Tuesday, January 21, 2025

ใบปอ ธิติยา และ สวี่เอินอี๋ สองดาวรุ่งแห่งเอเชียกับแง่มุมต่างๆ ในการสร้างสมดุลให้ชีวิตช่วงเวลาขบถ

ช่วงวัยรุ่นเปรียบเสมือนช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด แม้ด้วยความแตกต่างกัน แต่ก็ล้วนแสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา ความมุมานะพยายาม และการเติบโตท่ามกลางความสับสน คัฟเวอร์เกิร์ลฉบับนี้คือหญิงสาวดาวรุ่งชาวฮ่องกงและชาวไทย สวี่เอินอี๋ (นาตาลี) และใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์ ด้วยวัยที่น้อยกว่า 20 ปี ทว่ากลับประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง ‘The Day We Lit Up the Sky’ และ ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ทำให้ทั้งสองกลายเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่มีศักยภาพสำหรับวงการภาพยนตร์ ในเดือนมีนาคมนี้ ELLE ได้พูดคุยกับพวกเธอเกี่ยวกับแง่มุมต่างๆ ในการสร้างสมดุลให้ชีวิตช่วงเวลาขบถและกฏเกณฑ์ความสำเร็จ และการสะดุดล้มในแต่ละขั้นตอนชีวิต

#Friendship

ELLE: ขณะแสดงบทบาทตัวละคร คุณเคยได้รับแรงบันดาลใจจากมิตรภาพในชีวิตจริงบ้างหรือไม่?

NATALIE: มีค่ะ บางครั้งการเล่นเป็นตัวละครที่มีบุคลิกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หรือแตกต่างจากตัวของฉันเองโดยสิ้นเชิงก็นับเป็นเรื่องที่ยากเอาการ และฉันพบว่าการนึกถึงเพื่อนหรือคนสนิทที่เฉพาะเจาะจงเอาไว้ในใจจะช่วยในการแสดงได้มาก ตัวอย่างเช่น ใน ‘World’s Greatest Dad’ ฉันเล่นเป็นคนเนิร์ดที่ค่อนข้างฉลาด อวดรู้ และผลการเรียนดีเลิศ

ขณะอ่านและศึกษาบท หลายๆ บทบาททำให้ฉันนึกถึงอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่มีหนังสืออยู่ในมือตลอดเวลา และตอบคำถามของครูได้อย่างน้ำไหลไฟดับ การนึกถึงน้ำเสียง รายละเอียดการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ภาษากาย และท่าทางของเธอช่วยให้ฉันตีความตัวละครได้ชัดเจนขึ้น และเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวคอเมดี้ การใช้เธอเป็นข้อมูลอ้างอิงจึงได้ผลดีเป็นพิเศษ ตั้งแต่การขมวดคิ้วแทนการจ้องมอง ไปจนถึงการหายใจออกแทนการหัวเราะคิกคัก

BAIPOR: เนื้อหาหลักของภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ คือเรื่องของมิตรภาพ มันทำให้ฉันนึกถึงประสบการณ์และความทรงจำในอดีตกับเพื่อนๆ ในขณะแสดงฉันจึงเลือกใช้ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนที่ดีและคนใกล้ชิดเพื่อถ่ายทอดออกมา ดังนั้น ตอนถ่ายทำเรื่องนี้จึงทำให้ฉันนึกถึงเพื่อนๆ และชีวิตสมัยมัธยมต้น

ELLE: การเป็นนักแสดงส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างไร หากพูดถึงเรื่องการสร้างสมดุลระหว่างมิตรภาพและการเรียน?

NATALIE: การเป็นนักแสดงไม่เหมือนงานปกติที่คุณมีวิถีชีวิตยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ในแต่ละวัน ยิ่งไปกว่านั้นคุณจำเป็นต้องรักษาความรู้สึกมั่นคงและจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด เมื่อบางครั้งคุณมีช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านจากงานล้นมือจนสลับร่างไม่ทันและตารางงานที่ว่างโหวงจนน่าตกใจ นอกจากนี้การเป็นนักแสดงยังหมายถึงการไปโรงละครบ่อยๆ และอ่านหนังสือเยอะๆ หนังสือช่วยให้คุณเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของคนหลายประเภทอย่างแนบแน่น ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นตั้งครรภ์ คนที่ตกหลุมรัก หรือพ่อครัว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นกล่องอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการแสดงบทบาทต่างๆ ในอนาคต ในแง่ของมิตรภาพ ฉันคิดว่าการเป็นนักแสดงช่วยได้จริงๆ เพราะฉันต้องพยายามติดต่อกับเพื่อนๆ อยู่เสมอ แน่นอนว่างานหลายอย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงโชคดีที่มีเพื่อนในวงการ เพราะนั่นหมายความว่าเราสามารถแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกร่วมกันได้อย่างลึกซึ้งและตรงไปตรงมามากขึ้น

