Saturday, March 15, 2025

5 เหตุผลเข้มข้น ที่ทำให้ The White Lotus 3 เป็นซีรีส์เสียดสีสังคมควรค่าแก่การนับถอยหลังรอชม!

อีกเพียงไม่กี่อึดใจก็จะได้ชมกันแล้ว กับ The White Lotus 3 ซีรีส์ดาร์กคอเมดี้เสียดสีสังคมที่การันตีคุณภาพด้วยรางวัลจากหลากหลายเวที ซึ่งซีซั่นที่กำลังจะมาถึงนี้ก็ได้เพิ่มความพิเศษขึ้นอีกระดับกับการบินลัดฟ้ามาถ่ายทอดเรื่องราวในโรงแรมหรู ณ เกาะสมุย ประเทศไทย ด้วยนำทัพนักแสดงด้วยสาว ลิซ่า ลลิษา ที่หลายคนต่างจับตาการเดบิวต์ผลงานการแสดงของเธอในซีรีส์เรื่องนี้ แต่ก่อนที่เราจะไปชมกันในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ตามเวลาไทย บนสตรีมมิ่ง MAX แอลขอมาป้าย 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด และจะทำให้คุณตื่นเต้นกับ The White Lotus 3 ยิ่งกว่าที่เคย

The Concept of The White Lotus

“สวัสดีค่ะ Welcome to The White Lotus in Thailand ค่ะ” บทพูดแรกของ ลิซ่า ในบทบาท ‘มุก’ พนักงานสาวประจำโรงแรม The White Lotus สาขาประเทศไทย ไม่ใช่เพียงประโยคที่สร้างความฮือฮาในฐานะการเปิดประตูสู่ซีซั่นใหม่ที่หลายคนตั้งตาเท่านั้น หากยังถ่ายทอดธีมหลักของเรื่องได้เป็นอย่างดี เพราะแม้ทั้ง 3 ซีซั่นจะไม่ใช่การสานต่อเรื่องราวกันเหมือนซีรีส์ที่มีภาคต่อทั่วไปแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ซื้อใจแฟนๆ ให้รอติดตามชมนั้น ก็คือคอนเซ็ปต์สุดแกร่งที่ The White Lotus ได้วางเอาไว้ เมื่อโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หากแต่ยังพาให้ชีวิตของผู้ที่แวะมาอาศัยพลิกผันไปได้ตลอดกาล

การเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ และดื่มด่ำกับประสบการณ์สุดพิเศษในโรงแรมหรู ทิ้งความทุกข์ใจไว้ภายหลัง ดูจะเป็นกิจกรรมที่เหล่านักท่องเที่ยวฐานะดีโปรดปรานกันเป็นอย่างยิ่ง แต่จะเป็นอย่างไร หากเหล่าปัญหาที่คุณหนีได้ตามมาเช็กอินที่โรงแรม The White Lotus แห่งนี้ด้วย? The White Lotus ได้ดึงความเป็นโรงแรมอันเป็นหมุดหมายของผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างเพศ หลากสถานะ พร้อมด้วยจุดประสงค์ในการมาเยี่ยมเยือนแตกต่างกัน มาสู่การสะท้อนมิติอันหลากหลายของมนุษย์ ตีแผ่ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ตลอดจนความบิดเบี้ยวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม เพราะเพียงไม่กี่วันที่พวกเขาลากกระเป๋าเข้ามาในที่แห่งนี้ มันก็ได้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการปลดเปลื้องเบื้องลึกภายในจิตใจของพวกเขา

