เชื่อว่าสาวๆบางคนอาจมีปัญหาที่แม้จะแต่งหน้าแล้วหน้ายังดูโทรม ไม่สดใส หนึ่งในสาเหตุหลักที่พบบ่อยคือ ปัญหาใต้ตาลึก หรือมีกระดูกใต้ตา ซึ่งแน่นอนว่านอกจากที่จะทำให้ใบหน้าดูโทรมแล้ว ในบางคนอาจมีส่วนที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อย ไม่สดชื่น และอาจดูแก่กว่าวัยอีกด้วย โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ก็มีหลายอย่างด้วยกันไล่เรียงไปตั้งแต่ เรื่องของโครงหน้า พันธุกรรม รูปแบบการใช้ชีวิต รวมไปถึงอายุ ‘ฟิลเลอร์’ จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าจับตา เพราะถือเป็นหนึ่งหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดและแทบจะไม่ต้องพักฟื้น เรียกได้ว่าเสมือน Beauty Quick Fix ที่ช่วยให้ใบหน้าแลดูสดใสได้แทบจะในทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเชื่อว่าการทำหัตถการก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนมีความกังวลและเป็นหนึ่งในกิจกรรมความงามที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทำ ดังนั้นในเมื่อจะลองทั้งที ทีมแอลขอรับหน้าที่เป็นเสมือนผู้รับบริการพร้อมเข้าไปพูดคุยกับ คุณหมอมิลค์ – พญ.พิชญ์ญาพร ศิริอุดมเศรษฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ก่อตั้ง Patcha Clinic ที่มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา พร้อมกับการเตรียมตัวและดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์

โดยคุณหมอเริ่มเล่าให้เราฟังว่าในทุกๆเคสก่อนที่จะเริ่มทำหัตถการ (หรือฉีดฟิลเลอร์นั้น) คุณหมอจะเริ่มจากการพูดคุยถึงความกังวล ความคาดหวังรวมถึงประเมินปัญหาของคนไข้เป็นรายบุคคลเพื่อที่จะช่วยดูแลปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะที่ Patcha Clinic เชื่อว่าความต้องการและปัญหานั้นแตกต่างไปตามบุคคลดังนั้นการเลือกทำหัตถการแค่เน้นถมหรือฉีดให้ดูเต็มโดยไม่มีการประเมิน และพูดคุยถึงข้อกังวลที่แท้จริงนั้นไม่ใช่ทางออกเสมอไป ดังนั้นคุณหมอจะดูในภาพรวมของใบหน้า ปัญหาผิวเพื่อออกแบบการรักษาให้ตรงจุดที่สุดเพื่อผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ซึ่งจากที่ได้พูดคุยกับคุณหมอมิลค์ถึงปัญหาใต้ตาของผู้เขียนนั้น คุณหมอได้ประเมินว่าผู้เขียนมีปัญหาใต้ตาที่ลึกแบนตั้งแต่หน้าแก้ม ส่งผลให้ใต้ตามีความคล้ำจากความลึกของผิว จึงทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส คุณหมอจึงแนะนำว่า ผู้เขียนเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ตั้งแต่บริเวณหน้าแก้มไล่ขึ้นไปยังบริเวณใต้ตาเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ลึกแบนของใบหน้าและปรับภาพรวมของโครงหน้าให้ดูเต็มขึ้นเพื่อลดปัญหาที่กังวล


Personal Review
ส่วนใครที่อยากรู้ว่าขั้นตอนเป็นอย่างไรและเรารู้สึกอย่างไรบ้าง ต่อจากนี้ผู้เขียนขอบรรยายขั้นตอนรวมถึงความรู้สึกส่วนตัวขณะทำเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจภาพรวมกันง่ายขึ้น ซึ่งหลักจากได้พูดคุยและประเมิณปัญหาและแนวทางการรักษาที่ตกลงกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้วนั้น คุณหมอจะเริ่มจากการนำฟิลเลอร์มาให้ผู้เขียนเช็คก่อนทำการฉีด ตั้งแต่กล่องและคิวอาร์โค้ดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ ซึ่งเทคนิคที่คุณหมอเลือกใช้ในคือการฉีดไล่ตั้งแต่ผิวชั้นลึกบริเวณหน้าแก้มไล่ขึ้นไปยังผิวชั้นตื้นบริเวณใต้ตา โดยคุณหมอได้เลือกใช้ฟิลเลอร์ถึง 3 โมเลกุลด้วยกันเพื่อบริเวณที่แตกต่างของใบหน้า เริ่มด้วย Restylane Lyft (1 cc) เป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง จึงถูกเลือกใช้บริเวณผิวชั้นลึกในหน้าแก้ม และตามด้วย Restylane Classic (1 cc) ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวรองลงมา บริเวณก่อนถึงใต้ตาในชั้นที่ตื้นขึ้นจากชั้นแรก และสุดท้ายกับ Restylane Vital Light (1 cc) ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวน้อย เนื้อเบา เติมบริเวณใต้ตาในผิวชั้นตื้น เพื่อความเนียนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