BAIPOR: แม้ว่าฉันจะใช้เวลากับเพื่อนน้อยลง แต่เพื่อนของฉันก็เข้าใจดี ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เชื่อมโยงให้เราไม่รู้สึกห่างไกลจากเพื่อน เพราะเราส่งข้อความหรือพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอลเกือบทุกวัน ความสัมพันธ์ของเราจึงยังคงแนบเเน่นลึกซึ้ง

ELLE: คุณทั้งคู่ยังอายุน้อย คุณมีช่วงเวลาหรือประสบการณ์ซึ่งเป็นช่วงขบถ ที่คุณสามารถแบ่งปันได้หรือไม่?

NATALIE: ฉันหวังว่าฉันจะมีช่วงขบถที่ยอดเยี่ยม แต่ขอสารภาพว่าจริงๆ แล้วฉันไม่เคยกล้าพอที่จะทำเช่นนั้น! ฉันเป็นนักเรียนดีเด่นของครูและเป็นเด็กดีที่น่าหมั่นไส้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ฮ่าๆๆ! สิ่งที่บ้าบอที่สุดที่ฉันเคยทำตอนอยู่เกรด 6 ก็คือ ซ่อนบะหมี่สำเร็จรูปห่อหนึ่งเอาไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะเรียน และแอบกินในคาบเรียนวิชาภาษาจีนจนเกลี้ยง

BAIPOR: การทะเลาะกับเพื่อนสมัยมัธยมเป็นเรื่องปกติ อาจเพราะความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่หลังจากที่เราคืนดีแล้ว ความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนก็ดีขึ้นกว่าเดิมและเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น

#Love

ELLE: คุณคิดว่าอะไรที่น่าพึงพอใจที่สุดเกี่ยวกับการตีความเรื่องราวความรักบนจอภาพยนตร์?

NATALIE: ฉันคิดว่าสิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดในการตีความเรื่องราวความรักบนจอภาพยนตร์คือความไว้วางใจและความคุ้นเคยที่สร้างขึ้นระหว่างนักแสดง การตีความความสัมพันธ์ที่โรแมนติกมักต้องใช้ความใกล้ชิดและความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าหลังกล้องนักแสดงจะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์โดยเจตนาของพวกเขาก่อนการถ่ายทำจะเริ่มต้น หรือจะเกิดขึ้นในขณะร่วมงานกันก็ตามที

BAIPOR: Puppy Love เป็นความน่ารักที่ฉันสัมผัสได้จากภาพยนตร์เรื่อง ‘เธอกับฉันกับฉัน’ มันเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่บริสุทธิ์มาก และฉันก็พบว่ามันยากมากที่จะแสดงออกเพราะถ้าเราตีความอารมณ์นี้ไม่ดีนัก ผู้ชมอาจจะเข้าใจตัวละครผิดไปได้

ELLE: ในฐานะนักแสดงหญิง คุณจะรับมือกับการแสดงความสัมพันธ์แบบโรแมนติกในภาพยนตร์อย่างไร?

NATALIE: ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตีความตัวละครให้แตก หากคุณสามารถทำเช่นนั้นได้ ไม่ว่าประสบการณ์ส่วนตัวจะเป็นอย่างไร (มั่นใจเลยว่าช่วยได้ในระดับหนึ่ง) คุณก็ยังสามารถถ่ายทอดสิ่งที่สำคัญที่สุดออกมาได้ นั่นก็คือ ความคิดอ่านของตัวละครและสิ่งที่พวกเขาถ่ายทอดออกมาผ่านรูปแบบของความสัมพันธ์

BAIPOR: ครั้งหนึ่งฉันเคยรับบทตัวละครซึ่งเป็นเด็กที่หมกมุ่นอยู่กับความรัก เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ในวันที่ฉันมีอายุเท่ากับตัวละคร และไม่เข้าใจว่า ‘ความรัก’ คืออะไร ตอนนั้นฉันใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ เท่านั้น  ความรักเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมมาก แต่ฉันคิดว่าสิ่งนี้สามารถเรียนรู้ควบคู่ไปกับตัวละครได้เพื่อพยายามเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกนั้น

#Fashion

ELLE: หากแฟชั่นคือเพลงธีมหลัก เพลงนั้นคือ?

