไม่ให้คำแนะนำหรือสอนเทคนิคใดๆ เลยค่ะ ฉันเองก็ไม่มีความมั่นใจเลย รู้สึกเหมือนตัวเองสติหลุดมากตอนไปออดิชั่น (หัวเราะ)
ELLE: คุณมีแม่ที่เป็นนักแสดงมากประสบการณ์ คุณเคยขอคำแนะนำด้านการแสดงจากเธอหรือไม่ คำแนะนำที่สำคัญที่สุดที่เธอให้กับคุณคืออะไร?
ORM: เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ฉันต้องตระหนักถึงความสำคัญของความรับผิดชอบและการทำงานหนักในฐานะนักแสดงให้มากยิ่งขึ้น แม่มักจะเน้นย้ำถึงทัศนคติแบบมืออาชีพและความมีวินัยในตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการแสดง แทนที่จะสอนเทคนิคทั้งหมดให้ในคราวเดียว แม่กลับแนะนำทีละขั้นตอน เมื่อไรก็ตามที่ฉันทำผิด แม่จะคอยแนะนำแนวทางที่ถูกต้องให้ เมื่อเวลาผ่านไป ฉันจดจำและสั่งสมประสบการณ์เหล่านั้น และนำมันมาใส่ไว้ในสไตล์การแสดงของตัวเอง

ELLE: เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่คุณกำลังศึกษาระดับปริญญาโทด้านนวัตกรรมสื่อสารสังคม ในขณะที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คุณสร้างสมดุลระหว่างการเรียนและการทำงานอย่างไร?
ORM: ฉันรู้สึกขอบคุณมหาวิทยาลัยของฉันจริงๆ ที่ให้ฉันได้จัดสมดุลระหว่างการเรียนและการทำงานไปพร้อมๆ กัน ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญคือการมีการสื่อสารที่ดีกับทางมหาวิทยาลัย ฉันถามทางคณะว่าสามารถชดเชยการเข้าเรียนด้วยรายงานเพิ่มเติมได้ไหม เนื่องจากไม่สามารถเข้าเรียนได้อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาก็สนับสนุนอย่างเต็มที่
ELLE: บทบาทของคุณในฐานะอัญญาใน ‘เกมล่าทรชน’ ได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวางถึงบทบาทอันเข้มข้นของตัวละครนี้ คุณดำดิ่งสู่เบื้องลึกทางอารมณ์ของตัวละครนี้อย่างไร?
ORM: ตัวละครอัญญาเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและพ่อของเธอเป็นนักเลง แต่ชะตากรรมของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่พ่อแม่ของเธอถูกยิงเสียชีวิต เธอกลายเป็นคนเข้มแข็ง ขบถและเด็ดเดี่ยว สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตัวตนของฉันในความเป็นจริง บทบาทนี้ช่วยให้ได้เรียนรู้ที่จะจินตนาการถึงตัวละครจากมุมมองที่แตกต่างกัน และลองทำสิ่งที่จะไม่ทำในชีวิตจริง เช่น ตอนสวมบทบาทการแสดง ถ้าฉันต้องการต่อยใครฉันก็สามารถเข้าไป ‘ต่อย’ ได้จริงๆ (หัวเราะ)

คู่ที่แข็งแกร่งที่สุด
ทุกวันนี้ ‘ใจซ่อนรัก’ ถือว่าเป็นซีรี่ส์ GL สุดปัง และการผสานเคมีของตัวละครหลักทั้งสองก็ได้รับความรักจากผู้ชมอย่างล้นหลามถึงขั้นสร้างแฮชแท็ก #LingOrm ขึ้นมา นักแสดงทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันในจอ แต่นอกจอ นักแสดงชื่อดังทั้งสองก็คอยสนับสนุนกันเสมอ และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็น่ารักไม่แผ่วเลย
ELLE: เคมีที่เข้ากันระหว่างฟ้าลดาและเอินดึงดูดใจมาก หน้ากล้องคุณมีถ่ายทอดความสัมพันธ์แบบแค่มองตาก็รู้ใจกันออกมาได้อย่างไร?
LING: ฉันมักจะถ่ายทอดอารมณ์ไปตามจังหวะของตัวละครในแต่ละฉาก ถูกสอนให้มุ่งความสนใจไปที่ตัวละครตรงหน้าและดื่มด่ำไปกับตัวละครนั้นอย่างเต็มที่ ซึ่งฉันเชื่อว่าจะสะท้อนองค์ประกอบและเคมีใหม่ๆ ออกมา ฉันรู้สึกขอบคุณผู้กำกับที่ให้อิสระในการแสดงตามแนวของตัวเอง และการเปิดกว้างนี้ทำให้ได้ลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้เกิด ‘ช่วงเวลามหัศจรรย์’ ระหว่างเรา (หัวเราะ)
ORM: เรื่องนี้ทำให้ฉันประหลาดใจมาก และดีใจที่เคมีเข้ากันดีจนแฟนๆ เชื่อในตัวละครของเรา เรามีบุคลิกที่แตกต่างกัน พี่หลิงเป็นผู้ใหญ่มากและพร้อมจะสนับสนุนฉันในชีวิตจริงเสมอ เช่น ตอนที่ฉันเหนื่อยระหว่างถ่ายทำ พี่เขาก็จะปลอบฉันด้วยน้ำเสียงหวานๆ แล้วพูดว่า “ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี…ออม”

