Friday, March 14, 2025

เก็บตก 5 ไฮไลต์จากฤดูกาลประกาศรางวัลที่กลายเป็นที่จดจำเเละพลาดไม่ได้  

ฤดูกาลประกาศรางวัลประจำปี 2024-25 ได้สิ้นสุดลงไปด้วยมงใหญ่แห่งปีที่ออสการ์ Elle ทบทวนโมเมนต์ตรึงใจจากเวทีต่างๆ นับตั้งแต่มิตรภาพสุดซึ้งของสองเพื่อน Emma Stone และ Jesse Eisenberg จนถึงความผิดหวังโครมใหญ่ของเดอมี มัวร์  

Female Hosts : SHE ROCKS

เป็นปีที่แสงทองส่องลงมาสู่พิธีกรหญิงได้เฉิดฉาย นับจาก Nikki Glaser คอเมเดียนหญิงที่กลายเป็นพิธีกรหญิงคนแรกของ Golden Globes ที่เปิดงานด้วยประโยคว่า “ฉันอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยผู้อำนวยการสร้างในโรงแรมเบเวอร์ลีย์ ฮิลตัน (สถานที่จัดงาน) และครั้งนี้ เสื้อผ้าฉันอยู่ครบค่ะ” ที่ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า นี่ละคือคนที่หามานาน และหวังว่าปีต่อๆ ไป เราจะได้เห็นนิกกีคนปากแซ่บอีกครั้ง

ตามมาด้วย Chelsea Handler ที่ Critics Choice Awards ที่กล่าวถึงช่วงเวลาอันคาดเดาไม่ได้ว่าวันนี้อเมริกาจะเจอข่าวอะไร (ภายใต้รัฐบาล Donald Trump) จึงขอขอบคุณ Blake Lively กับ Justin Baldoni ที่ทำให้อเมริกันชนมีข่าวอื่นมาหันเหความสนใจ แต่เกรงใจว่าดราม่าเรื่องนี้จะไม่มีภาคต่อ “It Ends With Us” เชลซีถอนใจอย่างเสียดาย    

ส่วน Kristen Bell นักแสดงที่รับบทพิธีกร SAG Awards งานประกาศรางวัลของสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ ที่ดำเนินรายการก็ได้ ร้องเพลงก็ดี โดยเบลล์องก์ลงเป็น Anna ใน Frozen อีกครั้ง ขับขานเพลง Do You Want to Build a Snowman? ที่แปลงเนื้อเป็น Do you want to be an actor? พร้อมฉายภาพผลงานชิ้นเดบิวต์ของผู้คนมากมายที่ฉายให้เห็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของคนที่สามารถเรียกตัวเองได้เต็มปากในวันนี้ว่า “ฉันคือนักแสดง”

Jesse & Emma : Friends Forever  

ปีทองของเจสซี ไอเซนเบิร์กที่ A Real Pain งานเดบิวต์ในฐานะผู้กำกับ(และเขียนบทเอง)ไปได้สวยยิ่ง และเมื่อขึ้นไปกล่าวสปีชรางวัลบทดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก Film Independent Spirit Awards เจสซีย้อนความหลังว่าเขาได้พบกับเอ็มม่า สโตนครั้งแรกเมื่อได้แสดงหนังเรื่อง Zombieland ด้วยกันในปี 2009 นับแต่นั้นมา หากว่าเห็นผลงานเขียนของเจสซีที่ไหน จะลงในซอกเล็กๆ ของนิตยสารเล่มใด เอ็มม่าจะถ่ายรูปมาให้และชมว่า “ประโยคนี้อย่างฮา!”