NATALIE: น่าจะเป็นเพลง ‘Complicated’ ของ Avril Lavigne! บางครั้งแฟชั่นอาจทำให้คนรู้สึกกดดัน แต่คุณก็ต้องลองถูกลองผิดเพื่อเข้าหามัน และจงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ถ้าคุณรู้สึกชอบมันในขณะนั้นและรู้สึกมั่นใจในสิ่งนั้น นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สไตล์ก็คือการทดลองและวิวัฒนาการ!

BAIPOR: มันยากที่จะจินตนาการเป็นเพลงที่สนุกสนาน แต่ฉันคิดว่าการแต่งตัวเป็นเรื่องสนุก และฉันมักอยากลองค้นพบและสัมผัสกับลุคใหม่ๆ

ELLE: ไอเท็มที่คุณชื่นชอบในฤดูกาลนี้คืออะไร?

NATALIE: อาจจะเป็นชุดว่ายน้ำ Chanel สีน้ำเงินเข้มจากการถ่ายแฟชั่นครั้งนี้ ฉันชอบรายละเอียดโลโก้ของแบรนด์ สายคาดไหล่แบบคลาสสิก คอกลม การออกแบบส่วนเว้าด้านหลัง และสีน้ำเงินรอยัลบลู เมื่อใส่แล้วทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกเหมือนเป็นนักยิมนาสติกอีกด้วย! ทันทีที่ฉันสวมก็อยากจะตีลังกาล้อเกวียนไปทุกที่เลย!

BAIPOR: ถุงเท้าและถุงน่อง เพราะมันทำให้ภาพรวมดูน่าสนใจและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ELLE: คุณสามารถแบ่งปันเทรนด์แฟชั่นที่คุณตื่นตาตื่นใจมากที่สุดในตอนนี้ได้หรือไม่?

NATALIE: ฉันไม่แน่ใจว่านี่เป็นเทรนด์หรือเปล่า แต่ช่วงนี้ฉันชอบถุงเท้าเอามากๆ โดยเฉพาะถุงเท้าที่มีสีสัน เช่น ถุงเท้าสีชมพูจะทำให้ทั้งชุดดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และถุงเท้าลูกไม้ก็ช่วยทำให้มีความเป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ฉันชอบจับคู่ถุงเท้ายาวกับกางเกงขาสั้น จะลายจุดหรือลายตารางอะไรก็ได้ เทรนด์นี้ถูกใจสุดๆ ไปเลย!

BAIPOR: Coquette Aesthetic แล้วเพิ่มริบบิ้นหรือโบเพื่อทำให้ทุกอย่างดูน่ารักยิ่งขึ้น แล้วก็เสื้อถักกับคาร์ดิแกน – เทรนด์นี้อมตะเหนือกาลเวลา!

ELLE: คุณเคยรู้สึกกดดันที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความงามหรือกฎเกณฑ์แฟชั่นในสาขาอาชีพบ้างหรือไม่?

NATALIE: แน่นอนค่ะ! มีมาตรฐานและกฎเกณฑ์มากมาย เช่น ผอมแต่ไม่ผอมเกินไป กระชับแต่ไม่มีกล้ามชัดเกินไป มีความเป็นผู้หญิงแต่ยังดูเท่ การมีใบหน้าเรียวเล็ก ผิวเปล่งประกายสมบูรณ์แบบ หรือไม่เคยใส่ชุดซ้ำเลย ฉันคิดว่ามาตรฐานและกฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุดคือการตระหนักถึงความเหมาะสมของสิ่งเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงมีความอ่อนโยนต่อตนเองและผู้อื่น ฉันพยายามสวมเสื้อผ้าซ้ำให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการสวมชุดใหม่ทุกวันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ ในชีวิต

BAIPOR:  ไม่รู้สึกกดดันเลยค่ะ บรรทัดฐานของแฟชั่นก็เป็นหนึ่งในสไตล์ และบางครั้งก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจที่ดีได้ ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเป็นตัวของตัวเอง

ELLE: คุณเคยเจอช่วงผิดพลาดทางแฟชั่นหรือไม่?

