หลังจากได้ชมกูตูร์คอลเล็กชั่นครั้งที่ 53 ของ Balenciaga เชื่อว่าใครหลายๆ คนตื่นตาไม่น้อยและรู้สึกสนุกมากขึ้นกับกูตูร์ในครั้งนี้ แว๊บแรกที่เห็นจะนึกเสื้อผ้าสตรีตแวร์ซะมากกว่า แต่แท้จริงแล้วมันคือการผสมผสานวัฒนธรรมตั้งแต่อดีตของแบรนด์จนถึงปัจจุบันได้อย่างทรงพลังเพราะ Demna ได้เลือกที่จะหยิบยกเรื่องราวตั้งแต่เมื่อสองทศวรรษที่แล้วของ Cristóbal Balenciaga มาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจและเลือกดึงซิลลูเอตอันเป็นเอกลักษณ์มารังสรรค์ใหม่ใน Balenciaga 53rd couture ตามแบบฉบับของแบรนด์ในยุคปัจจุบัน
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คุณจะเห็นเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์แนวมินิมัล เสื้อฮูดดี้โอเวอร์ไซซ์ มาเป็นหนึ่งในคีย์หลักของคอลเล็กชั่นกูตูร์แถมยังได้แรงบันดาลจาก Warhol ที่เขานำของใช้ในชีวิตประจำวันมารังสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ดังนั้น Demna จึงดึงเสื้อยืดที่เขาใช้ในชีวิตประจำวันมายกระดับสู่กูตูร์ แต่ใช่ว่าจะเป็นเสื้อยืดธรรมดาหากคุณได้สัมผัสและเห็นชุดจะได้พบกับความเฉียบคมที่ถูกเย็บมือทั้งตัวโดยใช้ผ้าซาตินสคูบาสีดำ และลวดลายเป็นการเพ้นต์มือโดยทั้งหมดที่ได้รับการวาดด้วยมือโดยศิลปิน Abdelhak Benallou ตลอดจนถึงเสื้อโค้ตกูตูร์ขนสัตว์ที่ใช้เทคนิคภาพลวงตา (trompe l’oeil) ซึ่งสร้างสรรค์จากผมสังเคราะห์ที่ขึ้นรูปและย้อมด้วยมือโดยช่างทำผม Gary Gill (ใช้เวลาประมาณ 2.5 เดือนในการผลิต) หมวกที่ถูกสวมในโชว์ สร้างสรรค์โดยการนำเสื้อยืดที่จับเดรปด้วยมือนำมาแช่เรซิ่นให้แข็งตัว เป็นการร่วมมือกับศิลปิน Ni Hao และเสื้อคาร์บอนไฟเบอร์ที่ทำร่วมกับศิลปิน Alastair Gibson อีกด้วย
แต่หากกูตูร์ของ Balenciaga จะมีแต่สไตล์เสื้อผ้าสตรีตแวร์หรือชุดกระโปรงที่สง่างามก็คงจะไม่ใช่ Balenciaga ของ Demna เพราะความมหัศจรรย์ บทกวี และความไม่จีรังของประสบการณ์ด้านต่างๆ ของเขา สะท้อนให้เห็นแง่มุมที่หลากหลายด้าน ดังนั้นหากคุณสงสัยว่าทำไมคอลเล็กชั่นนี้จึงมีผีเสื้อล่ะ แล้วผีเสื้อเกี่ยวกับอะไร ก็นั่นแหละเพราะ Demna มองผีเสื้อเป็นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สวยงามและพิเศษ พวกมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้นจึงได้รับการออกแบบที่สมบูรณ์แบบ หน้ากากลายผีเสื้อผ่านกระบวนการปักด้วยมืออย่างพิถีพิถันเป็นเวลาหลายร้อยชั่วโมง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปิน Yumi Okita ซึ่งลายผีเสื้อนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง ความหวัง และอิสรภาพ
