หลายคนอาจเคยยินชื่อและคุ้นตากับแบรนด์จิวเวลรี่ดีไซน์สุดเก๋และมีเอกลักษณ์เฉพาะอย่าง Fred มาบ้างแล้ว เราเองก็ได้ทำความรู้จักกับแบรนด์มาบ้างแต่ยังไม่เคยเจาะลึกในความเป็นมาได้เท่าครั้งนี้ ที่ได้ร่วมเดินทางไปกับ Fred สู่บ้านเกิดของเมซง รวมถึงได้ร่วมชมคอลเล็กชั่นและบูติกทั้ง 3 แห่งของ Fred ในประเทศฝรั่งเศส
ณ บูติกแรกที่เราได้แวะไปเยี่ยมชมคือ Fred Flagship Store ที่ตั้งอยู่บนถนน Rue de la Paix ย่านช็อปปิ้งหรูของกรุงปารีส ซึ่งนับเป็นบูติกแห่งสำคัญภายในอาคารสูง 4 ชั้น ประกอบด้วยชั้นล่างสำหรับจัดแสดงจิวเวลรี่คอลเล็กชั่นต่างๆ ที่ครบครันที่สุด ส่วนชั้นถัดไปเป็นห้องรับรองพิเศษไว้คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน และจัดแสดงเรื่องราวของ Fred ผ่านชิ้นงานทางประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนเส้นทางการทำงานและพลังสร้างสรรค์ของ Mr. Fred Samuel ผู้ก่อตั้ง ซึ่งในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก Valérie Samuel ทายาทของครอบครัวผู้ก่อตั้ง และในฐานะ Artistic Director & Vice President มาบอกเล่าถึงประวัติ ตลอดจนเรื่องราวของผลงานสร้างสรรค์แต่ละชิ้นที่ล้วนมีความน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นคอลเล็กชั่นเข็มกลัด เครื่องประดับชิ้นเล็ก ไปจนถึงเพชรสีเหลืองหายากที่รู้จักกันว่า Soleil d’Or และเหล่าผลงานมาสเตอร์พีซทั้งในอดีตและปัจจุบัน
นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้ชมคอลเล็กชั่นไฮจิวเวลรี่สุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ Mr. Fred Samuel ภายใต้ชื่อ Monsieur Fred Inner Light จากแรงบันดาลใจของบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ก่อตั้ง และขับด้วยรัศมีเรืองรองแห่งความคิดสร้างสรรค์ โดยนำมาตีความ พร้อมทั้งถ่ายทอดผ่านมรดกงานฝีมืของแบรนด์ภายในคอลเล็กชั่นไฮจิวเวลรี่ที่แบ่งออกเป็นธีมต่างๆ อย่าง Soleil d’Or Radiant Energy โดดเด่นด้วยแสงเรืองรองของเยลโลว์โกลด์และไวต์โกลด์ประดับเพชรสีเหลือง หรือ Creative Instinct ที่ประดับตกแต่งบนไวต์โกลด์ด้วยมุกอะโกย่าและมุกเซาต์ซี พร้อมทั้งประดับเพชรเช่นเดียวกับจิวเวลรี่รูปทรงสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่าง Force 10 Winning Spirit ซึ่งแต่ละชิ้นประดับเพชร Fred Hero Cut เทคนิคการตัดและเจียระไนเฉพาะของเมซง ทั้งยังเสริมประกายเจิดจรัสด้วยอะควอมารีน แซปไฟร์ หรือเปลือกหอยมุก
ส่วนธีมที่เราหลงรักเป็นพิเศษคือ Pain de Sucre Joyful Attitude ที่สื่อทั้งความหมายในเชิงบวก กับเสน่ห์ของการใช้เทคนิคชั้นสูงในการคัดสรรอัญมณีสีฟ้าน้ำทะเลไล่เรียงเฉดทีละเม็ดอย่างสอดคล้องลงตัวบนตัวเรือนไวต์โกลด์ ประดับอโนไดซ์ไทเทเนียมสีฟ้าอะควอมารีน และเปลือกหอยมุกได้อย่างกลมกลืนและเรียบเนียนมากๆ นอกจากนี้ยังมีชิ้นงานอย่างสร้อยข้อมือที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงและรูปแบบของการสวมใส่ได้อย่างหลากหลายด้วย กับอีกหนึ่งผลงานคือ Pretty Woman Generous Heart ที่นำเอาความเชี่ยวชาญของ Fred ในการเจียระไนอัญมณีรูปทรงหัวใจมาใช้รังสรรค์ชิ้นงานเครื่องประดับได้อย่างสวยงามด้วยดีไซน์ทันสมัย ทั้งยังเปี่ยมด้วยความหมายและหลอมรวมเข้ากับดีเอ็นเอที่ชัดเจนของเมซงได้อย่างลงตัว
