Wednesday, January 15, 2025

เจษ เจษฎ์พิพัฒ และ ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส จาก 4MINUTES สองชื่อที่เต็มไปด้วยแพสชั่นในการแสดง

‘เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ และ ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล’ สองชื่อที่เหนือความคาดหมาย แต่แพสชั่นลุกโชนของสองศิลปินที่รักในงานแสดงมาบรรจบกันในซีรี่ส์ชวนติดตามที่สุดเรื่องหนึ่งของปี ‘4MINUTES’

ELLE: ‘ธามกับเกรท’ น่าสนใจอย่างไร จึงทำให้เจษกับไบเบิ้ลรับเล่นเป็นตัวละครนี้

JES: เรายังบอกไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีวิธีการเล่าเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้เล่าแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้เหมือนละครหรือซีรี่ส์ทั่วไปที่เล่าเรื่องตามอารมณ์ของตัวละคร แต่เรื่องนี้คนจะตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร เราจึงต้องรู้สองอย่างคือ ต้องรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน และตอนนี้ตัวละครรู้สึกอย่างไร วิธีการถ่ายก็เป็นเหมือนภาพยนตร์มากๆ แต่ใช้ภาพ แสง องค์ประกอบฉากต่างๆ เล่าเรื่อง เราต้องดูมอนิเตอร์และเฟรมกล้องมากขึ้นว่าเราอยู่ในเฟรมอะไรอยู่ บางทีนั่งอยู่บ้านแล้วคิดว่าทำไมถ่ายซีรี่ส์เรื่องนี้มันเหนื่อยจังนะ (หัวเราะ) แต่เหนื่อยในทางแฮปปี้ เหนื่อยแบบอยากไปทำต่อให้ดีขึ้น เห็นเฟรมกล้องแล้วคึกคัก เลยอยากให้ดูกันครับ

BIBLE: เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านภาพตามกฎที่ว่า Show, don’t tell เราต้องเชื่อว่าคนดูจะเห็นสิ่งที่เราอยากให้เห็น กล้องคือตัวละครอีกตัวหนึ่งที่มีคาแร็กเตอร์และวิธีเล่าเรื่องของตัวเองแล้วแต่สถานการณ์ที่กล้องอยู่ ผมรู้สึกว่าความท้าทายมาจากการที่เราเป็นนักแสดงสมทบแล้วก้าวมาเป็นนักแสดงนำ มันต่างกันเยอะมาก ไม่ใช่แค่ว่าบทเพิ่มขึ้น แต่เราคือตัวดำเนินเรื่อง มีความรับผิดชอบเยอะมากกับการสื่อความหมายแฝงของตัวละครให้กับคนดู ซึ่งเขาจะอยู่กับตัวละครของเรานานมาก ผมคิดอยู่ว่าคนดูจะชอบตัวละครนี้หรือเปล่า จะเข้าใจแรงผลักดันของเขาไหม แต่หลักๆ ผมอยากจะครีเอตก่อนแล้วค่อยกังวลทีหลัง เพราะเราทำได้แค่โฟกัสในสิ่งที่ทำ เราทำการบ้านมาดี เราทำงานเต็มที่ แล้วก็ปล่อยมันไป

ELLE: 4MINUTES เป็นผลงานแสดงใหม่ที่แฟนๆ ของไบเบิ้ลรอคอยนานมาก และเป็นบทนักแสดงนำของเรื่องครั้งแรก และเจษกับการรับงานค่าย BeOnCloud เป็นครั้งแรก ทั้งสองรู้สึกอย่างไรบ้าง

JES: ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่ปอนด์ (กฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้บริหารค่าย BeOnCloud) หลายครั้ง ผมเลือกเหมือนกับที่นักแสดงคนหนึ่งเลือก คือเลือกตามบท โปรดักชั่น นักแสดงร่วม ผู้กำกับ เรื่องราว เราอยากอยู่ในโปรเจ็กต์ดีๆ และ 4MINUTES ก็ดีจริงๆ ในทุกองค์ประกอบ มันทำให้เรารู้ว่าเราตัดสินใจไม่ผิด