Power Dynamics and Seven Sins

เสน่ห์สำคัญที่ทำให้ซีรีส์ The White Lotus ขึ้นหิ้งผลงานน้ำดีที่กวาดรางวัลจากหลากหลายเวที รวมไปถึงรางวัลใหญ่อย่าง Emmy Awards และ Golden Globes ก็คงหนีไม่พ้นการหยิบยกประเด็นต่างๆ ที่ปรากฏในสังคมมาตีแผ่อย่างมีชั้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็น Power Dynamic หรือความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจ เมื่อผู้มีอำนาจมากกว่ากดขี่ผู้มีอำนาจน้อย และทั้งสองซีซั่นก็ได้ตีความ ‘อำนาจ’ ดังกล่าวในเชิงที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ในซีซั่นแรกได้ปรากฏอำนาจในรูปแบบของเงินตราและสถานะ ซึ่งถือเป็นเรื่องชาญฉลาดในการเลือกฉากหลังเป็นหมู่เกาะฮาวายซึ่งเต็มไปด้วยการปะปนของหลายเชื้อชาติ ดังจะเห็นสองขั้วที่ต่างได้ตั้งแต่แขกผู้เข้ามาพักอาศัยกับพนักงานซึ่งเป็นชาวพื้นเมือง ตลอดจนครอบครัวและคู่รักที่ไร้ความเท่าเทียม เผยให้เราเห็นว่า ‘ความโลภ’ นั้นได้ขับเคลื่อนมนุษย์ไปสู่อะไรได้บ้าง ขณะที่ซีซั่นสอง อำนาจกลับมาในโฉมของความรักและเซ็กซ์ เมื่อบางคนอาจไม่ได้มีเงินตรา แต่ก็สามารถใช้ ‘ราคะ’ มาเป็นอำนาจไต่เต้าให้ตนได้สิ่งที่ต้องการ ส่วนบางคนก็กลายเป็นทาสแห่งกามารมณ์ และหากสังเกตให้ดี ทั้งโลภะ (greed) และราคะ (lust) ต่างก็บรรจุอยู่ในบาปเจ็ดประการทั้งสิ้น เป็นที่น่าติดตามอย่างยิ่งกว่าซีซั่นต่อๆ ไปจะนำอำนาจรูปแบบใดมาขับเคลื่อนบาปในข้อไหนอีกบ้าง

Storytelling and Symbolism

นอกจากคอนเซ็ปต์สุดแกร่งและการเสียดสีสังคมแบบทำถึงแล้ว สไตล์การเล่าเรื่องเองก็เป็นสิ่งที่ทำให้ The White Lotus เป็นซีรีส์ที่โดดเด่นขึ้นมาอีกเช่นกัน เปิดฉากด้วยการตายของใครสักคนในโรงแรมแห่งนี้ที่ชวนให้ค้นหา แต่ทว่าดูไปดูมา เรื่องราว ณ ที่แห่งนี้กลับพีคเสียยิ่งกว่าคดีฆาตรกรรมทั่วไปเสียอีก บอกเล่าผ่านโทนเรื่องแนวดาร์กคอเมดี้ที่มีจังหวะชวนขำสลับกับทำให้คุณปวดหัวจนต้องกำขวดยาพารา นอกจากนี้ แม้จะมีตัวละครมากมายหลากหลายเส้นเรื่อง แต่ก็ยังสามารถผูกโยงพวกเขาเข้าด้วยกันภายใต้ชายคาโรงแรม แถมชวนให้อยากติดตามพัฒนาการของตัวละครต่างๆ ว่าก่อนเช็กอินและหลังเช็กเอาต์นั้น ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง

และหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของการดูซีรีส์ไปถอดรหัสไป The White Lotus จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นได้ถูกสปอยล์ผ่านเครดิตตอนต้นเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งซีรีส์ยังได้สอดแทรกสัญญะต่างๆ ที่ชวนให้เราตีความต่อจนไม่อาจมองข้ามได้แม้แต่รูปปั้นหรือภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังใดๆ แถมในซีซั่น 2 ที่ยกโลเคชั่นไปถ่ายทำที่อิตาลียังสอดแทรกตำนานเทพเจ้ากรีกโรมัน เป็นไปได้อย่างยิ่งกว่าในซีซั่น 3 ที่มาเยือนประเทศไทย ดินแดนอันเต็มไปด้วยความเชื่อและเรื่องเล่าพื้นบ้านนี้ ทีมเขียนบทจะไม่พลาดหยิบมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวในซีรีส์ก็เป็นได้

Thailand is The New Destination

อีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้ นอกจากความเข้มข้นของเนื้อเรื่องใน The White Lotus ก็คือสถานที่ถ่ายทำที่สวยงามในแต่ละซีซั่นที่ผ่านมา ซีรีส์เรื่องนี้ได้เลือกใช้สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็นหมู่เกาะฮาวาย และ ซิซิลี ประเทศอิตาลี เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวิวทิวทัศน์อันงดงามและบรรยากาศที่สมจริง และในซีซั่น 3 นี้ ก็ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะได้เฉิดฉายสู่สายตาชาวโลก The White Lotus Season 3 ถ่ายทำที่เกาะสมุย ทะเลอ่าวไทย แต่ขณะที่ท่องไปในหมู่เกาะอันงดงามแห่งนี้ เราก็ได้ล้วงลึกถึงปมของตัวละครที่เปลี่ยนให้ ‘สวรรค์บนดิน’ แห่งนี้ได้กลายเป็นขุมนรกดีๆ นอกจากนี้ การเลือกใช้เพลง ‘เมดอินไทยแลนด์’ ของคาราบาว ที่สื่อถึงความเป็นไทย และนำเสนอฉากของทั้งวัดวาอาราม สถาปัตยกรรมแบบไทย การนวดแผนไทยที่มีชื่อไปถึงระดับโลก อาหารรสเลิศ การไหว้และรอยยิ้มสยาม ตลอดจนฉากลิซ่ารำไทยนั้นก็ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างแท้จริง แม้บางกระแสสังคมจะมีการตั้งคำถามว่าจะเป็นเพียงการทำเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมเท่านั้นหรือนำเสนอในแง่ลบหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป

และขึ้นชื่อว่า The White Lotus แน่นอนว่าจะไม่ใช่เพียงการยืมโลเคชั่นสวยงามมาเป็นฉากหลังถ่ายทำเท่านั้น แต่ยังได้ดึงเอาเรื่องราวและวัฒนธรรมของสถานที่นั้นๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวตลอดซีรีส์ด้วย และในซีซั่น 3 นี้ ได้ตีความประเทศไทยในฐานะ ดินแดนแห่งจิตวิญญาณ เปี่ยมด้วยความเรืองรองของศาสนา ความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรม หมุดหมายที่เหล่านักท่องเที่ยวคาดหวังให้พาพวกเขาหลุดพ้นจากความวุ่นวายในชีวิต ซึ่งอาจเป็นอีกแรงผลักดันที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้หลั่งไหลเข้ามาสัมผัสเสน่ห์ของไทยมากยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวอย่างของซอฟต์พาวเวอร์ที่ไม่ได้เกิดจากการยัดเยียดโดยคนในชาติเอง แต่เป็นมุมมองของชาวต่างชาติที่มองเห็นเสน่ห์ของประเทศไทย

Thai Actors Going Global

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่แฟนๆ ชาวไทยไม่ควรพลาดซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 นอกจากจะขนเรื่องราวมาเล่าในประเทศไทยแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังถือเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้เหล่านักแสดงชาวไทยได้ก้าวขึ้นมาเฉิดฉายในระดับโกลบอล ไปพร้อมๆ กับ ลิซ่า ในบทบาท ‘มุก’ พนักงานโรงแรมที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใสแต่มีความลึกลับซับซ้อนในตัวละคร นอกจากนี้ยังมี ปู ไปรยา , ดอม เหตระกูล , ครูเล็ก ภัทราวดี , เทม เมธี และสุทธิชัย หยุ่น มาร่วมในซีซั่นนี้ด้วย

การกระโจนเข้าสู่เส้นทางการแสดงของลิซ่านั้นถือเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างเสียงฮือฮาและชวนให้หลายคนตั้งตา โดย Mike White ผู้กำกับ The White Lotus ได้ออกมาพูดถึงการแคสติ้งบทนี้ว่าความตั้งใจแรกของเขาไม่ได้ต้องการใช้คนมีชื่อเสียง หรือศิลปิน แต่ความสามารถของเธอนั้นเหลือล้นและน่าชื่นชมโดดเด่นตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ “แน่นอนว่าเธอทำได้เป็นอย่างดีสำหรับการออดิชั่น และผมคิดว่าเธอคือนักแสดงที่ยอดเยี่ยม” พร้อมชื่นชมว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่เราเลือกเธอ เธอคือแรงบันดาลใจให้กับคนไทยหลายๆ คน ผมว่าเธอเหมือนป็อบสตาร์และเจ้าหญิงในเวลาเดียวกัน!” เป็นเครื่องหมายยืนยันว่าลิซ่าไม่เพียงสามารถทำได้ดีในหลากหลายบทบาทบนเวทีโลก แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการที่ประเทศไทยสามารถไปสู่สากลได้

นอกจากนี้ นักแสดงชาวไทยอื่นๆ ที่มาร่วมถ่ายทอดบทบาทในซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังน่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ปู ไปรยา ผู้ได้ชื่อว่าเป็นใบเบิกทางของนักแสดงไทยที่ตามล่าความฝันในระดับสากลตั้งแต่ยุคแรกๆ รวมถึง ดอม เหตระกูล และ ครูเล็ก ภัทราวดี นักแสดงที่ชาวไทยต่างยอมรับในทักษะการแสดงที่เปี่ยมด้วยความ ‘เก๋าเกม’ ตลอดจน เทม เมธี และสุทธิชัย หยุ่น ที่เข้ามาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ของคนไทยในเวทีสากลนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณดีที่วงการบันเทิงสากลกำลังส่องแสงถึงประเทศไทย

TEXT: Rathatip Khamnurak, Tikumporn Chaiyakote, Thanayut Wanametin

Latest Posts

Don't Miss