The Maison Fred
เรื่องราวของ Fred เริ่มต้นขึ้นจากบุรุษนามว่า Mr. Fred Samuel ผู้ที่เกิดในอาร์เจนตินาและในครอบครัวซึ่งทำธุรกิจด้านอัญมณี ดังนั้น เขาเองจึงมีความหลงใหลเป็นพิเศษทั้งในอัญมณี เพชร และไข่มุก นอกจากนี้ มร.เฟรดยังชื่นชอบในอัญมณีเฉดสีชมพูครีม หรือที่เป็นที่รู้จักว่า ‘Fred-colored’ โดยนับจากต้นยุค ’50s อัญมณีสีไม่ว่าจะเป็นแซปไฟร์จนถึงเพชรสี ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นและเอกลักษณ์ของเมซงแห่งนี้ รวมถึงแรงบันดาลใจของการสร้างสรรค์เครื่องประดับของ มร.เฟรดที่มักได้มาจากแสงอาทิตย์และความสดใส ความสนุกสนานของช่วงวัยเด็กในอาร์เจนตินา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามักมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานของเขาเรื่อยมา เช่นเดียวกับในทุกวันนี้ที่ Maison Fred ยังคงอุทิศให้กับแรงบันดาลใจ ความรัก และความหลงใหลในแสงอาทิตย์และสีสันที่หลอมรวมและแสดงออกผ่านคอลเล็กชั่นอันหลากหลายของ Fred เสมอ
คอลเล็กชั่นจิวเวลรี่หลักๆ ของ Fred นั้นประกอบด้วยชิ้นซิกเนเจอร์อย่าง Force 10 และ Pretty Woman ไปจนถึง Chance Infinie, Pain de Sucre, Success และ Ombre Féline ขณะที่ก็ยังมีคอลเล็กชั่น Customizable ที่ลูกค้าสามารถเลือกเปลี่ยนสลับระหว่างองค์ประกอบของเครื่องประดับได้ เช่น สร้อยข้อมือของ Force 10 Bracelets, Cables และ Cabochons รวมทั้งคอลเล็กชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟของเหล่าผลงานเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง
Always Young
ในระหว่างการเดินทาง เราได้สัมภาษณ์ Charles Leung ซีอีโอของ Fred เขาเล่าให้ฟังถึงจุดเด่นและความเป็น Fred ในฐานะแบรนด์จิวเวลรี่ที่มีความผูกพันกับชีวิตมากกว่าการเป็นเพียงเครื่องประดับกาย
“เราต้องการให้ Fred เดินตามรอยเจตนารมณ์ของ มร.เฟรด ที่ปรารถนาให้ผลงานจิวเวลรี่ของเขาสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกๆ คน ไม่จำเป็นต้องดูเป็นทางการ แต่ก็หรูหราสง่างามได้ ซึ่งก็ตรงกับคาแร็กเตอร์ที่ Julia Robert เคยสวมสร้อยคอของ Fred High Jewelry ในภาพยนตร์เรื่อง Pretty Woman นั่นแสดงให้เห็นว่าผู้คนรุ่นใหม่ก็สามารถสวมใส่จิวเวลรี่ได้ สามารถมีความสุขและสนุกไปกับการเลือกสวมใส่จิวเวลรี่ที่สะท้อนความเป็นตัวของตนเองได้ นอกจากนี้เรายังได้รับความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้คนรุ่นใหม่ ซึ่งนั่นได้มอบมุมมองใหม่ๆ ให้กับเราเสมอ และเป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
“เช่น ในคอลเล็กชั่นที่ออกแบบด้วยความหลากหลายของแบรนด์ แต่ละคอลเล็กชั่นยังมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนแตกต่างกัน อย่างเช่น Force 10 เป็นหนึ่งในผลงานที่ผมชอบทั้งในแง่ของความหมายแห่งพลังและความเชื่อในทางบวก เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์และความผูกพันกับชีวิต หรือคอลเล็กชั่นที่มีดีไซน์บวกกับสีสันพิเศษต่างๆ รวมถึงหนึ่งในเอกลักษณ์ของ Fred ตลอดกาลคือ Pretty Woman จิวเวลรี่ที่มีเอกลักษณ์ของรูปทรงหัวใจ เพราะ มร.