“กั๊กมาก็กั๊กกลับ! เอาให้เข็ด” เรียกได้ว่านาทีนี้คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินวลีเด็ดสุดไวรัลข้างต้นจาก ‘GELBOYS สถานะกั๊กใจ’ ซีรี่ส์รักวัยรุ่นแห่งยุคที่ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ใน X พร้อมทุบสถิติด้วยการเป็น ‘ซีรี่ส์ไทยที่มียอดรับชมสูงสุด’ บนแอพพลิเคชั่น iQIYI ถึงสองสัปดาห์ซ้อน โดยถ่ายทอดเรื่องราว Coming of Ages ในแง่ของการเติบโตและความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของเหล่าเด็กหนุ่มที่นำแสดงโดย 4 นักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่อย่าง นิว ชยภัค, ไป๊ป มนธภูมิ, พีเจ มหิดล และเลออน เซ็ค ผลงานล่าสุดของ บอส กูโน ผู้กำกับมือทองที่เคยฝากผลงานล่ารางวัลมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ส์ ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ แล้วความพิเศษของซีรี่ส์เรื่องนี้คืออะไร เหตุใดจึงครองใจผู้ชมทุกเพศทุกวัยได้แบบไม่มีกั๊ก แอลรวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาไว้ให้แล้ว!
ไม่ใช่แค่เรื่องราวสุดฟินชวนจิกหมอนเท่านั้นที่ก่อให้เกิดกระแสจนกลายเป็น Talk of the town ในสังคม แต่นี่คือซีรี่ส์วายที่สะท้อนแนวคิด การใช้ชีวิต ไปจนถึงป๊อปคัลเจอร์ของเด็กยุคใหม่ได้อย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังถ่ายทอดชีวิตของวัยรุ่นที่อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนหนังรักวัยรุ่นหวานใสตามขนบ แต่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งซึ่งมีอารมณ์ความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง หัวเราะได้ และร้องไห้เป็นออกมาได้อย่างธรรมชาติ กล่าวคือ ยิ่งได้ดูก็เหมือนยิ่งรู้สึกเชื่อมโยงถึงชีวิตจริงของใครหลายๆ คน อาทิ การนัดรวมตัวกันที่แลนด์มาร์กสำคัญของวัยรุ่นอย่างสยาม, ความสัมพันธ์กั๊กๆ ในแบบแบบฉบับเด็ก Gen Z, การทำเล็บเจลสุดครีเอตที่ต้องฟาดฟันกันด้วยสารพัดของตกแต่งบนเล็บ, การนำเพื่อนสนิทเข้าวงเขียวหรือ Close Friends ในอินสตาแกรม ไปจนถึงความต้องการเป็นที่ยอมรับหรือถูกรักจากผู้อื่น และอีกมากมาย
‘ไร้สถานะ’ สถานะยอดฮิตของเด็กรุ่นใหม่


ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงเสมือนสายหูฟังที่ถูกกั๊กต่อกันเป็นทอดๆ ของกลุ่มเด็กหนุ่มเล็บเจลทั้ง 4 คน อันได้แก่ โฟร์มด, วิเชียร, บ้าบิ่น และบัวสะท้อนถึงรูปแบบความสัมพันธ์ของเด็ก Gen Z ในปัจจุบันที่ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะยังตั้งคำถามหรือเข้าไม่ถึงได้เป็นอย่างดี โดยการกั๊กในที่นี้หมายถึงลักษณะความสัมพันธ์ที่ไร้ซึ่งการผูกมัดหรืออาจเรียกได้ว่าไปไม่สุดซักทาง ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ยอมโดนกั๊กแต่ไม่อาจต้านความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายได้จนนำไปสู่การยอมอยู่ในสถานะ ‘ไร้สถานะ’ ในท้ายที่สุด

ซึ่งในซีรี่ส์ข้างต้นถ่ายทอดเรื่องราวการกั๊กกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดผ่านตัวละครหลักได้อย่างน่าสนใจ เมื่อคนใดคนหนึ่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกกั๊กก็จะไปกั๊กคนอื่นต่อ วนเวียนเป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จบ และถึงแม้จะดูเป็นเส้นเรื่องที่ถูกร้อยเรียงออกมาได้น่าติดตาม แต่หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงกับเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งก็คงจะสร้างบาดแผลในใจให้แก่พวกเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
หนุ่มเล็บเจล ศิลปะไร้ขอบเขตที่เผยให้เห็นถึงความเท่าเทียม





การทำเล็บเจลที่ปรากฏในเรื่อง GELBOYS สถานะกั๊กใจ จนถูกพูดถึงอย่างล้นหลามไม่ได้เป็นเพียงแค่แฟชั่นหรือกระแสนิยมใดๆ ทว่ายังถือเป็นสัญญะของ ‘ความอิสระ’ สื่อถึงการทลายกรอบทางเพศที่ก้าวข้ามขีดจำกัดรวมถึงขนบความเชื่อเดิมๆ ในสมัยก่อนที่ความสวยงามถูกจำกัดอยู่แค่ที่เพศหญิง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่น่าสนใจเช่นกัน หนุ่มๆ เล็บเจลในซีรี่ส์เรื่องนี้จึงถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์การทำเล็บเจลสุดฮิตไปสู่คนรุ่นใหม่ในทุกเพศทุกวัย พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ชายที่ไม่เคยทำเล็บมาก่อนเพราะอาจกลัวโดนคนรอบข้างตัดสินให้กล้าที่จะแต่งแต้มสีสัน สะท้อนตัวตนผ่านการรังสรรค์ลวดลายเล็บของเจ้าตัว นอกจากนี้ ยังแอบซ่อนกิมมิกเล็กๆ เพื่อใช้ในการสื่อความรู้สึกอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น “โฟร์มด เป็น แฟน เชียร ไหม” ผ่านลายเพ้นท์อีโมจิสุดน่ารักอีกด้วย