NATALIE: มีครั้งหนึ่งก่อนการแสดง ชุดเต้นรำของฉันเกิดขาดตรงบริเวณเป้า ขณะนั้นการแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว อีกไม่นานก็ถึงคิวที่ฉันต้องขึ้นเวที โชคดีที่เรามีทีมเครื่องแต่งกายที่เยี่ยมยอดที่สุด พวกเขาจัดการปัญหาได้รวดเร็วดุจสายฟ้า พวกเขาเย็บรอยขาดได้เรียบร้อย และในที่สุดฉันก็สามารถขึ้นเวทีได้ทันเวลา

BAIPOR: ฉันลองสวมรองเท้าแมรี่เจนไปเรียน แต่จู่ๆ ก็ดันทำหายไปข้างหนึ่ง และในวันนั้นฉันก็ต้องสวมรองเท้าเพียงข้างเดียว

ELLE: อะไรคือสิ่งที่ได้รับความนิยมในอดีตที่คุณอยากให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในวันนี้?

NATALIE: มีเยอะมาก! ฉันอยากเห็นกระโปรงทรงเอหรือกระโปรงทรงสอบกลับมาอินเทรนด์อีกครั้ง ฉันคิดว่าทรงหลวม ทรงสอบ และการตัดเย็บทรงสี่เหลี่ยมให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา น่ารัก อ่อนเยาว์ และมีอิสระ ฉันยังมองว่ากระโปรงพลิ้วๆ หรือเดรสสูทดูมีสไตล์ แล้วก็แว่นตายุค ’70s อันเบ้งนั่นใช่เลย! สุดท้ายฉันรู้สึกว่าทรงผมแสกข้างดูแลและจัดการได้ง่ายมาก และยังเป็นทางเลือกใหม่ๆ สำหรับการจัดแต่งทรงผมที่ดีอีกด้วย

BAIPOR: กระโปรงบัลเลต์ ผ้าพันคอกีฬา และกระโปรงลูกไม้เป็นเทรนด์แฟชั่นที่ฉันคิดว่ากำลังกลับมาตอนนี้

ELLE: คุณคิดว่าคุณมีอะไรที่เหมือนกับสุนทรียศาสตร์ของ Chanel หรือไม่ เพราะเหตุใด?

NATALIE: สุนทรียศาสตร์ของ Chanel นั้นลื่นไหลมาก ตลอดจนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามผู้ที่สวมใส่ ตัวอย่างเช่น ถ้าใบปอและฉันใส่ลุคเดียวกัน เธออาจจะดูหรูหรามีระดับ ส่วนฉันใส่แล้วอาจจะดูเด็กกว่าเธอก็เป็นได้ แต่ความรู้สึกแข็งแกร่งและเป็นนิรันดร์เป็นปัจจัยร่วมที่มีอยู่ในองค์รวมทั้งหมด และฉันหวังว่าจะสะท้อนสิ่งนี้ออกมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันเติบโตขึ้น

BAIPOR: ฉันคิดว่า Freedom of Movement คือสิ่งที่พวกเรามีร่วมกัน

#Personal Growth

ELLE: คำคุณศัพท์ที่อธิบายความเป็นตัวคุณ? 

NATALIE: ใจร้อน ใส่ใจ ละเอียดอ่อน

BAIPOR: เป็นกลาง

ELLE: ในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Day We Lit Up the Sky’ (นาตาลี) / ‘เธอกับฉันกับฉัน’ (ใบปอ) บทบาทของคุณผลักดันคุณออกจากเซฟโซนของคุณอย่างไร และมีผลกระทบต่อคุณอย่างไรบ้าง?

