นับตั้งแต่ร่วมงานกันครั้งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน แบรนด์นาฬิกาสวิส Hublot และศิลปินช่างสักชื่อดัง Maxime Plescia-Buchi ผู้ก่อตั้ง Sang Bleu ก็ได้จับมือร่วมกันสร้างนิยามใหม่ให้กับศิลปะแห่งเรือนเวลา ผ่านผลงานความร่วมมือของทั้งคู่ที่รังสรรค์ไว้อย่างสวยงามสะกดสายตาเสมอ เหมือนกับในซีรีส์นาฬิกาแห่งรอยสัก 3 โฉมใหม่ของ Spirit of Big Bang Sang Bleu ในวันนี้ ที่เชื่อว่าแฟนๆ ของทั้งคู่ย่อมตกหลุมรักได้ไม่ยาก
เริ่มจากโฉมแรกของนาฬิกาตัวเรือนคริสตัลแซปไฟร์ทั้งเรือน ในเวอร์ชัน Spirit of Big Bang Sang Bleu Sapphire ที่เลือกเล่นระหว่างความเหมือนและแตกต่าง ระหว่างเอกลักษณ์ของตัวเรือนทรงตอนโนโค้งตามแบบฉบับของ Spirit of Big Bang ที่ยังคงไว้ แต่ปรับลุคสู่ความแตกต่างครั้งใหม่ของการรังสรรค์ขึ้นจากแซปไฟร์โปร่งใสและเน้นความโดดเด่นของรูปทรงเหลี่ยมด้านที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทว่า ยังคงสัดส่วนของตัวเรือนที่เหมาะสำหรับทั้งข้อมือบุรุษและสตรี โฉมใหม่นี้จึงชูจุดเด่นของทั้งความโปร่งใส ความเบาสบาย และความบริสุทธิ์แบบมินิมอลที่หลอมรวมกันอย่างกลมกลืน และเผยให้สัมผัสได้ทั้งจากหัวใจของกลไกภายในอันซับซ้อน อย่าง HUB4700 ที่มองเห็นได้จากทั้งด้านหน้าปัด และผ่านฝาหลังโชว์โรเตอร์ออกแบบขึ้นมาใหม่ในสไตล์ของ Sang Bleu กับแรงบันดาลใจของงานการแกะสลัก ขัดขอบ แต่งมุม พร้อมทั้งอวดลวดลายอันละเอียดอ่อนเหมือนกับศิลปะรอยสักที่สำนักนี้เชี่ยวชาญ ดังนั้น ความเด่นของผลงานรุ่นนี้ย่อมหนีไม่พ้นความซับซ้อนแต่ลงตัวระหว่างรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปหกเหลี่ยม สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน และสามเหลี่ยมที่มาอยู่รวมกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการกลึงแบบ 3 มิติของรูปทรงต่างๆ นี้จำเป็นต้องใช้เวลาในการรังสรรค์กว่า 100 ชั่วโมง ยังไม่นับรวมถึงห้วงเวลาอันทุ่มเทและอุตสาหะในการรังสรรค์ผลงานแต่ละขั้นตอนอย่างพิถีพิถันและประณีต ทว่า สุดท้ายแล้วก็ให้ผลลัพธ์อันแสนคุ้มค่า ทั้งเป็นการช่วยเสริมมิติอันลุ่มลึกและยังเผยเสน่ห์ชวนมองให้กับเรือนเวลาอันโปร่งใส ที่ถ่ายทอดถึงความนุ่มนวลซึ่งตรงกันข้ามกับความแข็งแกร่งของนวัตกรรมวัสดุแซปไฟร์ รวมถึงโครงสร้างอันเข้มแข็งของกลไกภายในนี้ได้อย่างไร้ที่ติ
จากความโปร่งใสที่มองเห็นได้แบบทะลุปรุโปร่งมาสู่ความงดงามระยิบระยับจับตาของอีกหนึ่งการตีความภายในเวอร์ชันประดับอัญมณีล้ำค่าของ Spirit of Big Bang Sang Bleu High Jewellery ที่แม้จะปกคลุมตัวเรือนไปด้วยเพชร แต่ก็ยังคงสะท้อนรูปทรงเหลี่ยมด้านและลวดลายแบบรอยสักที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sang Bleu ไว้ได้อย่างชัดเจน โดยในเวอร์ชันสุดหรูหรานี้มีให้เลือกทั้งในรุ่นตัวเรือนไวต์โกลด์ และ King Gold ทั้งคู่ประดับด้วยเพชรบาแกตต์คัตรวมถึง 243 เม็ด ซึ่งผ่านคัดสรร จัดวางและประดับตกแต่งเรียงต่อกันได้อย่างกลมกลืนเสมือนเป็นภาพรอยสักที่มีความลื่นไหลต่อเนื่อง และสามารถพรรณนาเล่าเรื่องราวของภาพได้อย่างน่าชม ผ่านเส้นเรื่องที่ดำเนินไปอย่างสวยงามด้วยประกายแสงเจิดจรัสที่เจิดจ้าขึ้นในทุกๆ การเคลื่อนไหวของข้อมือผู้สวมใส่ ขณะที่หน้าปัดยังคงเป็นแบบสเกเลตัน เปิดเปลือยให้เห็นความซับซ้อนของกลไกและสลับระหว่างการตกแต่งลวดลายรอยสักของศิลปินผู้ร่วมรังสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นเอกบอกเวลาได้เหล่านี้
ความร่วมมือกันระหว่าง Hublot และ Maxime Plescia-Buchi แห่ง Sang Bleu นี้ นับเป็นการผนึก 2 โลกแห่งศิลปะต่างแขนง แต่มาอยู่รวมกันได้อย่างสวยงาม และมอบเป็นดั่งศิลปะแห่งเวลาที่จับต้องได้ ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความหมายอันไร้กาลเวลา