ท่ามกลางเหล่าเซเลบริตี้คนดังจากหลากหลายวงการทั่วโลกที่ไปปรากฏตัวในงาน MET Gala 2024 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตัวแทนจากวงการบันเทิงฝั่งเอเชียเองอย่าง Stray Kids ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากผู้คนในโซเชียลเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขานับเป็น K-POP วงแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเชิญไปงานแบบเต็มวง
โดยพวกเขามาในโททัลลุคจาก Tommy Hilfiger ที่เริ่มต้นจากการสวมแจ็กเกตสูทสีเข้มเพื่อเดินเข้าสู่งานนี้ และสร้างเซอไพรส์ให้กับแฟนๆ ที่ติดตามชมด้วยการเผยชุดด้านในที่โดดเด่นด้วย 3 สีคีย์หลักจากแบรนด์อย่าง แดง ขาว และน้ำเงินเข้ม
ซึ่งการมาเข้าร่วมอีเวนต์ยิ่งใหญ่ระดับโลกในครั้งนี้ ก็ทำให้หนุ่มๆ ทั้ง 8 คนได้รับเสียงชื่นชมในด้านรูปร่างหน้าตา รวมถึงการถ่ายทอดเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านตัวตนของพวกเขาได้อย่างน่าประทับใจ และแน่นอนว่าเหล่า STAY (กลุ่มแฟนคลับ) ต่างก็ภาคภูมิใจในตัวพวกเขามากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การเดินพรมแดงของพวกเขาก็ตกเป็นกระแสร้อนแรงบนโลกโซเชียลในอีกมุมหนึ่ง จากพฤติกรรมของช่างภาพจำนวนมากที่ทำหน้าที่รอถ่ายเหล่าคนดังรอบๆ บริเวณนั้น
โดยทั้งกลุ่มแฟนคลับเองและคนทั่วไปที่ได้ชมวิดีโอนั้นต่างจับคำพูดที่สื่อถึงการไม่ให้ความเคารพในตัว Stray Kids ได้ว่า “ไม่รู้ว่าพวกนายจะเข้าใจที่ฉันพูดไหม แต่ฉันจะถ่ายพวกนายทีละคนนะ”
“ฉันไม่เคยเห็นหน้าตาที่ไร้อารมณ์เยอะขนาดนี้มาก่อนเลย” “พวกเขาเป็นหุ่นยนต์ไง”
และเมื่อหนุ่มๆ ทั้ง 8 คนถอดเสื้อแจ็กเกตสูทให้เห็นลุคที่แท้จริงด้านในเหล่าตากล้องก็เริ่มบ่นกันอีกครั้งว่า “โอ๊ย เราต้องเริ่มถ่ายใหม่เหรอเนี่ย? ถ้าอย่างนั้นเราอาจจะได้รูปดีๆ สักที รอบนี้ใส่อารมณ์กันหน่อยแล้วกันนะ”
และคำที่แย่ไปกว่านั้นอีกในแง่การเหยียดอาชีพและเชื้อชาติ อาทิ แสดงอะไรให้ดูหน่อยสิ, ทุกคนกระโดดเร็ว, ฉันจะติดโควิดไหมเนี่ย หรือ อาริกาโตะ ซึ่งเป็นคำขอบคุณในภาษาญี่ปุ่น
Met Gala photographers are facing backlash after SKZ (Stray Kids) commentary surfaces online pic.twitter.com/v0FxmxPEJc
— GDTV (@groundeadtv) May 8, 2024
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดการจัดการใดๆ อย่างเป็นทางการหรือไม่ แต่นี่ก็เป็นเหตุการณ์ซึ่งสะท้อนอีกมุมหนึ่งที่เหล่าศิลปินฝั่งเอเชียต้องเผชิญเมื่อไปร่วมงานฝั่งตะวันตก ว่ามันไม่ได้สวยงามเสมอไปแม้จะเป็นอีเวนต์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ตาม และยังเป็นเรื่องราวที่ทำให้คนทั่วโลกได้ย้อนคิดถึงปัญหาการเหยียดเชื้อชาติทางคำพูดซึ่งรุนแรงกว่าที่หลายๆ คนคิดนั่นเอง