Friday, March 28, 2025

5 เรื่องราวที่ทำให้พิธีปิดโอลิมปิก 2024 เป็นค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์

เชื่อว่าคนรักกีฬาทั่วโลกยังคงสนุกสนานกับพิธีปิดโอลิมปิกที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 12 สิงหาคมตามเวลาประเทศไทย ที่เต็มไปด้วยความอลังการจากพลังแห่งความสำเร็จของนักกีฬา ศิลปินหลากหลายแขนง และมนุษยชาติ ซึ่งก่อนที่ช่วงเวลาของการแข่งขันจะผลัดเปลี่ยนไปอยู่ในมือของเหล่านักกีฬาพาราลิมปิกในปลายเดือนนี้ เราอยากพาทุกคนมาร่วมสำรวมพิธีปิดกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงปารีสกันอีกสักครั้งว่า ในค่ำคืนนั้นมีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าผู้ชมกว่า 80,000 คนในสนามกีฬา Stade de France และที่อยู่หน้าจอทางบ้านอีกนับล้านกันบ้าง

Celebrating Equality

สิ่งแรกของความน่าสนใจที่ยังคงถูกประกาศอย่างหนักแน่นเสมอมาสำหรับการจัดมหกรรมการแข่งขันโอลิมปิกที่ฝรั่งเศสนั่นคือ ‘ความเท่าเทียมทางเพศ’ นับตั้งแต่การเป็นรากฐานที่ให้ผู้หญิงสามารถเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานี้ได้ครั้งแรกเมื่อปี 1900 การยกย่องเหล่ววีรสตรีในพิธีเปิด จำนวนผู้เข้าแข่งขันที่มีสัดส่วนผู้หญิงและผู้ชายเท่ากันเป็นครั้งแรก ในพิธีปิดนี้ ปารีสก็ยังคงเน้นย้ำประเด็นความเสมอภาคให้คนทั่วโลกได้เห็นอย่างน่าประทับใจด้วยการจัดพิธีมอบเหรียญกีฬามาราธอนหญิงให้อยู่ในรายการสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 128 ปี นับตั้งแต่มีการริเริ่มกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่

ซึ่งตามปกติแล้ว ผู้รับเหรียญเป็นคนสุดท้ายนั้นจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันวิ่งมาราธอนชายจากที่กีฬานี้เป็นกีฬาเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโอลิมปิกสมัยใหม่มาตลอด การเลือกให้ผู้ชนะมาราธอนหญิงมาเป็นกลุ่มที่รับเหรียญคนสุดท้ายจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงทั้้งการให้เกียรติความธรรมเนียมดั้งเดิมของโอลิมปิก และการให้ความสำคัญเรื่องเพศได้พร้อมๆ กัน

The Epic Performance

ถัดไปที่ไฮไลต์สำคัญที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก เพราะถึงแม้จะไม่ใช่คนที่ติดตามพิธีปิดก็ต้องได้เห็นภาพของมนุษย์ในชุดสีทองอร่ามในพาร์ตของโชว์ โชว์ Golden Voyager บินลงมาจากฟากฟ้าเหนือสนามกีฬา Stade de France เพื่อเป็นผู้รับธงกรีซต่อจากวีรสตรีเกราะเหล็กและอัศวินผู้โลดแล่นเหนือสถานที่ต่างๆ ซึ่งทุกคนน่าจะคุ้นตากันจากในช่วงพิธีเปิด

ลุคสีทองที่เล่นกับประกายแสงสปอตไลต์นี้ สวมใส่และแสดงโดย Arthur Cadre เป็นผลงานการออกแบบโดย Kevin Germanier ที่นำแรงบันดาลใจจาก Golden Record หรือแผ่นบันทึกข้อมูลทองคำที่องค์กรนาซาได้ส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงเกี่ยวโลกมนุษย์ไปกับยาน Voyager 2 ลำขึ้นสู่อวกาศในปี 1977 มาถ่ายทอดผ่านลุคที่ทำขึ้นจากลูกปัดกว่า 20,000 เม็ด

ตามมาด้วยการแสดงจากเหล่านักกายกรรม Spirit of the Bastille ที่เป็นผู้ส่งสัญลักษณ์ห่วงโอลิมปิกทั้ง 5 ขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีรูปปัั้น Nike เทพีแห่งชัยชนะบนเหรียญกีฬาตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง พร้อมกับดนตรีจากโชว์แกรนด์เปียโนกลางอากาศในแนวตั้งของ Alain Roche นักเปียโนชาวสวิสชื่อดังที่มาบรรเลงเพลง Hymn to Apollo ของ Gabriel Fauré คลอไปกับเสียงร้องจาก Benjamin Bernheim เรียกได้ว่าเป็นการแสดงมี่สะท้อนทั้งความสง่างามและความสามารถที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์ได้อย่างดีเลยทีเดียว