NATALIE: เนื่องจากเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต ดังนั้น จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทัศนคติในการเป็นนักแสดงของฉัน เพราะมันสนุกและเปิดโลกให้ฉันเป็นอย่างมาก ฉันต้องอยู่ไกลบ้านประมาณ 3 เดือนในระหว่างการถ่ายทำ นี่เป็นครั้งแรกที่จู่ๆ ฉันต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยเช่นนั้น แต่ฉันกลับชอบความรู้สึกที่ได้อยู่ในโลกของภาพยนตร์โดยไม่ต้องกังวลกับความเป็นจริง และฉันได้เห็นว่าการถ่ายทำเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้และท้าทายมากเพียงใด ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เกมที่สนุกเสมอไป ทั้งยังต้องมีความรับผิดชอบอย่างในการมอบการแสดงที่ดีที่สุดให้กับผู้ชมอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นระหว่างฉันกับนักแสดงและทีมงาน และในขณะที่ถ่ายทำ ‘Fly Me to the Moon’ ฉันโชคดีมากที่ได้สานสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับเพื่อนนักแสดง ผู้กำกับ และช่างกล้อง ถึงแม้เราจะมีช่วงอายุและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่ความผูกพันที่สร้างขึ้นในขณะที่ทำงานร่วมกันในกองถ่ายนั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง

BAIPOR: ‘เธอกับฉันกับฉัน’ เปลี่ยนชีวิตของฉันไปโดยสิ้นเชิง จากนักเรียนคนหนึ่งกลายเป็นนักแสดง ฉันได้ก้าวออกจากเซฟโซนของตัวเองอย่างแท้จริง สำหรับฉันการแสดงบทบาท ‘ฝาแฝด’ เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ต้องเข้าใจศิลปะการแสดงเพื่อให้ภาพยนตร์สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ เช่น การเล่นเครื่องดนตรี ขี่มอเตอร์ไซค์ และยังต้องแสดงภายใต้การถ่ายทำด้วยเทคนิคพิเศษ เช่น การถ่ายทำแบบแยกหน้าจอที่ช่วยให้นักแสดงคนหนึ่งปรากฏตัวในฉากสองครั้ง

ELLE: ฉากไหนในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่คุณชอบและน่าจดจำที่สุด?

NATALIE: ฉากที่ฉันชื่นชอบและน่าจดจำที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นตอนที่ตัวละครที่ฉันแสดงได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วแม่ของเธอคือใคร จริงๆ แล้วตอนที่ถ่ายทำในกองถ่ายฉันเห็นแค่จอสีฟ้าและไม่มีคนแสดงยืนอยู่ตรงข้ามฉันจริงๆ ฉันต้องใช้เวลาสักพักจึงจะเข้าใจอารมณ์นั้นได้ สุดท้ายเมื่อทุกอย่างจบลง เมื่อไปดูที่จอมอนิเตอร์ ฉันก็แปลกใจที่เห็นหยดน้ำตาของผู้กำกับศิลป์ ปรากฏว่าเขาเพิ่งมีประสบการณ์คล้ายๆ กันกับคุณแม่ของเขา นั่นคือห้วงยามที่ฉันตระหนักได้ว่าภาพยนตร์มีผลกระทบต่อผู้คนมากเพียงไหน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผู้คนจะนึกถึงส่วนหนึ่งของตนเองกับภาพหน้าจอเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้อะไรหรือเพียงแค่เชื่อมโยงได้ถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดในขณะที่รับชม แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

BAIPOR: เป็นฉากตอนไปเที่ยวงานวัดค่ะ พอรู้ว่าทีมงานสร้างฉากงานวัดขึ้นมาใหม่ก็ตกใจมาก เพราะมันดูสมจริงมาก ตอนที่ฉันเห็นฉากนั้นในภาพยนตร์ ฉันคิดว่ามันเป็นฉากที่น่าทึ่งและสวยงามมาก

ELLE: การแสดงเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความพยายามสูง ซึ่งมักมาพร้อมกับความเครียด คุณจะผ่อนคลายและรับมือกับความเครียดและอารมณ์ด้านลบในชีวิตอย่างไร?