นอกจากแม่ของเขาแล้ว ก็มีเอ็มม่าอีกคนที่คอยให้กำลังใจงานนักเขียนของเจสซีตลอด 15 ปีที่ผ่านมา และเหลือเชื่อขึ้นไปอีกว่าเอ็มม่า “ผู้ที่ประสบความสำเร็จล้นหลามจากหนังกระแสหลัก” ตามคำของเจสซี ได้ยื่นมือมาช่วยเรื่องทุนสร้างคนทำหนังนอกระแสตัวเล็กตัวน้อยที่ดิ้นรนจะคลอดศิลปะของตนออกมา “เธอไม่ใช่แค่โปรดิวเซอร์ เธอเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวของผม” เจสซีกล่าว “ขอบคุณนะ เอ็มม่า” คนเป็นเพื่อนกันเขาต้องปฏิบัติต่อกันแบบนี้สินะ  

Chalamet’s Good to Great

ขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการสวมวิญญาณเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ Bob Dylan ในหนัง A Complete Unknown ทิโมธี ชาลาเมต์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้รางวัลที่ตัดสินจากคะแนนโหวตของเพื่อนนักแสดงด้วยกัน และกล่าวขณะประหลาดใจครามครันกับรางวัลในมือว่า รู้แหละว่าสปีชคลาสสิกคือต้องถ่อมตนแม้รู้อยู่แก่ใจว่าต้องทุ่มเทแค่ไหนเพื่อรับบทนี้  “แต่ความเป็นจริงก็คือเวลา 5 ปีในชีวิตผมอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อจะแสดงเป็นศิลปินที่ไม่มีใครทัดเทียมได้คนนี้ มิสเตอร์บ๊อบ ดีแลน”

และทิโมธีก็ไม่อาจถ่อมตนได้ว่ารางวัลนี้มีความหมายต่อเขามากเพียงไร “ผมรู้ว่าคนอื่นไม่ค่อยพูดจาแบบนี้กัน” ก่อนที่จะสารภาพว่าเขาอยากเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเขาเองได้รับแรงบันดาลใจมาจากคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักแสดง ณ ที่นี้ หรือ Daniel Day-Lweis (นักแสดงคนเดียวในโลกที่ได้ออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 3 ครั้ง), Marlon Brando (นักแสดงอเมริกันคนแรกๆ ที่ใช้วิธีการแสดงแบบ Method ที่กลืนกลายตนเองไป ‘เป็น’ ตัวละคร) หรือ Viola Davis (ศิลปิน EGOT หมายถึงคนที่ได้ชนะรางวัลใหญ่ 4 เวที ทั้ง Emmy, Grammy, Oscar และ Tony Award) แม้กระทั่งยอดฝีมือจากวงการกีฬาอย่าง Michael Jordan และ Michael Phelps

“ผมอยากขึ้นไปสู่จุดนั้น” ทิโมธีกล่าว มันคือสปีชของคนที่รู้ตัวว่ายังไปไม่ถึง แต่ทะเยอทะยานจะเป็นเลิศให้ได้ในสักวัน  

Demi’s Substance

แต่ละครั้ง แต่ละสปีชที่เดอมีกล่าวเมื่อชนะรางวัลจากบทดาวตกฟ้าในหนัง The Substance เป็นดั่งมนต์สะกด เริ่มจากลูกโลกทองคำ ช็อกแรกของเดอมีที่กล่าวว่า “นี่คือรางวัลแรกที่ฉันเคยได้มาในฐานะนักแสดง(ที่ทำมา 44 ปี)” ก่อนจะเปิดเปลือยว่าเคยถูกผู้อำนวยการสร้างตีตราว่าเป็นดาราป๊อปคอร์นที่เล่นแต่หนังทำเงิน แต่ไม่เคยเล่นหนังรางวัล มาจนถึงรางวัลจากเวที SAG ที่เดอมีขอบคุณ “เด็กคนนั้น” ที่แม้จะหาเลี้ยงตัวเอง(ตั้งแต่วัย 16) ไม่มีต้นแบบชีวิต แต่เด็กคนนั้นฟัง เรียนรู้และไม่ยอมแพ้ จึงมีนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่ชื่อเดอมี มัวร์วัย 62 ในวันนี้

