เอิร์ท-พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ คือคำจำกัดความของชายหนุ่มผู้ไม่ตรงปก ด้วยทรงอย่างแบด แต่กลับเป็นทาสแมว ติดบ้าน และชอบอ่านหนังสือ เขามาพบกับแอลเพื่อเผยความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตที่ดูไม่ผิดเพี้ยนไปจาก ‘ภูผา’ ตัวละครที่พาให้เขาดังเปรี้ยงปร้างจากเรื่อง ‘นิทานพันดาว’ เสียเท่าไร รวมถึงเปิดใจในเรื่องมิติความสัมพันธ์และอนาคตในวงการแสดงผ่านคอลัมน์ ELLE B-Side Story ประจำเดือนตุลาคมนี้
E for Earth’s Era
“ผมอยู่กับ GMMTV มาหลายปีแล้ว เรื่องแรกคือ Water Boyy the Series (2017) แต่ผลงานแจ้งเกิดน่าจะเป็นเรื่อง นิทานพันดาว (2021) ครับ มีปรากฏการณ์ห้างแตก (หัวเราะ) ไอ้เราก็เซอร์ไพรส์ว่าห้างแตกจริงหรือเปล่า เพราะเราไม่รู้ตัวว่าเราดังขนาดนั้น คนมาดูเราเยอะ เราก็รู้สึกดีใจที่คนให้การตอบรับดีมากๆ
“เอิร์ทไม่เคยคิดจะเป็นนักแสดงมาก่อนเลย เพราะว่าเป็นคนที่ตื่นเต้นเวลามีคนจับจ้องมาที่เรา จะทำอะไรไม่ได้เลย เริ่มเข้าวงการตอนเรียนปี 3 เทอม 2 ช่วงนั้นแม่ป่วย เลยอยากหางานทำเอง ประจวบเหมาะกับพี่ที่ GMMTV เขามีวิสัยทัศน์กว้างมาก (หัวเราะ) เล็งเห็นว่าเด็กคนนี้น่าลองเอามาเล่นซีรี่ส์ เราเลยได้มาลองดู
“คนจะงงว่าทำไมถึงมาเรียนสายละครเวที ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะชอบหรอก เพราะอย่างที่บอกว่าไม่ชอบให้คนมาจับจ้อง จะพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นี่แหละ (หัวเราะ) แต่พอเราทำมันไปเรื่อยๆ เรียนไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าด้วยกระบวนการของมันทำให้เราโตขึ้น ได้รู้จักคนอื่นมากขึ้น รู้จักใจเขาใจเราในการทำงาน มันต้องการการคุยกัน เราชอบในกระบวนการตรงนั้นของมัน พอได้ฝึก ทำซ้ำๆ บ่อยๆ เราก็ไม่เขินกล้อง ไม่เขินคนดู”
A for Acting
“ตอนถ่ายเอ็มวี ‘ครึ่งชีวิต (ทั้งจิตใจ)’ ของพี่นิว-จิ๋ว ซึ่งเป็นเอ็มวีแรกๆ เลยมั้งที่เอิร์ทได้เล่น พี่ๆ เขาส่งอินเนอร์ผ่านเมโลดี้ ผ่านเสียงเพลงจนทำให้เราอินตามเพลงไปด้วย ระหว่างมีถ่ายซีนร้องไห้ก็ร้องไห้เอง เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่เปิดจักระในการร้องไห้ของเอิร์ท เรียกว่าอย่างนั้นได้เลยนะ ปกติจะเค้นตัวเองมากๆ เวลาร้องไห้ ทำไมร้องไม่ได้วะ ซีนนี้มันต้องร้องนะเว้ย ทำไมร้องไม่ได้ เพลงนี้มันทำให้รู้สึกว่า อ๋อ การร้องไห้พร้อมกับแอ็กติ้งมันเป็นแบบนี้นี่นา เอิร์ทก็ร้องไห้ๆๆๆ บวกกับจินตนาการของเราและเสียงของพี่นิว-จิ๋วที่ส่งอินเนอร์มาให้เรา มันเลยทำให้เอิร์ทเอาออกไม่ได้ ไปนึกถึงว่ามันเหมือนชีวิตเราเลย เอาออกไม่ได้ประมาณ 4-5 วัน ขับรถไป ฟังเพลงนี้ไปก็ร้องไห้ไปเรื่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะเจอโมเมนต์แบบนี้เลย