NATALIE:  ฉันพบว่าการมีลิสต์ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเมื่อรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลนั้นมีประโยชน์มาก สิ่งแรกที่ฉันทำคือถามตัวเองว่าฉันหิวหรือเหนื่อย และหลายครั้งฉันแค่ต้องการของว่างหรืองีบหลับสักตื่น หากยังไม่ได้ผล ฉันจะดูลิสต์ที่จดไว้ นั่นรวมถึงการจดบันทึก จุดเทียนหอม วิ่งจ๊อกกิ้ง อบขนม อ่านหนังสือ เล่นกีตาร์ พูดคุยกับสุนัขของฉัน (แกล้งทำเป็นว่ามันเข้าใจภาษาคน) พูดคุยกับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง ฯลฯ

BAIPOR: ฉันไม่ใช่คนที่คิดโน่นคิดนี่อยู่ตลอดเวลา ฉันจะพยายามจัดการกับความกังวลให้เร็วที่สุด แต่บางครั้งถ้าจัดการไม่ได้จริงๆ ฉันจะใช้เวลาอยู่กับปัญหาก่อน แล้วจึงพยายามหาข้อดีและทำความเข้าใจมัน

ELLE: ใครคือแรงบันดาลใจ หรือไอดอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพการแสดงของคุณ? เพราะเหตุใด?

NATALIE: ทุกคนที่ฉันโชคดีได้มีโอกาสร่วมงานด้วย ตั้งแต่นักแสดงอย่างเลี่ยวจื่ออวี๋  (Fish) กัวฟู่เฉิง และอู๋คังเหริน ไปจนถึงผู้กำกับอย่างจางเจียฮุย จู้จื่อเยียน เย่เหว่ยซิ่น พวกเขาล้วนเป็นผู้สร้างที่ทำงานหนัก มีความกระตือรือร้น และทุ่มเท อีกทั้งยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้ของพวกเขาให้กับผู้อื่น ฉันจำได้ว่าตอนที่กำลังถ่ายทำร่วมกับฟิช ฉันต้องจดบันทึก เกี่ยวกับทุกสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากเธอไว้ในโทรศัพท์ เธอสอนฉันว่าอย่าเข้มงวดกับการแสดงมากจนเกินไป ให้ลองเล่นกับรายละเอียดย่อยๆ ที่ปกติตัวฉันมักจะกลัวการปรับเปลี่ยน นอกจากนี้เธอยังมีส่วนร่วมและกระตือรือร้นในการแก้ปัญหาเสมอ โดยปกติแล้วช่างภาพและผู้กำกับจะสื่อสารกันเองเรื่องการถ่ายทำ นักแสดงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในบางครั้ง เพียงแค่นักแสดงปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น เปิดประตูแคบลงสักนิด ปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้ในทันที ฉันโชคดีมากที่ได้สังเกตและซึมซับสิ่งเหล่านี้ขณะที่ร่วมงานกับฟิช

BAIPOR: Anya Taylor-Joy ฉันคิดว่าอันยาเป็นนักแสดงที่ทำให้ฉันเชื่อว่าเธอเป็นตัวละครนั้นจริงๆ ผ่านทักษะการแสดงของเธอ เธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากและ เธอเป็นคนที่จัดระเบียบร่างกายได้ดีมาก ฉันชอบเธอมากในเรื่อง ‘The Menu’ และ ‘Last Night in Soho’

#Future

ELLE: คุณคิดว่าตัวเองตอนอายุ 20 เศษเป็นเช่นไร?

NATALIE: ในวัย 20 เศษ ฉันอยากออกจากเซฟโซนของตัวเองให้มากขึ้น อยากผลักดันตัวเองให้มีความยืดหยุ่นและกล้าเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น ขอเพียงเป็นสิ่งที่พูดออกมาว่า ‘ใช่’ ก็ลองทำมันเลย ตลอดจนเข้าใจได้ว่าการทำผิดพลาดและไม่บรรลุตามเป้าหมายเป็นเรื่องปกติ และพร้อมยอมรับกับมัน สิ่งนี้เองจะช่วยให้คุณเติบโต และในความเป็นจริงของชีวิต มันคือสิ่งที่จำเป็นต้องพร้อมยอมรับ 

BAIPOR: จริงๆ แล้วปีนี้ฉันอายุ 19 ปี ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี แต่ก็ไม่ได้นึกถึงภาพที่ชัดเจน มันอาจจะเหมือนกับตอนนี้เป๊ะๆ เลยก็ได้ แต่ฉันเติบโตขึ้นและมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ELLE: คุณรู้สึกลังเลที่จะเติบโต หรือในทางกลับกันคุณอยากที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วหรือไม่?