Mission (Im)Possible by Tom Cruise

นับตั้งแต่ข่าวลือการปรากฏตัวของนักแสดงเจ้าของฉากแอ็กชั่นสุดระทึกอย่าง Tom Cruise ว่าเขาจะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ในพิธีปิดปารีส โอลิมปิก 2024 พาร์ตนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกรอคอยด้วยความเชื่อใจว่าทอมไม่เคยทำให้เราผิดหวัง และเป็นไปตามคาดกับการโรยตัวจากด้านบนของสนามกีฬา Stade de France เสมือนฉากในหนังแอ็กชั่นชื่อดังอย่าง ‘Mission impossible’ พร้อมรับธงโอลิมปิกและขับขี่บิ๊กไบก์ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเหล่านักกีฬาและผู้ชมทั่วทั้งสนาม

เมื่อรับธงมาแล้ว ภาพก็ตัดไปที่ฉากสุดตื่นเต้นกับการท่องไปทั่วกรุงปารีสของ Tom Cruise ด้วยบิ๊กไบก์คู่ใจ ไปขึ้นเครื่องบินที่มุ่งหน้าไปสู่ลอสแอนเจลิส หมุดหมายถัดไปสำหรับการแข่งขันกีฬาในปี 2028 พร้อมกับการกระโดดร่อนลงมา ณ ป้ายสัญลักษณ์ HOLLYWOOD ที่ถูกตกแต่งโดยใช้กิมมิกตัว O สองตัวให้กลายเป็นสัญลักษณ์ 5 ห่วงโอลิมปิกอย่างสวยงาม

Olympic Flame’s Farewell

ถึงแม้พาร์ตนี้จะไม่ได้เต็มไปด้วยภาพสุดระทึกหรือแสงสีแบบจัดเต็ม แต่วินาทีดับไฟคบเพลิงก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในพิธีปิดโอลิมปิกในวันนี้ โดยผู้นำเปลวไฟมาจากบอลลูนคบเพลิงนั้นได้แก่ Léon Marchand นักว่ายน้ำหนุ่มทีมชาติฝรั่งเศสเจ้าของ 4 เหรียญทองโอลิมปิก ที่เดินถือตะเกียงเพลิงมาสู่กลางสนามกีฬาในลุคจาก Louis Vuitton พร้อมการร่วมดับไฟกับกุล่มนักกีฬาตัวแทนจากแต่ละทวีป เพื่อประกาศการสิ้นสุดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

Music Performances

สิ่งสุดท้ายที่เราอยากพาทุกคนมาโฟกัสนั่นคือการแสดงดนตรี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการร้อยเรียงทุกพาร์ตให้เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าจะเป็น Zaho de Sagazan กับการร้องเพลง ‘Sous le ciel de Paris’ ในลุคเดรสสุดพลิ้วไหวจาก Louis Vuitton ที่บริเวณบอลลูนคบเพลิง , สาว H.E.R ที่มาขับร้องเพลงชาติแห่งความภาคภูมิใจของสหรัฐฯ ในชุดคัสตอมเมดจาก Ralph Lauren ตลอดจน วงร็อกชื่อดังของฝรั่งเศส Phoenix ที่มาสร้างโชว์สุดพิเศษร่วมกับ Ezra Koenig นักร้องนำแแห่งวง Vampire Weekend จากอเมริก ที่แสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองชาติผู้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกต่อกัน

ตัดภาพไปอีกฟากฝั่งทางด้านสหรัฐอเมริกาผู้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิก LA 2028 ที่ต้อนรับการส่งไม้ต่อด้วยความยิ่งใหญ่ของป๊อปคัลเจอร์ทางดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ ณ หาดใน Long Beach แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้กับ Billie Eilish นักร้องสาวชื่อดังแห่งยุคมาขึ้นแสดงเพลงฮิตที่ไม่ว่าใครก็ร้องตามได้ พร้อมด้วยแร็พเปอร์ตัวท็อปสายฮิปฮอป Snoop Dogg และวงร็อกระดับตำนาน Red Hot Chili Peppers ก็มาจัดเต็มด้วยเสียงเพลงแห่งความสนุกสนานจนชายหาดกลายเป็นลานปาร์ตี้ และทำให้ตอนนี้ใจของคนทั่วโลกไปอยู่ที่เมืองลอสแอนเจลิสในปี 2028 กันแล้ว

กลับมาส่งท้ายพิธีปิดสุดอลังการอย่างสวยงามกลางกรุงปารีสกับ Yseult ที่สวมใส่ชุดจาก Dior ออกแบบโดย Maria Grazia Chiuri มาโชว์พลังเสียงในบทเพลง ‘Comme d’habitude’ โดย Claude François หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘My Way’ ซึ่งสะกดใจผู้ชมได้อย่างอยู่หมัดก่อนพลุแห่งการเฉลิมฉลองจะถูกจุดขึ้้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นการปิดโอลิมปิก2024 อย่างสมบูรณ์

Latest Posts

Don't Miss