“แพสชั่นของเอิร์ทคือการแสดงนี่แหละ ทำให้มีแรงในการใช้ชีวิตมากที่สุด ยังหลงใหลในการแสดงอยู่ ที่เคยบอกว่าอยากแสดงจนหมดอายุขัย อันนั้นก็เกินไปหน่อย (หัวเราะ) เอิร์ทคงพูดผิดไป ความหมายของเอิร์ทคืออยากอยู่ไปเท่าที่คนคนหนึ่งจะอยู่ในวงการนี้ได้ จะทำให้ดีที่สุดน่ะครับ เท่าที่จะสามารถอยู่ในวงการนี้ได้”
R for Rare Parts of Me
“เอิร์ทเป็นคนเงียบๆ ครับ ไม่ค่อยพูด (อมยิ้ม) นานๆ จะพูดที แล้วเป็นคนชอบอยู่บ้านมากๆ (ลากเสียงยาว) ชอบอยู่กับน้องแมว ชอบอยู่กับสิ่งที่ทำให้เราสงบสุข ไม่ชอบออกไปไหน ไม่ดื่ม ไม่ค่อยชอบทำอะไรเลย แม้กระทั่งนอนอยู่เฉยๆ เขาให้หยุด 15 วันใช่ไหมครับช่วงสงกรานต์ เอิร์ทไม่ออกไปไหนเลย กิจกรรมคือเล่นกับแมว ดูทีวี ฟังเพลง วาดรูป อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ รวมถึงหาแรงบันดาลใจมาพัฒนาตัวเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งเอิร์ทไปถ่ายซีรี่ส์แล้วรู้สึกว่ากดดันจังเลย ทุกคนมองมาที่เราที่เดียว ไม่ไหวอ่ะ เวลากลับบ้านปุ๊บคือต้องอาบน้ำ อยากให้ตัวเองสบายที่สุด”
“ภายนอกเอิร์ทจะดูคล้ายกับคนแบดๆ ไม่ใช่เป็นคนอยู่บ้าน รักแมว ชอบศิลปะอะไรแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วเอิร์ทเป็นคนชอบอยู่บ้าน ถ้าว่างจริงๆ จะอ่านหนังสือแนวจิตวิทยา เล่มหนาเล่มบางได้หมด แต่อ่านไม่เคยจบ เพราะเราต้องเอาหัวสมองไปอ่านบทด้วย ปกติผมเป็นคนชอบเข้าใจคนอยู่แล้ว พอเราอ่านหนังสือก็ทำให้รู้สึกว่าวิธีคิดแบบนี้ กายภาพแบบนี้ เขาคิดอย่างไร ส่วนเพลงนั้นได้ทุกแนวเลย ยกเว้นเพลงร็อกครับ ส่วนเรื่องวาดรูปนั้นชอบตั้งแต่ช่วงประถมเลย ชอบวาดตอนกลางคืนจนแม่บ่นว่าไม่ให้วาดอีกแล้วเพราะไม่ยอมนอน
“ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนภาพสักภาพเหรอครับ โอ้ จะมีหลายเฉดสีมาก สีน้ำตาล เนวี่บลู แดง เทา ดำ มาทุกเฉดเลย เป็นภาพแอ็บสแทรกต์ (หัวเราะ) ทุกคนต้องตีความ เพราะเอิร์ทผ่านเหตุการณ์ทั้งดีและร้ายมาแล้วมากมาย ตอนนี้เอิร์ทอายุ 31 แล้ว คิดว่าตัวเองเข้าใจคนมากๆ น่าจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำให้คนหนึ่งรู้สึกสงบลงได้”