นอกจากนี้ Balenciaga เลือกแมตทีเรียลที่เน้นนวัตกรรมที่พัฒนาวัสดุต่างๆ ที่ถือเป็นจุดสนใจหลักในงานของ Cristóbal Balenciaga อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุดเดรสสีขาวทำจากถุงพลาสติกที่หลอมละลายและนำไปอัพไซเคิลซึ่งบางชิ้นยังคงกราฟิกดั้งเดิมอยู่ ชุดเดรสกับเทคนิกจับเดรปทำจากหนังชิ้นเดียวโดยไม่มีการตัดหนังใดใด ไม่มีเกล็ด ไม่มีตะเข็บ ยึดด้วยหมุดแบบดั้งเดิม ซึ่งการเลือกจับเดรปขึ้นมาในคอลเล็กชั่นนี้ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการที่จะยกย่องให้กับการสร้างสรรค์แพตเทิร์นระดับปรมาจารย์ของ Cristóbal Balenciaga หรือจะเดรสบัสเทียร์เข้ารูปทำจากฟอยล์อลูมิเนียมจับจีบ ชุดเดรสที่ใช้เทคนิกเดรปอีกชุดหนึ่งทำจากขนสัตว์สังเคราะห์ แต่ใช้ลวดลายขนสัตว์แบบดั้งเดิม โดยแถบเล็กๆ จะถูกตัดและเย็บเข้าด้วยกันในลักษณะก้างปลา ซึ่งเลียนแบบประเพณีเก่าแก่หลายศตวรรษในการนำเศษผ้ากลับมาใช้ใหม่ โดยใช้เวลาในการผลิตถึง 7.5 สัปดาห์ ชุดเดรสหนังฟล็อกสีดำเข้มที่ไร้รอยต่อกลายเป็นดิสเพลย์เครื่องประดับโดยชุดเดรสดังกล่าวสวมใส่ร่วมกับสร้อยคอ Cristóbal Balenciaga ที่เป็นต้นฉบับดั้งเดิมจากปี 1960
ลุคฟินาเล่ในคอลเล็กชั่น กล่าวถึงชุดแต่งงานชั่วคราวที่ทำจากไนลอน ซึ่งเป็นการนำผ้า gazar มารังสรรค์ใหม่ ซึ่งเป็นผ้าเนื้อละเอียดพิเศษที่ไม่สามารถผลิตได้ตามมาตรฐานของยุคของ Cristóbal ได้อีกต่อไป ฉะนั้นในขั้นตอนการออกแบบ ทีมงาน Couture Atelier ในยุคปัจจุบันจะจับเดรป เย็บ และแกะสลักลงบนวัสดุซึ่งมีความยาวถึง 47 เมตร ผลงานชิ้นนี้เป็นการแสดงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของกูตูร์ชั่วคราว ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการทำและ 30 วินาทีในการละลาย
‘คอลเล็กชั่นกูตูร์นี้เป็นการสรรเสริญวัฒนธรรมย่อยที่มีความสำคัญต่ออิทธิพลของแฟชั่นของฉัน ฉันเลือกส่วนประกอบถาวรสี่ชิ้นจากคอลเล็กชั่นล่าสุดเมื่อสองทศวรรษที่แล้วของ Cristóbal Balenciaga และนำไปใช้กับการออกแบบที่สวยงามของฉัน เพื่อสร้างสะพานเชื่อมโยงระหว่างความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ของ Balenciaga ซิลลูเอต และสไตล์ส่วนตัวของฉันเอง’ Demna
Balenciaga 53rd couture จึงถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวหรือบทสรุปของวัฒนธรรมดังเดิมสู่การผสมผสานรูปแบบปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปตามดีเอนเอของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แต่อย่างไรนั้นเขาก็ได้ให้เกียรติคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ในอดีตของ Balenciaga ได้อย่างแนบเนียนทั้งหมด 39 ลุค ซึ่งจะมีกี่ลุคที่คุณชื่นชอบนั้น คุณคงต้องตัดสินใจเอง แต่ที่แน่ๆ นี่คือกูตูร์ตามแบบฉบับของ Demna ที่สมบูรณ์แบบ