@prohubpromotion #แฟชั่นฮับ GELBOYS ฟีเวอร์ เมื่อคุณทนกระแส GELBOYS ไม่ไหว ก็ทำเล็บตามกันไปเลยยย~~💅🏻 #โปรฮับ #Gelboy GELBOYS
♬ เสียงต้นฉบับ – prohub promotion – prohub promotion
เมื่อชีวิตวัยรุ่นต้องขับเคลื่อนด้วยสื่อดิจิทัล


ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียแทบจะเป็นโลกทั้งใบของเด็กวัยรุ่นในยุคนี้ สังเกตเห็นได้จากการเดินเรื่องและการลำดับภาพที่ผสมผสานทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันจนถูกขนานนามว่า “นี่คือซีรี่ส์วัยรุ่นยุคใหม่จริงๆ” ซึ่งนอกเหนือจากการถ่ายทำด้วย iPhone ตลอดทั้งเรื่องจนเรียกเสียงฮือฮาจากคนส่วนใหญ่ไปได้อย่างล้นหลามแล้ว ยังมีการ Airdrop รูปภาพผ่านสมาร์ตโฟน, การถ่าย TikTok ไปจนถึงการสร้างเพลย์ลิสต์เพลงเพื่อสื่อความรู้สึกถึงคนที่ชอบเช่นกัน สะท้อนให้เห็นถึงโทรศัพท์คัลเจอร์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตวัยรุ่นได้อย่างชัดเจน
พี่เค้าจะ airdrop รูปให้ แต่ชีบอกไม่ได้ใช้ iphone โสดด้วยความสามารถมากยัยโฟร์มด 55555555555555555555565555555#GELBOYSสถานะกั๊กใจEP1 pic.twitter.com/hqwUcqJ3xM
— betty 🎀 (@cuperqtpie) February 8, 2025
อย่างไรก็ตาม ซีรี่ส์ไม่ได้เผยให้เห็นถึงแค่ด้านสนุกสนานบนโลกอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังเผยอีกด้านของเทคโนโลยีที่อาจสร้างความเจ็บปวดให้แก่เหล่าเด็กหนุ่มเล็บเจลได้อีกไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการดองแชท หรือการที่วิเชียรนำโฟร์มดออกจาก Close Friends ทั้งๆ ที่ยังมีความสัมพันธ์พัวพันกันอยู่แต่เพราะตนต้องการที่จะลงรูปบัว รวมถึงการใช้ Zoom แพลตฟอร์มยอดฮิตที่วัยรุ่นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีภายหลังจากช่วงโควิด-19 ในการเคลียร์ปัญหาความสัมพันธ์ที่โดนกั๊กต่อกันเป็นทอดๆ แทนที่จะคุยกันแบบซึ่งๆ หน้าอย่างที่เคยเป็นในสมัยก่อน

วิ่งล่าตามหาจุดที่จะถูกรัก

หลายครั้งที่ค่านิยมหรือความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับทำให้ใครหลายคนต้องดิ้นรนอย่างสุดตัวเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทิศทางที่ใจอาจไม่ได้ต้องการ เฉกเช่นเดียวกับ GELBOYS สถานะกั๊กใจ ที่ถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวออกมาผ่านตัวละคร ‘บัว’ ที่พยายามจะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองเพื่อที่จะทำให้บ้าบิ่นชอบตนกลับ หรืออาจกล่าวง่ายๆ ได้ว่าอยากเป็นคนที่ถูกรักบ้างนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการย้อมสีผมหรือสวมใส่คอนแทคเลนส์สีดำเพียงเพราะบ้าบิ่นบอกว่า “ไม่อินฝรั่งผมน้ำตาลตาฟ้า” ทวีคุณความรู้สึกเจ็บปวดให้แก่ผู้ชมหน้าจอไปตามๆ กัน


ไม่เพียงเท่านั้น แต่ฉากข้างต้นยังชวนให้หวนนึกถึงอีกหนึ่งฉากในตำนานจากซีรี่ส์ ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ ที่ตัวละคร ‘โอ้เอ๋ว’ รับบทโดย พีพี กฤษฏ์ ได้หยิบเสื้อชั้นในสีแดงมาสวมใส่พร้อมยืนมองตัวเองหน้ากระจกและร้องไห้ออกมา สื่อถึงความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาว่าถ้าหากตัวเองมีหน้าอกแบบผู้หญิงก็อาจจะสมหวังในความรักได้อย่างง่ายดายบ้างเช่นกัน
ถึงจะลาจอพร้อมคลี่คลายความสัมพันธ์ของเหล่าหนุ่มเล็บเจลกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่ GELBOYS สถานะกั๊กใจ ก็ถือเป็นซีรี่ส์วายแห่งยุคที่สร้างแรงกระเพื่อมและความเคลื่อนไหวใหม่ๆ พร้อมฝากวลีเด็ดปังๆ ไว้ให้แก่สังคมไทยในตอนนี้ไม่น้อย สำหรับใครที่ยังไม่เคยรับชมต้องห้ามพลาด ระวังจะโดนกั๊กไม่รู้ตัว!
TEXT: Pimnara Suesatkul