ด้วยชื่อเสียงที่สอดคล้องกับการเป็นอัญมณีอันแสนวิเศษ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว Graff จึงเป็นแบรนด์เครื่องประดับอัญมณียอดปรารถนาสูงสุดของผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ชื่อชั้นในฐานะ ‘King of Diamonds’ ไม่ได้คว้ากันมาง่ายๆ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญและมรดกแห่งงานฝีมือด้านอัญมณีที่ Graff สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงทำให้แบรนด์นี้เติบโต และครองใจผู้หญิงที่หลงใหลในเครื่องประดับชั้นสูงได้เสมอมา
ROUTE OF LEGACY
นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 1960 จวบจนวันนี้ Graff ซึ่งดำเนินธุรกิจโดยครอบครัว ทั้ง Laurence Graff OBE ผู้เป็นประธาน และบุตรชายของเขา François ที่นั่งแท่นเป็น CEO ของแบรนด์ ยังคงรักษาเป้าหมายสูงสุดในการสร้างสรรค์เครื่องประดับและอัญมณีล้ำค่าที่เป็นยอดปรารถนาของผู้หญิง ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงหนึ่งเดียว โดยผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ ที่แต่ละขั้นตอนนั้นล้วนต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและทักษะชั้นเลิศของช่างฝีมือและนักอัญมณีแห่ง Graff อย่างพิถีพิถันเสมอ
สิ่งที่ Graff ให้ความสำคัญมากที่สุด ยังคงเป็น ‘อัญมณี’ แต่ละชิ้นที่เปรียบเหมือนหัวใจของผลงานชิ้นเอก โดย Graff เป็นหนึ่งในบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรเพียงไม่กี่รายในโลกที่เติบโตด้วยการใช้กลยุทธ์ควบรวมกิจการแนวดิ่ง กับการมีบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเพชรเป็นของตนเอง อย่าง South African Diamond Corporation (SAFDICO) ทำให้แบรนด์สามารถคัดสรร ตัดและเจียระไนเพชรได้เองและในจำนวนที่มากพอตามความต้องการ นอกจากนี้ ผลงานสร้างสรรค์แต่ละชิ้นยังรังสรรค์ขึ้นด้วยมือภายในห้องปฏิบัติการของแบรนด์เอง ณ เมย์แฟร์ ลอนดอน เพื่อให้ Graff เป็นตัวแทนของอัญมณีแห่งความสวยงามเหนือกาลเวลา พร้อมทั้งสร้างตำนานที่สามารถส่งทอดจากเจเนอเรชันสู่เจเนอเรชัน
THE MEET OF DIAMONDS AND CRAFTSMANSHIP
ณ ห้องปฏิบัติการของ Graff เป็นการเดินทางมาพบกันของทีมช่างฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละแขนง กับเทคนิคชั้นสูงและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ล้วนเป็นส่วนเติมเต็มให้การสร้างสรรค์เครื่องประดับอัญมณีอันโดดเด่น ทั้งยังแตกต่าง
‘King of Diamonds’ ฉายาที่ไม่เกินจริงของ Graff ที่ได้มาจากชื่อเสียงอันเป็นที่รู้จักจากความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง โดยเฉพาะเครื่องประดับจากเพชรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวอันเลื่องชื่อ เช่น Infinity Diamond เพชร D Colour หนัก 157.8 กะรัต ซึ่งเป็นหนึ่งในเพชรทรงหัวใจใหญ่ที่สุดในโลก และ Graff Lesedi La Rona ตำนานแห่งเพชรเจียระไนทรงเอเมรัลด์คัตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังมีคุณภาพสี (colour) และความสะอาด (clarity) สูงที่สุดเท่าที่เคยผ่านประกาศนียบัตรโดย GIA หนักถึง 302.37 กะรัต ที่แบรนด์ใช้เวลากว่า 18 เดือน นับจากการเสาะหามาสู่กระบวนการวิเคราะห์ ตัดและเจียระไน กว่าจะได้มาเป็นความสมบูรณ์ของ Graff Lesedi La Rona ซึ่งเปิดตัวในปี 2019
นอกจากนี้ ยังมีบรรดาเพชรสีหายาก อย่าง Pink Diamond 13.33 กะรัต ที่ Graff ได้มาในปี 2019 และ Yellow Diamonds ซึ่งแบรนด์นำมารังสรรค์สู่คอลเล็กชั่นเครื่องประดับอัญมณีหายากในปีนี้ พร้อมทั้งเผยโฉมในงาน Sunrise: A Celebration of Graff Yellow Diamonds ที่ประกอบด้วยผลงานเครื่องประดับซึ่งตกแต่งด้วยเพชร Fancy Yellow Diamonds น้ำงามที่สุดของโลก นับเป็นการตอกย้ำถึงชื่อเสียงของ Graff ในฐานะแบรนด์อัญมณีแห่งเพชรสีหายากเช่นกัน