เธอทำให้หลายคนรอฟังสปีชออสการ์ที่ทำท่าว่าจะนอนมา หลังจากกวาดมาหมดทุกเวที เหลือออสการ์เป็นที่สุดท้ายและเป็นเวทีใหญ่สุด

And the Oscar goes to…

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ลุ้นให้เดอมีชนะ ก็อาจจะมีสีหน้าเหมือนเธอแวบหนึ่งเท่านั้น ก่อนจะพยักหน้าอย่างคนมีสปิริตเมื่อได้ยินชื่อ Mikey Madison  

Unsurprisingly Surprised Oscars

ออสการ์มีปัญหามานานปี ทั้งเรื่องเรตติ้งตกต่ำ ไหนจะพิธีกรโดนดาราต่อย เหตุประกาศชื่อหนังยอดเยี่ยมผิด…ภารกิจกอบกู้ออสการ์ในปีนี้จึงหล่นที่บ่ากว้างๆ ของชายเชื้อสายไอริชท่าหนึ่ง ซึ่งทำเอาคนไม่น้อยบอกว่าเลิกดูออสการ์ไปนานแล้ว แต่ปีนี้จะกลับมาดูอีกครั้งเพราะเขาคนนี้ “Conan O’Brien”

อดีตบัณฑิตฮาร์วาร์ดที่เคยเป็นมือเขียนบท The Simpsons และ Saturday Night Live อดีตพิธีกร The Late Show และ The Tonight Show และปัจจุบันเป็นนักจัดพอดแคสต์ Team Coco ที่คนดังมาโคอย่างออกรสราวกับคุยกับเพื่อนข้างบ้างที่โตมาด้วยกัน โคแนน โอ’ไบรอันเป็นที่รักของทุกภาคส่วนด้วยอารมณ์ขันแนวจิกกัดตัวเอง ระรานคนอื่นพอเป็นพิธี แต่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรหยุดตรงไหนจึงจะไม่ข้ามเส้น

โคแนนทำสิ่งที่เขาทำได้ดีอยู่แล้วทั้งหมดนั่นที่ออสการ์ เขาเอารูปโปรไฟล์ของนักแสดงดังเมื่อครั้งแรกเข้าวงการมาล้อเลียน แต่ไม่ลืมโชว์รูปสุดเหวอของตัวเองด้วย เขาโดดดึ๋งดั๋งเมื่อยิงมุขแป้กเพื่อบอกให้คนดูรู้ว่าอย่าถือสา เขาก็แค่ตัวตลกคนหนึ่ง บทจะสดุดีคนทำงานเบื้องหลัง ฮีโร่ไร้นามทั้งหลาย คำพูดของเขาเปี่ยมไปด้วยความจริงจังและจริงใจ เอ่ยเตือนว่าที่ผู้ชนะทุกคนว่างานปีนี้ขอกระชับ ฉะนั้นอย่ากล่าวสปีชนาน ก่อนจะร้องเพลงว่า “ที่ออสการ์ เราไม่มีเวลาให้เสีย” แบบเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ อย่างพอดี

การทำหน้าที่ได้ดีของโคแนนไม่น่าแปลกใจอะไร แต่หลังจากนั้นออสการ์เซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ ทั้งการสดุดี James Bond โดยลิซ่า(!) Doja Cat และ RAYE ซ้ำด้วย 5 ชัยชนะของ Anora ทั้งผู้กำกับ บท ตัดต่อ หนังและนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่น่าจะเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่สุดของ “ค่ำคืนออสการ์ที่จัดงานกัน 4 โมงเย็น” ตามคำกล่าวเปิดงานของโคแนน

“มีชื่อเข้าชิงก็เท่ากับว่าคุณชนะแล้ว” Robert De Niro ผู้เคยได้สองออสการ์กล่าวไว้.

TEXT: Suphakdipa Poolsap

Latest Posts

Don't Miss