T for The One & Only
“เอิร์ทมองภาพไม่ออกเลยถ้าไม่ได้แสดงคู่กับมิกซ์ (สหภาพ วงศ์ราษฎร์) แล้วจะเป็นใคร คือมิกซ์เป็นกระจกให้เอิร์ทเหมือนกันว่าถ้ายูทำแบบนี้ ยูก็จะโดนแบบนี้แหละ (หัวเราะ) เมื่อก่อนล้อกันตลอด คือเอิร์ทไม่สามาถไปเล่นแบบนี้กับคนอื่นได้ ไม่สามารถไปด่าแบบนี้กับคนอื่นเหมือนมิกซ์ได้ มิกซ์ก็ทำแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน ต่างคนต่างมีความเข้าใจ สบายใจในการเข้าหากันมากๆ เลย เคยมีไม่คุยกัน 3-4 เดือน แต่พาร์ตทำงานก็คือทำงานได้นะ แต่พอคัตปุ๊บก็นิ่ง ไม่คุยเลย เราก็แข็งเขาก็แข็ง จนผู้จัดการเขาไม่ไหวแล้วเลยจับเรามาเขย่าๆ รวมกัน รู้สึกว่าโอเค ตั้งแต่วันนั้นเลยเข้าใจกัน ไม่เคยทะเลาะกันอีกจนถึงทุกวันนี้ เพราะเราได้ร้องไห้ไปแล้ว ได้เสียน้ำตาไปทั้ง 3 คน
“อยากบอกกับมิกซ์ว่าจริงๆ แล้วพี่เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไร เป็นคนแสดงออกไม่ชัดในการมีน้องสักคนหนึ่ง เพราะไม่เคยมีน้อง อยากขอบคุณมิกซ์ที่เป็นกระจกให้เสมอ แล้วก็ขอบคุณที่รับหน้าที่เป็นน้องชายได้ดีที่สุดอีกคนของพี่นะครับ ขอบคุณครับ (อมยิ้ม)”
H for His Expectation
“ในอนาคตข้างหน้ายังอยากรับบทที่มันมีเลเยอร์มากขึ้น เราไม่อยากเป็นผู้กำกับฯ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถโน้มน้าวคนได้ เราไม่ชอบให้ใครมาสั่งเรา เราก็เลยไม่อยากไปสั่งใครเหมือนกัน เอิร์ทไม่มีเป้าหมายในการแสดง ทำให้เรื่องๆ หนึ่งสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หรือว่าเราฟินไปกับการเล่นเป็นตัวละครสักตัวมันก็พอแล้ว ไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องมีรางวัลอะไรเยอะแยะ มีคนเชิดชูมากมาย แค่ขอรู้สึกว่าเล่นเป็นตัวละครตัวนี้แล้วมันฟิน ให้มันลึกเข้าไปในแก่นของเอิร์ทเองก็พอแล้ว
“ตอนนี้กำลังถ่ายเรื่อง Only Friends: Dream On ครับ เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ไม่เคยได้รับ อย่างที่บอกไปว่าจะไม่มีวันเป็นผู้กำกับฯ (หัวเราะ) แต่เรื่องนี้รับบทเป็นผู้กำกับฯ ยากอยู่พอสมควรครับ เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนที่ค่อนข้างซับซ้อนมากมาย คนโน้นชอบคนนี้ คนนี้ชอบคนนั้น บทของผมจะชื่อแจ๊ค บทยากพอสมควร ต้องคอยโน้มน้าวคนอื่น ต้องมีความฉลาด ทำอย่างไรให้คนมาหลงใหลในตัวเขา ฝากให้ทุกคนติดตามด้วยนะครับ”