EPITOME OF LOVE
ไม่มีสิ่งใดจะเป็นตัวแทนของความรักได้ดีไปกว่าแหวนและเครื่องประดับสำหรับคู่รักและแหวนแต่งงาน สัญญาแห่งรักที่มอบให้แก่กันและกัน เพชรของ Graff ได้ร่วมเป็นสักขีพยานแห่งรักมาอย่างยาวนาน ด้วยเพราะความเป็นเพชรที่ดีที่สุด ผ่านงานฝีมือของการตัดและเจียระไนอย่างงดงามที่สุด คอลเล็กชั่น Engagement & Bridal จึงได้รับความไว้วางใจจากบรรดาคู่รักทั่วโลก
ความพิเศษของแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานของแบรนด์ยังรวมไปถึงการผสมผสานด้วยสัมผัสแห่งความประณีตละเอียดอ่อนจากงานฝีมือและทักษะชั้นเลิศ โดยเฉพาะคอลเล็กชั่นอันโด่งดัง อย่าง Laurence Graff Signature Bands คู่ของแหวน Wedding Bands ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และถ่ายทอดความสวยงามของเพชรได้อย่างเต็มที่ โดยเพชรเหล่านี้ล้วนผ่านการรังสรรค์ด้วยความแม่นยำเดียวกันตามแบบฉบับของ Graff พร้อมมอบเป็นดั่งของขวัญเฉลิมฉลองความรักที่เหนือกาลเวลา
นอกจากนี้ ในวันแห่งการเฉลิมฉลองแต่งงาน สิ่งที่เจ้าสาวจะขาดไม่ได้ก็คือความเครื่องประดับที่สะท้อนถึงความอ่อนหวานและโรแมนติก ความสง่างามและหัวใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก คอลเล็กชั่น Bridal Jewellery ของ Graff จึงถ่ายทอดสัมผัสเหล่านี้ที่พร้อมเติมเต็มความพิเศษให้กับวันอันแสนพิเศษ ทั้งยังสามารถเก็บความทรงจำนี้ไว้ภายในชิ้นเครื่องประดับที่นำมาสวมใส่ในโอกาสพิเศษครั้งต่อๆ ไปได้อย่างไม่รู้จบ และนี่เองคือเสน่ห์ของบรรดาคอลเล็กชั่นระดับตำนานสำหรับเหล่าคู่รักและผู้เป็นที่รักของ Graff
THE SYMBOLIC RADIANCE
นอกเหนือจากความเฉิดฉายของบรรดาเครื่องประดับแห่งอัญมณีหายากและเครื่องประดับตัวแทนแห่งความรักแล้ว Graff ยังนำเสนอคอลเล็กชั่นจิวเวลรีที่มีความหลากหลาย เป็นเอกลักษณ์และเหมาะสำหรับการเลือกสวมใส่ในชีวิตประจำวัน อย่างคอลเล็กชั่น Butterfly หนึ่งในผลงานไอคอนิกของแบรนด์ ที่ล่าสุดได้เปิดตัวบทแรกแห่งเรื่องราวอันสร้างสรรค์ใหม่ ด้วยภาพความสวยงามที่ถ่ายทอดผ่านอัญมณีชิ้นเอกจากคอลเล็กชั่น Butterfly โดยยังคงสื่อถึงสัญลักษณ์และความหมายของการเปลี่ยนรูป โอกาส และการเริ่มต้นใหม่
ส่วนในคอลเล็กชั่น Tilda’s Bow แสดงออกถึงจินตนาการและความฝันที่สามารถกลายเป็นจริงผ่านเครื่องประดับรูปทรงริบบิ้นเพชรที่มอบความสดใส แต่คงความโดดเด่นของจิวเวลรีล้ำค่า รวมถึงตัวอย่างของ Wild Flower อีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากธรรมชาติที่มีอิทธิพลเสมอต่องานสร้างสรรค์ของ Graff คอลเล็กชั่นนี้จึงมีความโดดเด่นจากการเลือกใช้รูปทรงของดอกไม้และสไตล์ของสวนอังกฤษ แสดงออกถึงมิติอันเปี่ยมเสน่ห์ของผู้หญิงที่ถ่ายทอดผ่านช่อดอกไม้แห่งอัญมณี และเติมเต็มด้วยความเป็นอิสระ เช่นกันกับอวดงานฝีมือ อย่างการประดับเพชรแบบ pavé หรือเทคนิคฉลุโปร่งแบบ openwork บนโครงร่างของเครื่องประดับชิ้นต่างๆ ซึ่งสะท้อนถึงสัดส่วนที่อาจไม่สมดุลหรือสมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นไปตามธรรมชาติ และกลายเป็นความสวยงามอันบริสุทธิ์ ซึ่งแบรนด์ได้นำมาตีความไว้ในคอลเล็กชั่นเครื่องประดับของตนเสมอ
หากกำลังมองหาเครื่องประดับที่สามารถสะท้อนตัวตนและรสนิยมของตนเอง ขณะเดียวกันก็ยังคงความล้ำค่าแห่งอัญมณีคุณภาพ ความสมดุลขององค์ประกอบเหล่านี้ในคอลเล็กชั่นผลงานของ Graff อาจเป็นหนึ่งในคำตอบที่ผู้หญิงตามหา ชมคอลเล็กชั่นของ Graff หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง graff.com หรือเยี่ยมชมแฟล็กชิปสโตร์ของ Graff ได้ที่ ION Orchard สิงคโปร์