ELLE: คุณมีช่วงเวลาที่น่าจดจำหรือตลกอะไรบ้างในระหว่างการถ่ายทำ?
LING: มีฉากตลกๆ ที่ต้องพูดหวานๆ กับออมแล้วมองดู ตามบทเธอก็ควรจะตื่นและลืมตาขึ้นมา แต่ในขณะนั้นออมนอนหลับไปจริงๆ แล้ว ไม่ยอมตื่นขึ้นมาตามบท! ทุกคนที่นั่นเริ่มหัวเราะ และทีมงานต้องสั่งคัต มันเป็นช่วงเวลาที่ตลกมาก!
ORM: ตอนถ่ายเอินวางลูกโป่งไว้ที่ประตูลิฟต์เพื่อขอโทษฟ้าลดา ผู้กำกับหลบไปกระซิบบอกพี่หลิงว่าให้ทำอะไรสักอย่างให้ฉันตกใจ จึงให้ผลักหน้าฉันออกไป เมื่อฉันวิ่งไปหาพี่เขา เธอพยายามผลักหน้าฉัน แต่บังเอิญไปโดนจมูกของฉัน ซึ่งมันเจ็บมากจนน้ำตาแทบไหล! ทุกคนถึงกับตกใจจนไปต่อไม่ถูกเลยละ
ELLE: #LingOrm มีความหมายต่อคุณอย่างไร? คุณคิดอย่างไรกับแฟนๆ ที่ชื่นชอบ?
LING: รู้สึกขอบคุณจริงๆ เพราะทุกคนทำงานกันอย่างหนักเพื่อทำให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเมื่อแฟนๆ ชื่นชอบ มันทำให้ตัวละครและซีรี่ส์โดยรวมมีความสมบูรณ์มากขึ้นจริงๆ สำหรับฉัน มันเหมือนกับของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าส่งมา
ORM: ฉันซาบซึ้งกับการสนับสนุนของพวกเขาจริงๆ รู้สึกโชคดีมากที่มีแฟนๆ มากมายคอยสนับสนุนพวกเราอย่างต่อเนื่อง

ELLE: คุณสองคนมีความทรงจำที่น่าสนใจในชีวิตบ้างไหม?
LING: ครั้งหนึ่งเราเคยไปทำงานที่ญี่ปุ่น และหลังจากเสร็จงานแล้วเราก็นั่งรถทัวร์ชมเมืองและสนุกสนานกัน ในอนาคตถ้ามีเวลาว่างมากขึ้น ฉันอยากพาออมไปเที่ยวทะเล เพราะฉันชอบทะเลและชายหาดมาก
ORM: ถ้ามีเวลาว่าง พี่หลิงชอบไปยิม แต่ออมมักจะอยู่บ้าน แต่มีข่าวดีที่อยากจะบอกกับทุกคน นับจากนี้ไป จะเริ่มออกกำลังกายแล้วนะ! จำได้ว่าตอนที่อยู่ญี่ปุ่น ขอคิดก่อนนะคะ… “พี่หลิง ที่ญี่ปุ่นเราไปเที่ยวที่ไหนกันนะ เราเคยไปโตเกียวทาวเวอร์ไหม? พี่จำเรื่องนั้นได้ไหม?” โอเค จำได้แล้ว พวกเราอยู่บนรถบัสซิตี้ทัวร์สองชั้นสีแดงที่ไม่มีหลังคา รถแล่นไปรอบๆ เมืองเพื่อชมแสงไฟและการประดับตกแต่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ELLE: ธีมหลักเรื่อง LGBTQ+ ในซีรี่ส์เรื่องนี้โดนใจผู้ชมทั่วโลก คุณหวังว่าผู้ชมจะได้รับแง่คิดอะไรจากซีรี่ส์นี้?
LING: แฟนคลับคนหนึ่งเล่าว่าหลังจากดู ‘ใจซ่อนรัก’ แล้ว เธอก็เข้าใจและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ซีรี่ส์นี้สนับสนุนให้ผู้ชม LGBTQ+ บางคนยอมรับตัวตนที่แท้จริงและมีความรักอย่างกล้าหาญ ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ซีรี่ส์นี้ทำให้แฟนๆ จำนวนมากได้เปิดใจเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น ตอนแรกฉันคิดว่าผู้ชมเรื่องนี้คงเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง แต่ว่าฉันก็แปลกใจที่พบว่าแฟนๆ มาจากทุกสาขาอาชีพ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนชรา และเด็ก รวมทั้งรุ่นแม่และรุ่นยาย! เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ได้เห็นการแสดงออกถึงความรักที่แตกต่างกันมากมาย เชื่อว่าทุกคนควรมีอิสระในความรักโดยไม่มีข้อจำกัดของเพศสภาพ สิ่งนี้ทำให้ฉันมีความสุขจริงๆ ค่ะ
ORM: ฉันรู้สึกว่าสังคมเริ่มยอมรับชุมชน LGBTQ+ มากขึ้น เมื่อก่อนปู่ย่าตายายของฉันไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจดีขึ้นแล้ว ส่วนตัวคิดว่าซีรี่ส์นี้อาจจะไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึก แต่บอกเล่าให้ผู้ชมเห็นว่าความรักแบบนี้เป็นเรื่องปกติ มันแสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายของความรัก และสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศหรืออายุ

