หนึ่งฉากที่ตราตรึงใจในแอนิเมชั่น KPop Demon Hunters คือหลังจากเราได้เห็นการปลดล็อกตัวตนภายในจิตใจของตัวเอก Rumi จนเกิดเป็นเพลง Golden ที่ทันทีที่ปล่อยออกมาในเรื่องก็พุ่งทะยานบนชาร์ตเพลง และความสำเร็จของเพลงนี้ก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ภายในหนังเท่านั้น แต่มันยังทะลุออกมายังส่งอิทธิพลมาจนถึงชีวิตจริง เมื่อเพลง Golden ได้สร้างประวัติศาสตร์พาให้วง HUNTR/X กลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในรอบ 24 ปีที่ครองบัลลังก์อันดับ 1 บนชาร์ตเพลง Billboard

อ่านเพิ่มเติม: HUNTR/X ขึ้นแท่นเกิร์ลกรุ๊ปในรอบ 24 ปี ที่ติดอันดับ 1 Billboard HOT 100 ด้วยเพลง Golden
หากจะยกความดีความชอบให้กับเบื้องหลังความรุ่งโรจน์ชนิดไม่อาจต้านของเพลงนี้ หนึ่งในคนที่ไม่พูดถึงไปไม่ได้เลยก็คงเป็น EJAE นักร้องนักแต่งเพลงผู้มีส่วนร่วมโปรดิวซ์เพลงนี้ รวมถึงอีกหลายเพลงในเรื่อง และที่สำคัญคือ เป็นเจ้าของเสียงร้องของตัวละคร Rumi ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ก็ได้กลับมาสานต่อความไวรัลด้วยสเตจที่พาสาวๆ HUNTR/X ตัวจริงเสียงจริงอย่าง EJAE, Audrey Nuna และ Rei Ami มาทำการแสดงเพลง Golden กันแบบสดๆ เป็นครั้งแรกในรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon และนี่เองที่ทำให้เรื่องราวของ EJAE ถูกขุดขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง กับเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ต่างจากในเนื้อเพลงที่ว่า “I’m done hidin’, now I’m shinin’ Like I’m born to be” หมดเวลาซุกซ่อนตัวแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปล่งประกายอย่างที่เธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้แล้ว
EJAE หรือ คิมอึนแจ เริ่มต้นการวิ่งไล่ตามความฝันที่จะเป็นไอดอลตั้งแต่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น และนับเป็นเวลากว่า 10 ปีที่เธอได้ทุ่มเทกับการเป็นเด็กฝึกอยู่ภายใต้สังกัดของ SM Entertainment ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของศิลปินกลุ่ม หรือแม้กระทั่งศิลปินเดี่ยว แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าโอกาสของเธอจะยังไม่มาถึงเสียทีจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนอายุเกินจากเกณฑ์ของเด็กฝึก และนั่นทำให้ในปี 2011 เธอได้โบกมือลาค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งนี้
อย่างไรก็ตาม เวลากว่าทศวรรษนั้นไม่ได้เสียเปล่าแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยๆ EJAE ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การเตรียมตัวสู่เบื้องหน้ามากพอที่จะนำไปต่อยอดสู่การทำงานเบื้องหลัง นั่นก็คือ ‘การทำเพลง’ โดยเธอเผยว่า “ในตอนเป็นเด็กฝึก ฉันได้เรียนรู้วิธีการคิดว่าเพลงนั้นมันจะถูกนำไปแปลงเป็นท่าเต้นหรือมิวสิกวิดีโอได้อย่างไรบ้าง มุมมองนั้นเองที่หลอมรวมมาสู่วิธีการเขียนเพลงของฉันนับตั้งแต่วันนั้น” และนี่คือจุดเริ่มต้นของนักแต่งเพลงมือฉกาจผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จชองหลากหลายเพลงฮิตติดชาร์ต รวมไปถึง Golden ด้วยเช่นกัน
“เพลงแรกที่ฉันแต่งถูกเลือกโดยศิลปินดัง และนั่นคือช่วงเวลาที่ฉันได้รู้ตัวว่าการเขียนเพลงมันไม่ใช่แค่สิ่งที่ฉันสนุกไปกับมัน แต่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ มันกลายมาเป็นการบำบัดสำหรับฉัน”
EJAE
ต่อมาในปี 2017 เธอก็ได้กลับมาสู่วงโคจรของ SM Entertainment อีกครั้ง แต่ในฐานะผู้เข้าร่วมแคมป์นักแต่งเพลง และในวันแรกสุด เธอก็ได้เริ่มจรดปากกาเขียนเพลงๆ หนึ่งขึ้นมา ซึ่งในเวลาต่อมาเพลงนั้นก็กลายมาเป็นเพลงฮิตที่หลายต่อหลายคนก็ยังคงยกให้เป็นเพลงที่ดีที่สุดเพลงหนึ่งตราบจนทุกวันนี้ นั่นก็คือ เพลง Psycho ของวง Red Velvet ซึ่งแต่งขึ้นจากประสบการณ์เมื่อครั้งที่เธอทะเลาะกับคู่หมั้นซึ่งอยู่ทางไกลของเธอนั่นเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้กลายเป็นนักแต่งเพลงหญิงที่อยู่เบื้องหลังเพลงดังอีกมากมาย ลองดูเครดิตของเพลงของ aespa อย่าง Drama และ Armageddon หรือเพลง So Cynical (Badum) ของ LE SSERAFIM หรือฝั่ง TWICE กับเพลง Last Waltz และเพลงเปิดตัว NMIXX’ อย่าง O.O และ DICE ดูก็ได้ แล้วคุณจะเห็นชื่อของเธอร่วมอยู่ในนั้น
การแต่งเพลงที่ดึงเอาประสบการณ์จากการเทรนเป็นไอดอลทำให้สไตล์การเขียนเพลงของเธอนั้นโดดเด่นจนถูกดึงตัวมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมแต่งเพลงในแอนิเมชั่น KPop Demon Hunters ตั้งแต่ปี 2020 และ 3 ปีต่อมาขณะปั้นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่นี้ EJAE ก็ได้ร่วมอัดเสียงเดโมเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการร้องเพลงในเรื่องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง Golden, How It’s Done และ What It Sounds Like จนกระทั่งผู้กำกับแอนิเมชั่น Maggie Kang ได้มาฟังเดโมของเธอ และตัดสินใจดึงตัวเธอมาร้องเพลงในบทบาทตัวละครหลักของเรื่องอย่าง ‘Rumi’ จนกลายมาเป็นเพลงซึ่งนอกจากทำนองจะติดหูแล้วเนื้อเพลงยังปลุกใจ จนเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไม่เพียงแต่ในวงการแอนิเมชั่น แต่ยังเขย่าวงการเพลง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทุกเพศทุกวัยอีกมากมาย เช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิตของ EJAE ผู้ไม่เคยหยุดวิ่งไล่ตามความฝัน จนกระทั่งวันหนึ่งช่วงเวลาทองที่เธอมองหาอยู่นั้นก็มาถึงในที่สุด