BIBLE: เราตอบรับแสดงเรื่องนี้มานานแล้ว แต่พอจะเริ่มต้นถ่ายทำกันจริงๆ เรามาดูอีกทีเรื่องวิชั่นของผู้กำกับว่าจะไปในทางเดียวกับเราหรือเปล่า เราสามารถเวิร์กกับนักเขียนในเรื่องตัวละครที่เราแสดงได้มากน้อยแค่ไหน ฯลฯ ถ้าจะให้ผมเป็นนักแสดงนำในเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าผมสบายใจมาก เพราะในการทำงาน ทุกคนรับส่งกันมากๆ เลยรู้สึกพร้อมที่จะรับบทนำเป็นครั้งแรก

ELLE: ใน 4MINUTES มีความท้าทายทางจิตใจและร่างกายอะไรบ้างที่รู้สึกว่าเราได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้น

BIBLE: การทุ่มเทไม่ต่างจากเรื่องแรกเลย ต้องเรียนการแสดง เรียนฉากแอ็กชั่น ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนอยู่แล้ว มันเป็นการเตรียมร่างกาย ออกกำลังกาย เตรียมหุ่น และเตรียมเรื่องสภาพอารมณ์ เพื่อที่เวลาเราอยู่กับบทไปนานๆ เราจะได้ไม่รู้สึกจม

ELLE: ตอนแสดงเรื่องแรก KinnPorche The Series ยังตัดอารมณ์ไม่ได้ พาเวกัสกลับบ้านไปด้วยหรือ

BIBLE: ไม่เชิง แต่เวลาเรารู้สึกอะไรตอนแสดง เราใช้ความรู้สึกจากประสบการณ์จริงมากกว่า ซึ่งไม่ได้ผิด

JES: เป็นเหมือนวิธีลัดที่นักแสดงใหม่ทำกัน การแสดงเรื่องแรกแล้วจะให้เชื่อทุกอย่างที่ตัวละครเป็น ผมว่ามันยากเกินไป

BIBLE: เราเคยผ่านประสบการณ์เรื่องแรกมา พอมาเรื่องนี้ ผมคิดว่าเราไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว รู้สึกว่าการแสดงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือสภาพจิตใจของผมมากเท่ากับเรื่องแรก

JES: ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันหรือเปล่า แต่บางทีไม่ใช่ว่าตัวละครติดเราไป แต่เป็นตัวเราที่อยากเอาเขากลับไปด้วย ผมคิดว่าคนเราแยกแยะได้ว่าอันนี้คือตัวละคร อันนี้คือชีวิตเรา แต่ความสำเร็จที่เราเจอเขาต่างหากคือสิ่งที่เราไม่อยากปล่อยไป เพราะเราทำได้ดีในวันนั้น ผมติดเครียดกลับบ้านเหมือนกันตอนที่ผมเล่นเรื่อง ‘รักร้าย’ แสดงมาจนเรื่องที่ 30 กว่าก็ยังเป็น แต่ผมคิดว่าเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของนักแสดงที่เราต้องปล่อยตัวละครออกไป เป็นทักษะที่ต้องฝึก

ELLE: 4MINUTES เป็นผลงานแสดงเรื่องที่ 2 ของไบเบิ้ล และเป็นผลงานแสดงเรื่องที่ 35 ของเจษ มีอะไรที่ไบเบิ้ลทำให้รุ่นพี่เจษรู้สึกเซอร์ไพรส์บ้างทางการแสดง และกลับกันมีเรื่องอะไรของเจษที่ทำให้รุ่นน้องไบเบิ้ลรู้สึกว้าวบ้าง