ELLE: คุณเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับกันและกันขณะทำงานร่วมกัน?
LING: สำหรับฉันออมเป็นคนคิดบวกและมีความรับผิดชอบสูง แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็ทำงานหนักและเปิดรับโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ การได้เห็นความทุ่มเทของเธอ ทำให้ฉันเฝ้าไตร่ตรองและผลักดันตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมเสมอ
ORM: สิ่งหนึ่งที่แม่และฉันเห็นพ้องต้องกันก็คือ ฉันมีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงมากขึ้น ในขณะที่
พี่หลิงแสดงออกและกระตือรือร้นมากขึ้น นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้คำแสลงระหว่างกันและกัน เช่น คำว่า ‘ก๊าบ’ (วิธีพูดคำว่า ‘ใช่’ แบบน่ารักตะมุตะมิ) เราก็จะพูดคำเหล่านั้นเวลาคุยเล่นกัน
ELLE:คุณรู้สึกผ่อนคลายและปรับตัวอย่างไรหลังจากถ่ายงานมาทั้งวัน คุณมีงานอดิเรกหรือความสนใจร่วมกันหรือไม่?
LING: ฉันมักจะไปยิมเพื่อฝึกยกน้ำหนัก ทั้งยังชอบเล่นพิลาทิสด้วย ฉันชอบออกไปหาของกินอร่อยๆ โดยเฉพาะบะหมี่ จะว่าไปฉันกินได้เกือบทุกอย่าง! อาหารแนวสตรีตฟู้ดก็เป็นหนึ่งในรายการโปรดของฉันเช่นกันค่ะ
ORM: งานอดิเรกคือการเลี้ยงปลาสวยงามและปลูกสวนขวดแก้ว ฉันอยากไปต่อยมวยกับพี่หลิง! เคยชวนแล้วด้วย แต่เราไม่มีโอกาสไปด้วยกัน เพราะตารางงานแน่นทุกวัน!
ELLE: ถ้าคุณสองคนออกแบบคอลเลกชั่นร่วมกัน ธีมหรือแรงบันดาลใจจะเป็นแบบไหน?
LING: เราจะมีเสื้อผ้าแบบยูนิเซ็กซ์ เช่น คาร์ดิแกนและแจ็กเกตที่ทุกคนใส่ได้อย่างแน่นอน โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบสไตล์ที่ไม่จำกัดเพศ เพราะเทรนด์ในปัจจุบันเป็นเรื่องฟรีสไตล์และการไม่แบ่งแยก แฟชั่นไม่มีความเฉพาะเจาะจงทางเพศอีกต่อไป และไม่มีกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจง แบรนด์ของเรามีบางอย่างสำหรับทุกคนและสามารถสวมใส่ได้ในโอกาสต่างๆ
ORM: พูดตามตรง เราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังเลย แต่ถ้าเป็นแบรนด์เดียวกัน ฉันว่าคงจะเป็นอะไรที่สวมใส่ง่าย ใครๆ ก็ใส่ได้สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
Photographer : Nucha Jaitip
Fashion director : Kim Au
Stylist : Rachata Bhupatwanitch
Hair : Kasem Konsue (Orm) , Makthory Prom (Lingling)
Make up : Prachaphan Prayoonpan (Orm) , Janejira Phanvichian (Lingling)
Producer : Seraphic Studios
Local Support : Friendster
Text : Kenas Kwong
Translate : Thanit Thanakulmas
Coordination : Karen Woo
Design : Rachel Tsui