ซึ่งทางคุณหมอมิลค์ได้ใช้ เข็มทู่ ในการฉีดให้ โดยคุณหมออธิบายว่า ปลายเข็มมีลักษณะกลมมน ไม่มีความแหลม จะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดอาการบวมช้ำได้ และมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่เข็มจะทิ่มเส้นเลือดได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายเฉพาะบุคคลด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะฉีดผู้เขียนแทบไม่รู้สึกถึงปลายเข็มที่ฉีดลงไป จะมารู้สึกอีกทีคิดว่าน่าจะเป็นจังหวะที่เข็มอยู่ใต้ผิวแล้ว และเมื่อคุณหมอเริ่มปล่อยตัวยาออกมา จะสัมผัสได้ถึงความรู้หน่วงๆแน่นๆในบริเวณนั้น แต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด


ส่วนตัวหลังจากฉีดรู้สึกได้ว่าหน้าแก้มและบริเวณใต้ตามีความฟูขึ้นและตื้นขึ้น เลยคิดว่ามีส่วนทำให้ใบหน้าและดูสดใสขึ้นเล็กน้อย หลังจากยาชาหมดฤทธิ์จะรู้สึกเจ็บนิดๆในบริเวณที่ทำหัตถการเพียงเล็กน้อย แต่จะรู้สึกถึงความตึงของผิวบริเวณนั้นเท่านั้นมากกว่า ซึ่งถือว่าส่วนตัวรู้สึกประทับใจและคิดว่าเป็นการช่วยแก้ความกังวลใจส่วนตัวเรื่องใต้ตาหมองคล้ำดูไม่สดใสได้ค่อนข้างดี แถมยังใช้ชีวิตต่อได้สบายๆ กับข้อห้ามเพียงการงดโดนน้ำในบริเวณที่ฉีดเท่านั้น ทำให้ผู้เขียนที่นิสัยส่วนตัวไม่ชอบการรออะไรนานๆถูกจริตเป็นพิเศษ

สุดท้ายคุณหมอมิลค์ได้ฝากถึงแฟนๆแอลบิวตี้ว่า “การฉีดฟิลเลอร์นอกจากการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานแล้ว ยังต้องอาศัยความชำนาญและความเชี่ยวชาญอย่างมาก รวมถึงแพทย์ผู้ทำการฉีดต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและสรีระทางกายภาพบนใบหน้าคนไข้เป็นอย่างดี เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังฉีด และ ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ”

Do you know: ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic acid) เป็นสารที่ใกล้เคียงกับไฮยาลูรอนิกแอซิดในร่างกาย ซึ่งเป็นสารแบบชั่วคราวมีลักษณะเป็นเนื้อเจลใส ด้วยคุณสมบัติแล้วสามารถสลายเองได้ ทำให้สามารถนำมาใช้รักษาเพื่อเติมเต็มได้ในหลายบริเวณตั้งแต่ริ้วรอยต่างๆ ร่องลึก ร่องตื้น รวมถึงการปรับแก้ไขรูปหน้าได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะบุคคลที่ต้องให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นคนประเมิณการรักษาอีกครั้ง


วิธีสังเกตว่าฟิลเลอร์เป็นของแท้นำเข้ามาถูกต้องผ่านอย.ไทย
- กล่องฟิลเลอร์ต้องปิดสนิทไม่เคยเปิดใช้มาก่อน
- มีฉลากภาษาไทยติดอยู่บนกล่องอย่างชัดเจน
- มีวันผลิต และ วันหมดอายุบอกอยู่บนตัวกล่อง
- มีตัวเลข Lot ทั้งบนตัวกล่อง หลอดฟิลเลอร์ และต้องตรงกันทั้ง 2 จุด
- สามารถสแกน QR Code เพื่อเช็คได้ในบางยี่ห้อ
- หากไม่มี QR code ให้สแกน คนไข้สามารถโทรสอบถามเลขล็อต ข้างกล่องกับบริษัทที่นำเข้าในประเทศไทย ว่าตรงกับชื่อคลินิกที่เข้ารับบริการ

วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามิน ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนมาฉีด เพราะตัวยาพวกนี้จะทำให้บวมและช้ำได้ง่าย
- ถ้าหากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติแพ้ยาควรแจ้งหมอให้ทราบก่อนทำหัตถการ เพื่อลดโอกาสการเกิดอาการข้างเคียง
- งดเลเซอร์ในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 2 – 3 วันก่อนฟิลเลอร์ฉีด
วิธีการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์
- ดื่มน้ำเยอะๆ หลังจากที่ฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์ดูอิ่มฟู และอยู่ได้นานมากขึ้น
- ประคบเย็นเมื่อมีอาการบวมในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวม
- รับประทานยาที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลข้างเคียง
- ไม่ควรกด จับ หรือนวดในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าประมาณ 1 วัน หรือแต่งหน้าเบาๆ เพราะไม่ควรจับในบริเวณที่ฉีดแรงๆ
- งดเลเซอร์ หรือโดนความร้อนบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายไวขึ้นได้
- งดแอลกอฮอล์ ของหมักดอง อาหารรสจัด 1 สัปดาห์
- สังเกตอาการหลังฉีดอย่างสีผิวเปลี่ยนไปไหม มีอาการปวดหรือบวมจนทนไม่ไหว หากรู้สึกผิดปกติควรรีบมาพบหมอทันที