NATALIE: ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ ‘การเติบโต’ อาจมีความหมายได้หลายอย่าง และการคิดถึงเรื่องนี้อาจทำให้คนรู้สึกเครียดมาก ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้ชีวิตในแต่ละวัน อย่าคิดมาก และทำในสิ่งที่อยากทำ ทุกช่วงวัยของชีวิตล้วนมีประโยชน์ในตัวของมัน เมื่อฉันอายุมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง ผู้คนรอบตัว และโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ฉันจึงพูดได้เลยว่าฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการรอคอยที่จะได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

BAIPOR: การทำงานทำให้ฉันโตเร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน และบ่อยครั้งก็ทำให้ฉันใช้ชีวิตแบบปกติได้ยาก แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี

ELLE: คุณคาดหวังอะไรกับอาชีพการแสดงของคุณในอีก 2-3 ปีข้างหน้า?

NATALIE: พูดเรื่องจริงเลยนะ ตราบใดที่ฉันอยู่ในกองถ่ายฉันก็มีความสุขแล้ว! ฉันหวังว่าจะได้เล่นเป็นตัวละครที่หลากหลายและเรียนรู้เพิ่มเติมในขณะถ่ายทำ และหวังว่าจะสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ด้วยความกล้าหาญและความตื่นเต้น แทนที่จะหลบเลี่ยงจากสิ่งที่อาจทำให้ฉันหวาดกลัว การได้ทำงานนอกฮ่องกงหรือกับทีมงานต่างประเทศ เช่น ปีที่แล้วตอนที่ฉันมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมงานชาวมาเลเซีย ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ในขณะเดียวกันฉันรู้สึกมีพลังและได้รับแรงบันดาลใจจากการถ่ายแฟชั่นครั้งนี้กับ Chanel และทีมงาน ELLE ฮ่องกงและประเทศไทย

BAIPOR: ฉันอยากลองทักษะการแสดงที่แตกต่างออกไปรวมไปถึงบทละครใหม่ๆ และตอนนี้ฉันก็พร้อมที่จะทำงานแล้ว

ELLE: คุณพอจะแบ่งปันความฝันหรือโครงการที่คุณอยากมีส่วนร่วมได้หรือไม่?

NATALIE: คงเป็นฝันที่เป็นจริงอย่างแน่นอน ถ้าสามารถหลอมรวม 3 สิ่งที่ฉันหลงรักไว้ในงานเดียวกันได้นั่นคือ การเต้น ภาพยนตร์ และแฟชั่น ทว่าฉันจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างไร ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ฉันยินดีที่จะลองพยายามทำทุกวิถีทาง นอกจากนี้ในขณะที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของ Chanel ฉันได้พบกับผู้คนที่คุ้นเคยมากมาย ตั้งแต่นักแสดง นักดนตรี ไปจนถึงนักเต้น และคงจะเกินความฝันมากแน่ๆ หากมีโอกาสได้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกับพวกเขา

BAIPOR: ฉันหวังว่าฉันจะมีโอกาสได้ไปชมแฟชั่นโชว์ของ Chanel สักครั้งในชีวิต

ELLE: มีทักษะเฉพาะหรือความเชี่ยวชาญที่คุณปรารถนาที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตหรือไม่?

NATALIE: มีหลายสิ่งที่ฉันอยากทำ และฉันคงต้องจัดเรียงความสำคัญของภาษาจีนกวางตุ้งไว้ที่ลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน ฉันอยากเล่นกีตาร์และเปียโนให้ได้ดีขึ้น ตลอดจนเข้าสู่วงการตัดเย็บและเครื่องปั้นดินเผาในอนาคต นอกจากนี้ฉันมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นมากๆ และมักแอบสงสัยอยู่เสมอว่ากลิ่นมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับความทรงจำและความคิดถึง

อย่างไร สมัยก่อนฉันเคยคิดที่จะเป็นนักปรุงน้ำหอมด้วยนะ!

BAIPOR: ฉันอยากจะพัฒนาทักษะการแสดงของฉันต่อไป

ELLE: คุณอยากพูดอะไรกับตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า?

NATALIE: ฟาดมากเพื่อนจ๋า! (Slay, Bestie!)

BAIPOR: ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไปถึงวันนั้น ฉันก็อยากจะบอกว่า “มันสุดยอดมาก”

Latest Posts

Don't Miss