JES: ผมคิดว่าไบเบิ้ลให้ความสำคัญกับการแสดงเยอะกว่าการเป็นดารา และเขามีวัตถุดิบที่ดีมากๆ ของการเป็นนักแสดงก็คือความจริงใจ ถ้าคนเราจริงใจต่อความรู้สึกของตัวเอง คิดอะไรก็พูด รู้สึกอะไรก็แสดงออกมา เราจะไม่มีกำแพงระหว่างข้างในกับข้างนอก ทำให้ไบเบิ้ลแสดงความรู้สึกออกมาได้ง่าย ซึ่งตอนเด็กๆ ที่ผมเริ่มทำงานแสดง ผมทำแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องใช้เวลาปลดล็อกอยู่นาน แต่ไบเบิ้ลจริงใจมาก เวลาเล่นไม่ได้เขาก็บอกว่า ‘พี่ ผมเล่นไม่ได้ แบบนี้ต้องเล่นยังไง’ (ไบเบิ้ลหลุดหัวเราะ) และเป็นความน่ารักของคนคนหนึ่งด้วยที่จริงใจมากๆ เราไม่ต้องเท่ตลอดเวลาก็ได้

BIBLE: ผมสัมผัสได้ตั้งแต่ตอนแรกที่เราเวิร์กช็อปกันว่าพี่เจษเป็นคนที่มีแพสชั่นด้านการแสดงมาก และเขามองการแสดงในเชิงศิลปะเหมือนศิลปินจริงๆ ผมเห็นว่าเขามีประสบการณ์เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำ มุมมอง ความคิดเห็นบางทีที่เข้าฉากบางฉากกับเขา ผมคิดในหัวเลยนะว่า ‘โอ้ เรายังอีกยาวไกล’ (หัวเราะ) ผมประทับใจเขาในเรื่องนี้ที่ว่า ‘hard work beats talent’ ความพยายามจะชนะพรสวรรค์ทุกครั้งเสมอ ผมมองว่าการเป็นนักแสดงต้องอยากเป็นจริงๆ เพราะมันยาก

ELLE: รักษาโฟกัสนี้ยากไหม เรื่องที่เราอยากจะเป็นนักแสดง ไม่ได้อยากเป็นดารา

JES: มันมีสองแบบนะ คือเราอยากเป็นนักแสดงเพราะเราอยากเป็นอย่างอื่น กับเราอยากเป็นนักแสดงเพราะเราอยากเป็นนักแสดง ถ้าเรารู้ในตอนแรกว่าเราอยากเป็นนักแสดงทำไม แค่นั้นมันก็ตอบทุกอย่างแล้ว และผมมองว่าไม่ได้มีอะไรผิดกับการเป็นนักแสดงเพื่ออยากจะเป็นอย่างอื่น นี่เป็นวิธีคิดของผมเท่านั้น

BIBLE: ผมตอบคำถามตัวเองได้ตอนที่เล่นเรื่องแรกและมาคอนเฟิร์มกับตัวเองอีกทีตอนที่เล่นเรื่องนี้ บางทีตอนกลับบ้าน ไม่ได้นอน 24 ชั่วโมง เหนื่อยมาก แต่ทำไมไฟยังไม่มอด ทุกอย่างที่เราทำไป เราทำไปด้วยใจ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ น้ำตาที่เราพยายามทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ผมเห็นไอดอลของผมที่เป็นนักแสดง ส่วนใหญ่เป็นคนโลกส่วนตัวสูงมากๆ อย่าง Daniel Day Lewis ที่ตอนนี้เลิกแสดงไปแล้วและไปเป็นช่างไม้ ช่างทำรองเท้า มันเท่น่ะ ผมอยากเป็นศิลปินแบบนั้น มันทำให้ผมตอบคำถามตัวเองได้ว่าผมอยากเป็นนักแสดง

ELLE: “หลังจากถ่ายมาจนจะจบ 4 นาทีไม่ใช่แค่ซีรี่ส์ แต่เป็นที่ปล่อยของของทุกคน” เจษทวีตข้อความนี้ใน X อยากให้ขยายความโพสต์นี้ 

