ผู้หญิงอาจเป็นผู้ริเริ่มที่จะพกคู่กายและสวมใส่นาฬิกาเป็นเหมือนกับเครื่องประดับมาก่อน นับตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ที่มีหลากหลายตำนานเล่าขานถึงความผูกพันระหว่างสตรีและเรือนเวลา และหนึ่งในชื่อที่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์เหล่านี้เสมอก็คือ Breguet ผู้ซึ่งบุกเบิกที่จะรังสรรค์เรือนเวลาสำหรับอิสตรีมานับตั้งแต่ยุคสมัยของ Abraham-Louis Breguet ผู้ก่อตั้ง โดยมีพระขนิษฐาในองค์จักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต นามว่าพระนางแคโรลีน มูราต์ ทรงเป็นหนึ่งในสตรีที่สนพระทัยในศิลปะ ทั้งยังเป็นนักสะสมตัวยง ซึ่งหนึ่งในคอลเล็กชั่นสะสมของพระองค์ก็คือเหล่าเรือนเวลา ที่พระนางทรงโปรดในผลงานที่รังสรรค์โดย หลุยส์ เบรเกต์ เป็นพิเศษ โดยนอกจากจะเป็นลูกค้าคนสำคัญแล้ว แคโรลีน มูราต์ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักประดิษฐ์นาฬิกาในการรังสรรค์เรือนเวลาเพื่อให้พระองค์ได้ทรงสวมใส่ นับจากยุคแรกๆ ที่สตรีนิยมสวมนาฬิกาเป็นสร้อยคอ มาสู่ในปี 1810 ที่ผู้ก่อตั้ง Breguet ได้สร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกขึ้น
เพื่อยกย่องเกียรติให้กับผู้หญิงผู้มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มากมาย เช่นเดียวกับตำนานแห่งโลกเรือนเวลา Breguet จึงได้เผยโฉมนาฬิกาข้อมือสุดไอคอนิกใหม่ล่าสุดจากคอลเล็กชั่น Reine de Naples หรือ Queen of Naples ที่มีชื่อเสียง และสะท้อนถึงตำนานแห่งการรังสรรค์นาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยในผลงานรุ่นใหม่นี้ยังได้ร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสวันสตรีสากล หรือ International Women’s Day ของปีนี้ กับการนำเสนอด้วยลุคใหม่อันสดใส แต่ยังคงความสง่างามสมดั่งสมญานามว่า ราชินีแห่งเรือนเวลา
ดึงดูดสายตานับตั้งแต่แรกเห็นนั้นต้องยกให้กับเฉดสีเขียวมินต์พิเศษ ที่นำมาผสมผสานอยู่ในรายละเอียดของนาฬิกา ทั้งยังกลมกลืนไปกับเอกลักษณ์ของ Reine de Naples ได้อย่างทรงเสน่ห์ โดย Breguet ได้เลือกใช้เฉดสีเขียวมินต์สดใสนี้มาบรรจงตกแต่งบนตัวเลขอารบิกสไตล์ Breguet ซึ่งหากสังเกตดูใกล้ๆ แล้ว ก็จะเห็นถึงการใช้สีเขียวถึง 2 เฉด สำหรับทั้งบนตัวเลขและสีตัดขอบ ที่ช่วยให้ตัวเลขอารบิกเหล่านี้ดูมีมิติมากขึ้น พร้อมกับย้ำความเป็นเอกลักษณ์ด้วยหมายเลขตัวเรือนที่ปรากฏบนหน้าปัดระหว่างตำแหน่ง 11 และ 12 นาฬิกา ซึ่งเป็นรูปแบบของการระบุหมายเลขที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการก่อตั้ง กับวัตถุประสงค์ที่ซ่อนอยู่นั้นก็คือ ช่วยให้เมซงสามารถบันทึกประวัติของนาฬิกาแต่ละเรือนได้อย่างถูกต้องชัดเจน
เหนือหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวบริสุทธิ์ ยังคงผสานด้วยหน้าปัดแสดงเวลาแบบเยื้องศูนย์ที่ 6 นาฬิกา ที่บรรจุเข็มชี้สไตล์ open-tipped สีน้ำเงินอันเป็นอีกหนึ่งแบบฉบับของ Breguet บนหน้าปัดแสดงเวลานี้ยังประดับเพชรทอประกายแสงระยิบระยับจับตาโดยอาศัยเทคนิค snow-setting หรือการฝังเพชรครอบคลุมเต็มพื้นที่และไร้ซึ่งหนามเตย จึงมอบเป็นฉากหลังอันเจิดจรัสรับไปกับราชินีเพชรทรงหยดน้ำเม็ดงามอีกหนึ่งเม็ด ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และเพชรทรงหยดน้ำที่ประดับอย่างงามสง่าบนเม็ดมะยมข้างตัวเรือน
ส่วนบนขอบหน้าปัดประดับด้วยเพชรรอบ ถ่ายทอดถึงมิติแห่งรูปทรงของตัวเรือนทรงรีที่เป็นต้นตำรับงานออกแบบของคอลเล็กชั่น รวมถึงด้านข้างของตัวเรือนแบบเซาะร่อง เผยสุนทรียะความสวยงามที่ยิ่งโดดเด่นเมื่อสวมใส่บนข้อมือผู้หญิงที่หลงใหลในเรือนเวลาและศิลปะแห่งการรังสรรค์นาฬิกา สำหรับรุ่นใหม่นี้ยังคงมาพร้อมกับตัวเรือนไวต์โกลด์ ขนาด 35.6 x 28.45 มม. ที่สวมใส่ได้อย่างแนบสนิทรับไปกับความโค้งอันอรชรของข้อมือผู้หญิง
และสำหรับผู้หญิงที่หลงใหลในเรือนเวลาจักรกลเป็นพิเศษนั้น รุ่นนี้ก็พร้อมตอบโจทย์ด้วยการติดตั้งกลไกจักรกลอัตโนมัติไว้ภายใน และสำรองพลังงานได้นานถึง 45 ชั่วโมง พร้อมด้วยชิ้นส่วนหลัก อย่าง บาลานซ์สปริง และเอสเคปเมนท์ที่นับเป็นหัวใจของนาฬิกานั้นยังทำจากซิลิคอนซึ่งมีความทนทานสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก ช่วยให้รักษาระดับความเที่ยงตรงของนาฬิกาได้มากขึ้น เจ้าของเรือนเวลายังสามารถชื่นชมงานฝีมือการตกแต่งอันประณีตของกลไกนี้ได้ผ่านทางฝาหลังกระจกแซปไฟร์ ขณะที่เฉดสีเขียวมินต์ซึ่งโดดเด่นสะกดสายตานับตั้งแต่ตัวเลขอารบิกบนหน้าปัด ก็ยังไล่เรื่อยมาจนถึงสายนาฬิกาซึ่งทำจากหนังจระเข้ตกแต่งในเฉดสีเขียวสดใสอีกด้วย ผลงานสุดเลอโฉมซ่อนความสดใสของ Reine de Naples Mint นี้ น่าจะถูกใจผู้หญิงหลายๆ คนที่ชื่นชอบในเรื่องราวประวัติศาสตร์และประเพณีของการรังสรรค์นาฬิกา ทั้งยังผสมผสานไว้ด้วยสุนทรียะความสวยงามที่อยู่เหนือกาลเวลาเสมอ