เฟรดชื่นชอบในอัญมณีรูปทรงหัวใจมาอย่างยาวนาน กระนั้นความพิเศษของ Pretty Woman ก็ยังรวมไปถึงการแสดงออกถึงทักษะและความเชี่ยวชาญในการเจียระไนอัญมณีรูปทรงหัวใจนี้ที่ถือว่ายากมากในการทำงาน และต้องอาศัยเพียงประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะของช่างอัญมณี นอกจากนี้ จุดเด่นของ Fred คือการเล่นกับจิวเวลรี่ของคุณเองได้ เช่น การเปลี่ยนสายหรือกำไลข้อมือ หรือเปลี่ยนหินสีที่ประดับบนหัวแหวนได้ตามความชอบและสไตล์การแต่งตัวในแต่ละวัน ที่นับเป็นหนึ่งในความอัจฉริยะและเปลี่ยนวิธีการสวมใส่เครื่องประดับในแบบของคุณเองได้ตลอดเวลา
“นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Fred ผมรักในจิตวิญญาณเชิงบวกของแบรนด์ ที่ไม่เพียงถ่ายทอดผ่านคอลเล็กชั่นเครื่องประดับต่างๆ แต่ยังรวมถึงอีกหลากหลายกิจกรรมด้านสังคมที่แบรนด์เข้าร่วม เช่น การผนึกกำลังกับ Special Olympics เพื่อสนับสนุนนักกีฬาผู้มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา โดยการนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสร้อยข้อมือสตีล Force 10 #gobeyond บริจาคสมทบทุนให้กับองค์กร ทั้งยังเป็นการร่วมส่งเสริมผู้คนให้มี positive goal ในชีวิต เหมือนกับปรัชญาและจิตวิญญาณการสร้างสรรค์ที่ยังคงสืบทอดมาจาก มร.เฟรด และทายาทเจเนอเรชั่นต่างๆ เพราะ Fred เป็นแบรนด์แห่งการเฉลิมฉลองความสุขและการใช้ชีวิต เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง มีบุคลิกของความแอ็กทีฟ สนุกสนาน เป็นสากล และมีความสปอร์ตอยู่ในตัว ที่นับเป็นอีกหนึ่งความแตกต่างสำหรับแบรนด์จิวเวลรี่หรูในตลาด
“ในอนาคตนั้นยังมีความท้าทายอีกมากมายรออยู่ โดยเฉพาะการสร้างให้แบรนด์เป็นที่รู้จักของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และส่งต่อคุณค่าแห่งการสร้างสรรค์จิวเวลรี่เหล่านี้ไปยังผู้คนรุ่นใหม่ๆ ต่อไป เหมือนกับที่ มร.เฟรดได้วางแผนไว้ให้กับแบรนด์ของเขาเอง เช่นเดียวกับก้าวสำคัญของ Fred สู่เมืองไทย ที่ ณ ตอนนี้เรามีบูติกแล้วถึง 2 แห่งในกรุงเทพฯ ทั้งที่ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ซึ่งเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นตลาดลักชัวรี่ที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมีศักยภาพด้านการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่พร้อมต้อนรับแบรนด์สินค้าหรูใหม่ๆ”
The Beauty of Riviera
จุดหมายปลายทางของเราครั้งนี้ยังรวมไปถึงการเยี่ยมเยือนอีก 2 บูติกสำคัญในฝรั่งเศส ทั้ง Fred Boutique ณ Saint-Jean-Cap-Ferrat หนึ่งในไข่มุกแห่งเฟรนช์ริเวียร่า และปิดท้ายด้วยการชม Fred Boutique ในเมือง Cannes ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสีสันของผืนน้ำที่บรรจบกับผืนฟ้า สะท้อนถึงบรรยากาศและแรงบันดาลใจของ Fred ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยบูติกเหล่านี้ล้วนครบครันด้วยคอลเล็กชั่นเครื่องประดับและผลงานสร้างสรรค์พิเศษของแบรนด์ ตลอดจนแทบทุกแห่งยังมีมุมสำหรับถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นตำนานและความหลงใหลที่ มร.เฟรดได้มอบเป็นดั่งมรดกอันทรงคุณค่าแห่งการสร้างสรรค์อัญมณีไว้ให้กับเมซง