JES: ถ้าซีรี่ส์ออนแล้ว ผมอยากให้คนดูดูปัจจัยอื่นนอกจากนักแสดงพูดไดอะล็อก แต่ลองดูแสงดูสี ดูทุกรายละเอียด คนทำงานเบื้องหลังสำคัญมากๆ และเป็นคนที่ทำงานหนักกว่าพวกเรา เขาคิดอะไรมาเยอะมากจนเลยไปกว่าที่เราคิด เราอยากยกระดับอุตสาหกรรมหนัง ซีรี่ส์ ละครบ้านเราให้มีรายละเอียดมากขึ้น

BIBLE: ทุกฝ่ายมีความตั้งใจกับรายละเอียดที่อยู่ในเฟรมมากๆ รวมถึงนักแสดงคนอื่นด้วยที่ไม่ใช่แค่เราสองคน แต่รวมถึงทุกคนที่เล่นเรื่องนี้เลย ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้มาร่วมงานกับคนที่ทุ่มเทกับการทำงาน ผมอยากชมน้องๆ ทุกคน

ELLE: ตัวละครที่อยากจะเป็นต้องแบบไหน

BIBLE: อยากเป็นตัวละครที่คนดูเห็นแล้วไม่เชื่อว่าผมจะเล่นได้ ‘บทนี้ไบเบิ้ลเล่นเหรอ’ ผมอยากเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบท เราจะได้เรียนรู้มากกว่าถ้าเราเล่นเป็นตัวละครหลายมิติ เป็นคนดีบ้าง คนร้ายบ้าง ไม่ต้องเป็นตัวละครหลักก็ได้ แต่อยากเป็นตัวละครที่น่าสนใจ ผมไม่อยากโดน typecast

JES: ผมอยากดูเรื่องราวมากกว่า เป็นเรื่องราวที่ประเทศเราไม่กล้าเล่า ผมไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเรื่องแบบไหน แต่มันจะสนุกกว่าเรื่องที่เรากำลังเล่ากันอยู่ตั้งเยอะแยะที่ทำให้เราตีสโคปการเล่าเรื่องได้แค่นี้ ไม่เรื่องราวแนวฟีลกู๊ดก็แย่งแฟนกัน หรือเป็นเรื่องบริษัท ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งในการบอกเล่าเรื่องที่ยังไม่เคยเล่าหรือไม่กล้าเล่าคงจะดี

BIBLE: โดยเฉพาะเรื่องที่มันจริง ผมอยากเล่นหนังแอ็กชั่นด้วยนะในตอนนี้ เพราะในชีวิตการเป็นนักแสดงของเรา พอถึงช่วงหนึ่ง เราจะไม่สามารถเล่นบางบทได้แล้ว ผมอยากเล่นแอ็กชั่นตอนอายุเท่านี้ ตอนที่ร่างกายเราพร้อมที่สุด (หัวเราะ)

ELLE: ขอนิยาม 4MINUTES คนละ 3 คำ

JES: มันเท่ มันน่าติดตาม มันซับซ้อน

BIBLE: ‘ซีรี่ส์ครบรส’ มันมีทุกอย่าง

JES: (พูดทวนคำตอบของไบเบิ้ล) ซีรี่ส์ครบรสๆ

BIBLE: ซีรี่ส์-ครบ-รส 3 คำไง

JES: เขาต้องการ adjective 3 คำหรือเปล่า (หัวเราะ)

BIBLE: อ่า…เหรอ ‘กลมกล่อม ตื่นเต้น suspended’ มีครบรสจริงๆ แอ็กชั่นก็มี มุมน่ารักก็มีนะ

Photographer : Manosit Boonnon
Fashion Editor : Preuksapak Chorsakul
Text : Suphakdipa Poolsap
Make up : Atimate Ariyakornanun
Hair : Ruangritz Apisitvachiramatee
Assistant Photographer : Supasit Sooksawat, Natchanon Pinyosawatsakul, Thanakorn ketnuam, Metphumin Ploychayapat
Assistant Stylist : Thanawat Nitithanaiyaphong, Tanunthorn Aiamlajornchai, Natthapan Janthanachat
Fashion Coordinator : Petcharaporn Sornkrang

Latest Posts

Don't Miss